น้ำหลวงสรงศพหลวงปู่จันทร์ ถึงเชียงใหม่วันนี้
น้ำหลวงสรงศพ หลวงปู่จันทร์ ถึงเชียงใหม่วันนี้ ด้านคณะกรรมการประชุมมีมติไม่ลงเปลวทองบนร่างหลวงปู่เพราะถือว่าหลวงปู่มี สรีระเป็นทองอยู่แล้ว ล่าสุดประชุมเตรียมพิธีใหญ่ บรรจุศพลง
บทองทึบ พร้อมเคลื่อนสรีระขึ้นวิหารหลวงฯ ให้ศรัทธาประชาชนได้ร่วมไว้อาลัย
จากกรณีพระพุทธพจนวราภรณ์ หรือหลวงปู่จันทร์ กุสโล อายุ 91 ปี พรรษา 71 ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 4-5-6-7 (ธ) เจ้าอาวาสวัดเจดีย์หลวงวรวิหารเชียงใหม่ ได้มรณภาพอย่างสงบเมื่อวันที่ 11 กค.51 เวลา 18.33 น.ณ กุฏจันทร์ กุสโล วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร อ.เมืองเชียงใหม่ หลัง จากออก รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ มาอยู่ที่ กุฏิจันทร์ กุสโล วัดเจดีย์หลวง ซึ่งถูกดัดแปลงให้เป็นห้อง ไอซียูตั้งแต่ 27 มิ.ย. 51 ตามข่าวที่เดลินิวส์ได้เสนอไปแล้วนั้น
ข่าวคืบหน้าเมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 12 ก.ค.51 ณ วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร อ.เมืองเชียงใหม่ พระพุทธิสารโสภณ เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่-ลำพูน-แม่ฮ่องสอน ได้ประชุมคณะกรรมการบริหารของวัด จากนั้นได้เป็นประธานในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนที่วัดเจดีย์หลวงเพื่อแจ้ง ถึงกำหนดการพระราชทานน้ำหลวงสรงศพ และประทานน้ำสรงศพ พระพุทธพจนวราภรณ์ พระพุทธิสารโสภณ เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่-ลำพูน-แม่ฮ่องสอน ได้เปิดเผยว่า กำหนดการพระราช ทานน้ำหลวงสรงศพและประทานน้ำสรงศพนั้นทางคณะสงฆ์และศิษยานุศิษย์ได้ประชุม หารือกันแล้ว กำหนดคือ ในวันจันทร์ที่ 14 ก.ค.51 เวลา 10.00 น. พิธีเชิญศพพระพุทธพจนวราภรณ์ จากกุฏิจันทร์ กุสโล สู่พระวิหารหลวง วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร โดยจัดให้มีขบวนแห่มีประโคมกลองจุม แถวพระเถระ ผู้ใหญ่ เครื่องทองน้อย รูปพระเดชพระคุณหลวงปู่พระพุทธพจนวราภรณ์ สรีระร่างของพระเดชพระคุณ หลวงปู่พระพุทธพจนวราภรณ์ ซึ่งจะมีการแบกทั้งเตียงที่สังขารของพระเดชพระคุณท่านนอนอยู่ พระสงฆ์สามเณร คณะศรัทธา ประชาชน ตั้งแถวสองข้างทางจากกุฏิจันทร์ กุสโล ถึงพระวิหารหลวงนำสรีระร่างของหลวงปู่เข้าประตูด้านหน้าวิหาร จากนั้นเวลา 10.30 น.ประธานสงฆ์ถวายน้ำสรงศพ พระสงฆ์ สามเณรและศรัทธาประชาชน ถวายน้ำสรงศพ กระทั่งเวลา 15.00 น.ก็มีพิธีอัญเชิญน้ำสรงของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช โดยประธานสงฆ์ เวลา 15.30 น.พนักงานพระราชพิธีอัญเชิญน้ำ หลวงพระราชทานจากท่าอากาศยานเชียงใหม่ สู่วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร เวลา 16.00 น.ขบวนอัญเชิญน้ำ หลวงพระราชทานถึงวัดเจดีย์หลวงพนักงานพระราชพิธีอัญเชิญน้ำหลวงพระราชทาน ผ่านแถวข้าราชการ และประชาชนเข้าสู่มณฑลพิธีในพระวิหารหลวงทำพิธีอัญเชิญน้ำหลวงพระราชทานโดย ประธานฝ่ายฆาราวาส ถวายน้ำหลวงพระราชทานสรงศพ และทำตามขั้นตอนทางพุทธศาสนาจนเสร็จ จากนั้นเวลาประมาณ 17.00 น.คณะสงฆ์คณะศรัทธาประชาชน ประกอบพิธีขอขมาบรรจุศพหลวงปู่จันทร์ลงใน
บ
ทองทึบ
พระพุทธิสารโสภณ เจ้าคณะจังหวัดฯ ได้เปิดเผยว่า สรีระของหลวงปู่จันทร์นั้นทางคณะสงฆ์และคณะ ศิษยานุศิษย์ได้ประชุมหารือกันแล้วมีมติไม่ลงเปลวทองทั่วร่างของหลวงปู่ เหมือนพระเถระหรือพระเกจิรูปอื่นแบบล้านนา แต่จะปล่อยสรีระของหลวงปู่เป็นธรรมชาติเพราะทุกคนลงความเห็นว่าหลวงปู่ จันทร์ นั้นท่านเป็นพระสงฆ์ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเป็นพระนักพัฒนาช่วยเหลือสังคมเป็น พระปฏิบัติด้านกัมฐานถือ ว่าท่านเป็นทองทั้งองค์อยู่แล้วไม่จำเป็นต้องไปลงทองเปลวสรีระ
ทางด้านคณะแพทย์และพยาบาลรวมทั้งศิษยานุศิษย์ของหลวงปู่จันทร์ที่เฝ้าดู อาการของหลวงปู่จนมรณภาพได้เปิดเผยว่า เป็นเรื่องมหัศจรรย์ยิ่ง ก่อนที่หลวงปู่จะมรณภาพละสังขารอย่างสงบนั้น เครื่องวัดตรวจชีพจรและหัวใจซึ่งได้แสดงการเต้นของชีพจรและหัวใจที่ถูกติด ตั้งไว้ปรากฏว่าเมื่อเวลา 18.00 น. ตรงเครื่องตรวจวัดชีพจรและหัวใจได้แสดงภาพการเต้นของหัวใจและชีพจรหลวงปู่ เป็นเส้นตรง ถือว่าทุกอย่างของร่างกายของหลวงปู่หยุดการทำงานหมดแล้ว ตอนนั้นทุกคนคิดว่า หลวงปู่ละสังขารแล้วแต่ปรากฏว่าหลวงปู่ยังหายใจอยู่คณะแพทย์พยาบาลและ ศิษยานุศิษย์ได้ดูจนลมหายใจของหลวงปู่ค่อย ๆ อ่อนลง จนกระทั่งเวลา 18.33 น.หลวงปู่จึงละสังขารจากไปอย่างสงบ ซึ่งการหายใจของหลวงปู่ลมหายใจสุดท้ายยาวนานถึง 33 นาที ท่ามกลางความตื่นเต้นบางคนถึงกับมือพนมมือกล่าวคำว่าสาธุขึ้นมาทันที หลวงปู่ใช้กระแสจิตหยุดเครื่องตรวจวัดชีพจรให้หยุดการทำงานด้วยความที่ท่าน ไม่อยากให้ลูก ศิษย์และคณะแพทย์พยาบาลเป็นห่วงพะวงท่านจากไปอย่างสงบ เหมือนท่านจากไปสู่นิพพาน