มีนาคม 28, 2024, 05:07:48 PM

ยินดีต้อนรับเพื่อนๆ ทุกคนครับ กรุณาลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่อโพส ดูไฟล์แนบ และเข้าสู่บอร์ดอื่นๆ
กรุณาอย่าสมัครสมาชิกเพื่อโฆษณาเวปไซด์ หรือสินค้าใดๆ รวมถึงการเสนอขายสินค้าทุกชนิด
หากพบเห็น ทางทีมงานจะทำการตักเตือนก่อนในครั้งแรก
แต่หากยังฝ่าฝืนกระทำการดังกล่าวอีกทีมงานจะดำเนินการลบสมาชิกของท่านทันทีตามข้อตกลงในการสมัครสมาชิกครับ


หลังจากลงทะเบียนเพื่อสมัครสมาชิกใหม่แล้วโปรดตัวสอบ e-mail ของคุณ หรือทดลอง log in ได้ภายใน 24 ชั่วโมงครับ
*** บางครั้ง e-mail อนุมัติอาจอยู่ใน จดหมายขยะ หรือ Spam ขอบคุณครับ

ผู้เขียน หัวข้อ: เหล้าชาวบ้านในรั้วบ้านผม  (อ่าน 1032544 ครั้ง)

ออฟไลน์ เก่ง หล่ายดอย

  • The Watcher Team
  • Master Degree of MC27/30
  • ***
  • กระทู้: 11,956
  • ถูกใจ: +22/-0
  • ให้เหล้า เท่ากับแบ่ง
เหล้าชาวบ้านในรั้วบ้านผม
« เมื่อ: มิถุนายน 09, 2009, 04:19:06 PM »
สืบเนื่องเป็นเหตุมาจากข้อความเนี๊ยะของจานโกย

เก่ง
กูว่ามึงเปิดหัวข้อใหม่ เหล้าบ้านผมดีก่ามั่ง มันไม่รอบรั้วบ้านยังงัยไม่รู้ 555  :angry2:

ก็เลยคิดขึ้นมาได้ว่าเราลองมาทำความรู้จักมักคุ้นกับเจ้าสิ่งที่เรามักจะใช้งานเมื่อเวลาที่พวกเรามาอยู่กันพร้อมหน้า
ให้มันมากขึ้นหน่อย ด้วยว่าเดี๋ยวนี้มีอากู๋ทำให้เราหาข้อมูลมันได้ง่ายขึ้น เราลองมาทำความรู้จักกับมันสักหน่อยกันดีกว่าครับ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 09, 2010, 04:54:02 PM โดย เก่ง หล่ายดอย »
-10 มิตรภาพจากคนแปลกหน้า มีค่ามากกว่าลมปากจากคนคุ้นเคย

ออฟไลน์ เก่ง หล่ายดอย

  • The Watcher Team
  • Master Degree of MC27/30
  • ***
  • กระทู้: 11,956
  • ถูกใจ: +22/-0
  • ให้เหล้า เท่ากับแบ่ง
Re: เหล้าชาวบ้าน ในรั้วบ้านผม
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มิถุนายน 09, 2009, 04:20:42 PM »
ชนิดของเหล้าที่ควรรู้ ซึ่งมีอยู่ด้วยกันหลากหลายชนิด โดยแยกตามที่มาและวิธีการผลิตดังนี้ครับ
 
ตากีลา (Tequila)     

    ตากีลา เป็นเหล้าสีขาว กลิ่นแรง หมักจากพืชที่เรียกว่า Mezcal ผลิตในประเทศเม็กซิโก ปกติตากีลาจะมีสีขาว แต่บางชนิดมีสีเหลืองทองจากการเก็บบ่มในถังไม้ ปกติชาวพื้นเมืองเม็กซิโก นิยมดื่มเหล้าตากีลาโดยไม่ผสม หากแต่ก่อนดื่มจะหยิบเกลือใส่ปาก บีบมะนาวตาม แล้วจึงยกเหล้า ขึ้นดื่ม เพื่อให้รสชาติของเหล้าคลุกเคล้ากับเกลือและมะนาวในปาก ในปัจจุบันนิยมนำตากีลามาทำเครื่องดื่มผสม เช่น Tequila Sunrise, Margarita เป็นต้น
   เหล้าตากีลาที่รู้จักกันดีในประเทศไทยก็จะมี Olmeca, Cuervo, Sauza ครับ

วอดก้า (Vodka)     

    วอดก้า เป็นเหล้าสีขาวใส มีกลิ่นเพียงเล็กน้อยจนแทบไม่รู้สึก ดีกรี 40-50 ต้นกำเนิดอยู่ในรัสเซียและโปรแลนด์ สมัยก่อนไม่เป็นที่รู้จัก แต่ในปัจจุบันเป็นเหล้าที่นิยมกันมากครับ เป็นเหล้าที่หมักจากข้าวหรือมันฝรั่ง ผ่านการกรองและดูดกลิ่นจนเหลือสีเจือปนและกลิ่นน้อยที่สุด
   คำโฆษณาที่ว่า " It will leave you breathless " คือเมื่อดื่มวอดก้าแล้วจะไม่มีกลิ่นติดค้างเมื่อหายใจ เครื่องดื่มผสมวอดก้าที่เป็นที่รู้จักก็มี Screw Driver, Bloody Mary, Vodka Martini เป็นต้นครับ
   ส่วนเหล้าวอดก้าที่รู้จักกันดีในประเทศไทยก็มี Larios, Wyborowa, Borzoi , Stolighinaya

จิน (Gin)     

    จิน เป็นเหล้าสีขาว มีกลิ่นหอมของผลจูนิเปอร์ ทำมาจากการกลั่นข้าวและผสมกลิ่นรสชาติของสมุนไพร และผลจูนิเปอร์ เป็นที่นิยมกันมากในฮอลันดา ปัจจุบันผลิตกันในหลายๆประเทศ กลิ่นและรสชาติก็แตกต่างกันไป เพราะมีการเปลี่ยนแปลงทั้งวิธีการผลิตและส่วนผสม
   จินที่ผลิตจากประเทศฮอลันดา รสจะเข้มข้นมาก นิยมดื่มโดยไม่ผสม แต่ควรแช่ให้เย็นจัด จินจากอังกฤษและอเมริกา นิยมดื่มเป็นเครื่องดื่มผสม ที่รู้จักกันแพร่หลายเช่น Gin Tonic, Tom Collins, Martini
   ส่วนจินที่รู้จักกันในประเทศไทย เช่น Beefeater, Gordon,Gilbey's ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้คำว่า London Dry Gin
-10 มิตรภาพจากคนแปลกหน้า มีค่ามากกว่าลมปากจากคนคุ้นเคย

ออฟไลน์ เก่ง หล่ายดอย

  • The Watcher Team
  • Master Degree of MC27/30
  • ***
  • กระทู้: 11,956
  • ถูกใจ: +22/-0
  • ให้เหล้า เท่ากับแบ่ง
Re: เหล้าชาวบ้าน ในรั้วบ้านผม
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: มิถุนายน 09, 2009, 04:21:39 PM »
บรั่นดี (Brandy)
   
   บรั่นดี เป็นเหล้าที่นิยมกันมาก ได้จากการหมักองุ่นให้เป็นไวน์(wine)แล้วจึงนำมากลั่นเป็นบรั่นดี จากนั้นนำไปเก็บบ่มให้ได้ สี กลิ่น รส ที่ดีครับ บรั่นดีที่มีขายตามท้องตลาด สามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภท
1. บรั่นดีพื้นเมือง (Domestic Brandy) เช่น Regency Brandy,German Brandy.
2. บรั่นดีมาตรฐาน (Regular Brandy) ส่วนมากเป็นบรั่นดีที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ
3. บรั่นดีเกรดสูง (Premium Brandy) เป็นบรั่นดีราคาแพงที่เก็บบ่มไว้ในถังไม้โอ๊กเป็นเวลานาน โดยระบุคุณภาพเป็นอักษรย่อ หรือชื่อพิเศษ เช่น คอนยัค(Cognac) หรือ (Armagnac)
 
บรั่นดีผลไม้ (Fruit Brandy)
   
   บรั่นดีผลไม้ คือ บรั่นดีที่ทำจากผลไม้อื่นๆที่ไม่ใช่ผลองุ่น ซึ่งจะให้กลิ่นรสแตกต่างกันไปครับ แบ่งเป็น 2 ชนิดด้วยกัน
1. บรั่นดีผลไม้สีขาว (White Fruit Brandy) ผลิตจากการกลั่นผลไม้ โดยไม่ต้องบ่มในถังไม้ จะได้กลิ่นหอม และรสของผลไม้นั้นๆ นิยมแช่ให้เย็นแล้วดื่มโดยไม่ผสม หรือนำไปผสมในค็อกเทลต่างๆก็ได้
2. บรั่นดีผลไม้ที่มีสี (Colour Fruit Brandy) ผลิตจากการกลั่นผลไม้ แล้วนำไปเก็บบ่มในถังไม้โอ๊ก ผลไม้ที่นิยมนำมากลั่นก็มี แอปเปิ้ล,เชอร์รี่,พลัม,แพร์,ราสเบอร์รี่ ที่มีขายตามท้องตลาดทั่วไป เช่น Apple Brandy, Calvados, Apple Jack, Kirsch, Poire William และอีกมากมาย ซึ่งอาจเรียกบรั่นดีผลไม้ประเภทนี้ว่า "Eau-de-vie"
 
เหล้าหวาน(Liqueur or Cordial)
   
   Liqueur และ Cordial มีความหมายคล้ายกันครับ ส่วนใหญ่คำว่า Liqueur มักจะหมายถึงเหล้าหวานของประเทศแถบยุโรป ส่วน Cordial หมายถึงเหล้าหวานทางสหรัฐอเมริกา
   เหล้าหวาน เป็นการผสมสุราชนิดใดก็ได้กับความหวาน และเพิ่มสี กลิ่น รสลงไป ซึ่งมาจากผลไม้ สมุนไพรหรือเครื่องเทศ จะเห็นว่าเหล้าหวานมีสีต่างๆมากมาย อาจดื่มเปล่าๆโดยผสมน้ำแข็ง ผสมค็อกเทลให้มีสีสวยงาม
 
-10 มิตรภาพจากคนแปลกหน้า มีค่ามากกว่าลมปากจากคนคุ้นเคย

ออฟไลน์ เก่ง หล่ายดอย

  • The Watcher Team
  • Master Degree of MC27/30
  • ***
  • กระทู้: 11,956
  • ถูกใจ: +22/-0
  • ให้เหล้า เท่ากับแบ่ง
Re: เหล้าชาวบ้าน ในรั้วบ้านผม
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: มิถุนายน 09, 2009, 04:22:54 PM »
วิสกี้ (Whisky)     

    วิสกี้ คือสุรากลั่นที่ทำจากข้าวชนิดใดชนิดหนึ่ง หรือหลากหลายชนิดก็ได้ โดยนำมาหมักแล้วกลั่นให้มีดีกรีสูงขึ้น จากนั้นนำไปเก็บบ่มในถังไม้โอ๊กเพื่อให้ได้สี กลิ่น รสที่ดีขึ้น แต่ก่อนจะนำมาบรรจุขวด บางชนิดยังนำไปปรุงแต่งสี กลิ่น รสอีกครั้ง เพื่อให้ได้มาตรฐานตามความนิยมของผู้บริโภค
   วิสกี้ที่นิยมกันมาก นอกจากวิสกี้ของท้องถิ่นแล้ว วิสกี้จากต่างประเทศที่นิยมกันมากก็มี Scotch Whisky,Irish Whisky,American Whisky,Canadian Whisky ซึ่งก็จะมีเอกลักษณ์ในด้าน กลิ่น และรสชาติที่แตกต่างกันออกไปครับ

 แอพเพอริทิฟ (Aperitif)     

    แอพเพอริทิฟ คือเหล้าที่นิยมดื่มก่อนอาหาร เป็นเครื่องดื่มเก่าแก่ จัดอยู่ในประเภทเหล้ายา นิยมมากในประเทศฝรั่งเศส อิตาลี ทำจากเหล้า เหล้าองุ่น สมุนไพรและเครื่องเทศ แบ่งได้ 3 ชนิด
1. เวอร์มุธ (Vermouth) เป็นเหล้ายาทำจากรากไม้ รากยา และเครื่องเทศ รสชาติคล้ายๆยาบำรุงเลือดลมของไทย มีหลายยี่ห้อ เช่น Martini,Cinzano,Barbero,Dubonet,Pimm's No.1 เป็นต้น
2. บิตเตอร์ (Bitter) เป็นเหล้ายาที่มีรสขม นิยมดื่มแก้โรคกระเพาะ และช่วยย่อยอาหาร บางชนิดขมมาก แต่บางชนิดก็ขมอมหวานเช่น Campari,Fernet,Branca,Angostura Bitter
3. อนิซ (Anis) เป็นเหล้ายาสีเหลืองใสทำมาจากเมล็ดของ Anis มีกลิ่นหอมเย็นๆ นิยมดื่มแก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ เช่น Pernod,Ricard,Pastis
   เหล้าแอพเพอริทิฟ นอกจากจะนิยมนำมาดื่มเพื่อเป็นยาแล้ว ยังนิยมนำไปทำเครื่องดื่มผสมอื่นๆอีกมากมาย

ไวน์ (Wine)     
 
    ไวน์ หรือที่เรียกว่า เหล้าองุ่น เป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย แบ่งได้เป็น 3 ประเภทดังนี้ครับ
1. Table Wine หรือ Still Wine คือไวน์ที่หมักจากองุ่น โดยไม่ต้องเพิ่มเติมสิ่งหนึ่งสิ่งใดลงไป ไม่มีแก๊ส ดีกรีที่นิยมก็ 10-13 ดีกรี นิยมดื่มในทุกโอกาส แต่ส่วนใหญ่จะดื่มประกอบอาหาร เพื่อเจริญอาหารและชูรสชาติของอาหาร มี 3 สี
- ไวน์แดง (Red Wine) จะมีตั้งแต่สีแดงอ่อน ถึงแดงเข้ม ขึ้นอยู่กับชนิดขององุ่นที่นำมาหมัก และระยะเวลาในการหมัก ส่วนใหญ่ไวน์แดงจะมีรสฝาด และให้มีรสหวานน้อยมาก เรียกว่า Dry นิยมดื่มโดยไม่แช่เย็น
- ไวน์ขาว (White Wine) จะมีตั้งแต่เหลืองซีดจนถึงเหลืองทอง ลักษณะทั่วไปจะมีรสอ่อน กลิ่นน้อย ความหวานมีตั้งแต่หวานน้อย จนถึงหวานมาก ไม่มีรสฝาด นิยมดื่มแบบแช่เย็นครับ
-ไวน์ชมพู (Rose Wine) จะมีสีตั้งแต่ชมพูอ่อนจนถึงเกือบแดง ไวน์สีชมพูจะมีลักษณะระหว่างไวน์ขาวกับไวน์แดง คือมีความฝาดเล็กน้อยและมีรสเปรี้ยวอมหวาน จึงเป็นที่นิยม เพราะดื่มง่าย และนิยมแช่เย็นก่อนดื่ม
2. Sparkling Wine คือไวน์ที่มีแก๊ส จึงทำให้มีรสซ่า มีทั้งสีขาว ชมพูและแดง Sparkling Wine ใช้กรรมวิธีในการหมักไวน์ซ้ำเป็นครั้งที่สองภายในขวด และเก็บรักษาแก๊สนี้ไว้ จึงทำให้เกิดรสซ่า เป็นที่นิยมกันมาก จึงมีการจดลิขสิทธิ์ไว้ในชื่อ" cham pagne" ของฝรั่งเศส ส่วนไวน์ที่ผลิตด้วยกรรมวิธีคล้ายคลึงกันจะใช้คำว่า"Sparkling Wine" แชมเปญนิยมดื่มเพื่อแสดงความยินดีต่อกัน เสิร์ฟโดยแช่เย็นจัด
3. Fortified Wine คือไวน์ที่เพิ่มแอลกอฮอล์ให้สูงประมาณ 18-19 ดีกรี จะมีกลิ่น รส และแอลกอฮอล์มากกว่าไวน์ธรรมดาแช่เย็นเพียงเล็กน้อยก่อนดื่มครับ

รัม (Rum)     

    รัม เป็นเหล้าที่กลั่นจากอ้อยหรือกากน้ำตาล ผลิตมากตามหมู่เกาะฝั่งทะเลคาริเบียน ซึ่งปลูกอ้อยกันมาก แต่ก็มีผลิตจำหน่ายกันหลายประเทศเช่น Puertorico,Jamaica,Demeraran,Barbados เป็นต้น
รัมแยกตามความนิยมเป็น 3 ชนิดด้วยกัน คือ
1. รัมขาว (White Rum) เป็นรัมที่มีสีใส บางชนิดไม่ต้องเก็บบ่ม แต่บางชนิดต้องเก็บบ่มในถังไม้เพื่อให้กลิ่นรสดีขึ้น บางครั้งเรียกว่า Silver Rum เหมาะสำหรับนำไปผสมค็อกเทลที่ไม่ต้องการให้สีเปลี่ยน
2. รัมทอง (Gold Rum) เป็นรัมที่มีสีเหลืองใส ได้จากการเก็บบ่มในถังไม้เพื่อให้เกิดสี หรือผสมสี กลิ่น รสชาติ ด้วยคาราเมล (Caramel) ที่ได้จากการเคี่ยวน้ำตาล เป็นสีเหลืองทอง เพื่อให้ได้เหล้ารัม ที่มีกลิ่น สี รสชาติมากขึ้นกว่าเดิม
3. รัมดำ (Dark Rum) เป็นรัมที่มีสีเกือบดำ ได้จากการเก็บบ่มไว้ในถังไม้เพื่อให้เกิดสี และผสมกับคาราเมลที่เคี่ยวจนเป็นสีดำเกือบไหม้ จะได้กลิ่นและรสชาติมากขึ้น
   เหล้ารัมนิยมนำไปทำค็อกเทลมากครับ ที่รู้จักกันมากคือ Rum Coke หรือ Cuba Libre,Mai Tai นอกจากนั้น ยังนำไปผสมกับเครื่องดื่มชนิดอื่นๆ เช่น น้ำผลไม้ต่างๆ ที่เรียกว่า Punch
   เหล้ารัมที่มีจำหน่ายจะมีดีกรีราว 40 ดีกรี แต่มีบางชนิดผลิตให้มีดีกรีสูงมากถึง 75.5 ดีกรี หรือที่เขียนว่า 151 Proof เพื่อให้เครื่องดื่มผสมมีความแรงเพิ่มขึ้น
 
ที่มา http://us.geocities.com/zoneubon/cocktail.htm
-10 มิตรภาพจากคนแปลกหน้า มีค่ามากกว่าลมปากจากคนคุ้นเคย

ออฟไลน์ เก่ง หล่ายดอย

  • The Watcher Team
  • Master Degree of MC27/30
  • ***
  • กระทู้: 11,956
  • ถูกใจ: +22/-0
  • ให้เหล้า เท่ากับแบ่ง
Re: เหล้าชาวบ้าน ในรั้วบ้านผม
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: มิถุนายน 09, 2009, 04:28:06 PM »
รู้จักกับประเภทต่างๆ ของเหล้าไปแล้ว คราวนี้มาทำความรู้จักมาขึ้นกับสิ่งที่พวกเรานิยมมากที่สุด ก็คือ วิสกี้ ครับ

รู้จัก “วิสกี้” ให้ดีพอ
 
วิสกี้ คือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกชนิดหนึ่ง โดยกลั่นมาจากเมล็ดธัญพืชต่าง ๆ และหมักบ่มเอาไว้ใน ถังไม้โอ๊ก แหล่งผลิตวิสกี้มีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเจ้าแห่งโลกวิสกี้ อย่าง สกอตแลนด์ นอกจากนี้ ยังมีไอร์แลนด์ เวลส์ อเมริกา หรือแม้แต่ญี่ปุ่น ซึ่งวิสกี้ที่ได้การยอมรับมากที่สุด ยังคงเป็นวิสกี้จากประเทศสก็อตแลนด์ ที่เรียกกันว่า สกอตช์วิสกี้ นั่นเอง

เหตุที่เราต้องมีการ “เทสติ้ง” เพื่อลองลิ้มชิมรสวิสกี้ เช่นเดียวกับการ ชิมไวน์ ก็เนื่องเพราะวิสกี้ มี คาแรกเตอร์ที่แตกต่างกันมากมาย ทั้งแตกต่างกันด้วยประเภทของวิสกี้ ไม่ว่าจะเป็น “ซิงเกิ้ลมอลต์ วิสกี้” หรือวิสกี้ ที่ผลิตจากเมล็ดของมอลต์เพียงอย่างเดียว ซึ่งจัดว่าเป็นวิสกี้ระดับสูง และมักจะหมักบ่มมากกว่า 15 ปีขึ้นไป “เกรน วิสกี้” คือ วิสกี้ ที่ผลิตจากธัญพืชต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นข้าวโพด ข้าวฟ่าง ฯลฯ โดยเกรน วิสกี้ จะอาศัยความร้อนในการกลั่นสูง ทำให้ได้แอลกอฮอล์ที่เบาบางกว่า จึงไม่ค่อยเป็นที่นิยมกันมากนัก ในสกอตแลนด์ มีโรงผลิตเกรน วิสกี้ โดยเฉพาะเพียง 7 แห่ง เท่านั้นเอง ส่วนมากจะผลิตกันเพื่อผสมเป็น “เบล็นเดด วิสกี้” มากกว่า

“เบล็นเดด วิสกี้” เป็นวิสกี้ที่แพร่หลายที่สุด ได้จากการผสมผสานระหว่างมอลต์ วิสกี้และเกรนด์ วิสกี้ เข้าด้วยกันตามสูตรเฉพาะของมาสเตอร์ผู้ปรุงวิสกี้ โดยมักจะมีส่วนผสมของเกรน วิสกี้ มากกว่ามอลต์ วิสกี้ ในขณะที่ “ดีลักซ์ วิสกี้” นับว่าเป็น เบล็นเดด วิสกี้ ระดับสูง หายาก เก็บบ่มไว้นานปีด้วยวิธีพิเศษ หรือได้รับการปรุงเนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองต่าง ๆ ถ้าเป็นดีลักซ์ เบล็นเดด วิสกี้ มักจะมีส่วนผสมของมอลต์ วิสกี้ มากกว่า เกรน วิสกี้ และจะต้องเก็บบ่มไว้นานกว่า 12 ปี ขึ้นไป

นอกจากนั้น ความต่างในคาแรกเตอร์ของวิสกี้แต่ละยี่ห้อ ซึ่งเมื่อเราดื่มด้วยการผสมน้ำ ผสมโซดา โคล่า หรืออื่น ๆ ก็ตาม อาจจะสังเกตไม่ออก และไม่อาจแยกแยะรสชาติวิสกี้ที่เราชอบ ๆ ได้อย่างแท้จริง

การชิมวิสกี้ จะช่วยให้เรา “ค้นพบ” รสชาติ และคาแรคเตอร์ที่แท้จริงของวิสกี้แต่ละตัว เพื่อที่จะดื่มด่ำรื่นรมย์กับวิสกี้ได้อย่างเต็มรสชาติ

‘วิสกี้’ แต่ละตัวล้วนแตกต่าง

ปัจจัยที่ทำให้วิสกี้แต่ละยี่ห้อมีความแตกต่างกัน ทั้งทางด้านสีสัน รสชาติ และกลิ่น มีตั้งแต่เมล็ดพันธุ์ที่แตกต่าง นอกจากนี้ ยังมีอิทธิพลจากหินถ่าน ที่เรียกว่า พีต (Peat) ที่ใช้ในการเผาเมล็ดธัญพืชก่อนที่จะมากลั่น หินถ่าน ที่ได้จากแต่ละแห่งของสกอตแลนด์ จะให้กลิ่นที่แตกต่างกัน เช่นเดียวกับ ชนิดของยีสต์ ที่ใช้ในการหมักบ่มก็ส่งอิทธิพลต่อรสชาติของวิสกี้ด้วย นอกจากนี้ ยังมีอิทธิพลอื่น ๆ อย่างหม้อกลั่นรูปทรงต่าง ๆ และที่สำคัญมาก ๆ ก็คือ น้ำที่นำมาใช้ในการกลั่น สำหรับในสกอตแลนด์ ที่มีีโลว์แลนด์ ไฮแลนด์ และสเปรย์ไซด์ ก็จะมีน้ำที่รสชาติแตกต่างกัน

ส่วนถังไม้โอ๊ก ก็นับว่า มีอิทธิพลอย่างสูงต่อกลิ่นและสีของวิสกี้ สำหรับในอเมริกา มีการตราไว้ในกฎหมายว่า เบอร์เบิน วิสกี้ จะต้องใช้ถังไม้โอ๊กใหม่เท่านั้น ขณะที่ในสกอตแลนด์เอง นิยม หมักบ่ม สกอตช์วิสกี้ ในถังไม้โอ๊ก

เรื่องที่คุณไม่รู้เกี่ยวกับ “วิสกี้”
อย่าเผลอไปบอกใครว่า วิสกี้ กำเนิดจากสกอตแลนด์เชียว เพราะถึงวันนี้ นักประวัติศาสตร์ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้เลยว่า วิสกี้มีต้นกำเนิดจากสกอตแลนด์, ไอร์แลนด์ หรือ ตะวันออกกลาง

Irish Whiskey มีวิธีการกลั่นที่ต่างจาก Scotch Whisky คือ จะผ่านการกลั่นถึง 3 ครั้ง และผ่านการบ่มไม่ต่ำกว่า 3 ปี ประเภทของวิสกี้จะเหมือนกับ Scotch Whisky แต่จะมี Pure Pot Still Whisky เพิ่มขึ้นมาอีกชนิด คือ วิสกี้ที่ผสมระหว่าง Malt และ UnMalt Barley Whisky

Japanese Whisky เป็นวิสกี้ที่วิธีการทำไม่ต่างกับ Scotch Whisky เพียงแต่ไม่ได้ผลิตที่สกอตแลนด์จึงแยกประเภทออกมาเป็นอีกประเภทโดยเฉพาะ มีขายในญี่ปุ่นเท่านั้น

Indian Whisky เป็นวิสกี้ที่ใช้วัตถุดิบจากกากน้ำตาล และแปะป้ายว่าวิสกี้แต่จริง ๆ แล้วคือเหล้ารัมนั่นเอง บางชนิดมีการผสม malt whisky ลงไป

Whisky ในประเทศต่าง ๆ มีการสะกดไม่เหมือนกัน ในประเทศ สกอตแลนด์, เวลส์, แคนาดา และ ญี่ปุ่น จะสะกดว่า Whisky ส่วนในไอร์แลนด์จะสะกดว่า Whiskey ส่วนในอเมริกันสะกดได้ทั้งสองแบบ

Whisky ที่แพงที่สุดในโลกคือ Macallan 1926 ซึ่งเหลืออยู่เพียง 40 ขวดในโลก ราคาซื้อขายล่าสุดในปี 2005 คือ 75,000 เหรียญ หรือ 3 ล้านบาท

Whisky ที่เปิดขวดแล้ว สามารถเก็บได้นานถึง 5 ปี ส่วนที่ยังไม่ได้เปิดขวด สามารถเก็บได้ถึง 10 ปี

ที่มา : http://www.cocktailthai.com/
-10 มิตรภาพจากคนแปลกหน้า มีค่ามากกว่าลมปากจากคนคุ้นเคย

ออฟไลน์ เก่ง หล่ายดอย

  • The Watcher Team
  • Master Degree of MC27/30
  • ***
  • กระทู้: 11,956
  • ถูกใจ: +22/-0
  • ให้เหล้า เท่ากับแบ่ง
Re: เหล้าชาวบ้าน ในรั้วบ้านผม
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: มิถุนายน 09, 2009, 04:46:11 PM »
ลองลิ้มชิม “วิสกี้” กับมาสเตอร์

มัลคอล์ม เมอร์เรย์ ทูตของเดวาร์ สกอตช์วิสกี้ และผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการสกอตช์วิสกี้ ได้มาให้ความรู้ในฐานะมาสเตอร์ นำการ ชิมวิสกี้ ให้กับบาร์เทนเดอร์ชาวไทยเมื่อไม่นานมานี้

มัลคอล์ม บอกว่า วัตถุประสงค์ในการทำวิสกี้ เทสติ้ง ก็เพื่อค้นหารสชาติที่ถูกใจ ซึ่งอาจจะทำได้จากการเตรียมตัวอย่าง ซิงเกิ้ล มอลต์ เกรนด์ หรือเบล็นเดด วิสกี้ อย่างใดอย่างหนึ่ง หลายๆ ยี่ห้อเพื่อชิมเปรียบเทียบกัน อย่างน้อย 4–6 ตัวอย่าง

สิ่งที่ต้องเตรียมเพื่อทำวิสกี้ เทสติ้ง นอกจากวิสกี้ คือแก้วทรงทิวลิป จำนวนเท่ากับวิสกี้ที่จะชิม กระดาษสีขาวสำหรับเช็กสีของวิสกี้ได้อย่างชัดเจน กระดาษและปากกาสำหรับจด น้ำแร่ และแก้วใส่น้ำเปล่า สำหรับล้างปาก

ก่อนที่จะชิมวิสกี้ ควรล้างปากให้สะอาดด้วยน้ำเปล่า และทำอย่างเดียวกันระหว่าง ที่เปลี่ยนชนิดของวิสกี้ด้วย นอกจากนี้ ควรเลือกห้องที่มีแสงสว่างมากพอ เพื่อที่จะได้เห็นสีสันของวิสกี้ได้อย่างชัดเจน กระจ่างตา ดังนั้น การชิมวิสกี้ จึงมักจะจัดเวลาก่อนอาหารกลางวัน เนื่องจากมีแสงสว่างเพียงพอ และปากของเรายังสัมผัสอาหารมาไม่มาก

ก่อนและขณะที่ชิมวิสกี้ ไม่ควรรับประทานอาหารใดๆ ยกเว้น บิสกิต หรือขนมปัง ห้ามใส่ น้ำหอม หรือให้มีกลิ่นอื่นๆ อย่าง กลิ่นบุหรี่ ที่อาจเล็ดลอดมาทำลายและรบกวนกลิ่นของวิสกี้ได้

การชิมวิสกี้นั้น จะต้องอาศัยประสาทสัมผัส ทั้ง ตา จมูก และปาก เริ่มด้วยการใช้ตาดูสีของวิสกี้ ซึ่งสามารถบ่งบอกอายุการบ่มของวิสกี้แต่ละตัวได้ โดยวิสกี้ที่มีสีเข้มมักจะมีการหมักบ่มนานกว่าวิสกี้ตัวที่สีอ่อนกว่า อย่างไรก็ตาม สีที่เข้มอาจจะเป็นกรณีที่เติมส่วนผสมอื่น อย่าง คาราเมลเข้าไป เพื่อให้วิสกี้มีกลิ่นหอมก็ได้

นอกจากใช้ตาดูสีแล้ว ยังต้องใช้ดูขาของวิสกี้ด้วย โดยการเขย่าแก้วเพื่อจะดูคราบวิสกี้ที่เรียกว่า ขา (leg) ที่ไหลลงมาตามแก้วเพื่อดูอายุการบ่มของวิสกี้เช่นเดียวกัน ซึ่งปกติวิสกี้ที่มีอายุการบ่มน้อยจะมีขาที่เล็กและไหลเร็วกว่าวิสกี้อายุมาก หรือหมักบ่มนานที่จะมีขาที่หนาและไหลช้ากว่า

ต่อมาเป็นประสาทสัมผัสจมูก ที่ใช้ในการตรวจสอบวิสกี้ โดยไม่จำเป็นต้องสูดกลิ่นเข้าไปอย่างแรง แต่ต้องแกว่งแก้ววนไปมา ค่อยๆ ดมช้าๆ เพื่อให้จมูกได้สัมผัสกลิ่นวิสกี้ ถ้าวิสกี้ชนิดนั้น กลิ่นเบาบางเกินไป อาจจะเติมน้ำแร่ลงไปสักเล็กน้อย จะช่วยให้กลิ่นของวิสกี้กระจายได้มากขึ้น และจะทำให้สามารถสัมผัสกลิ่นของผลไม้ น้ำผึ้ง ควันจางๆ หรือกลิ่นของโอ๊กได้ดียิ่งขึ้นด้วย

สุดท้ายคือ การชิม ซึ่งนับว่าเป็นขั้นตอนสำคัญในการค้นหารสชาติวิสกี้ที่ถูกใจ โดยจะต้องจดจำรสสัมผัสวิสกี้ทั้งขณะที่อยู่ในปาก และขณะกำลังไหลผ่านลำคอลงไปในกระเพาะ โดยในปากของคนเราจะมีจุดรับรสที่แตกต่างกันอยู่ 4 จุด คือเปรี้ยว หวาน มัน เค็ม วิธีการชิมวิสกี้ให้ได้รสชาติที่แท้จริง ควรจะต้องอมและกลั้วอยู่ในลำคอก่อนจะกลืน ลงไป เพื่อให้จุดรับรสทุกจุดรับรู้รสชาติได้ทั่วที่สุดและนานที่สุด ก่อนที่จะกลืนลงคอ และรอเวลา สักครู่เพื่อจดจำรสชาติของวิสกี้ที่ผ่านลำคอ

สิ่งที่ควรจะจดเอาไว้ระหว่างการทำเทสติ้งก็คือ “สีสันของวิสกี้” เข้มหรืออ่อน สีเหมือนน้ำผึ้ง สีทองเข้ม หรือสีอำพัน ฯลฯ “กลิ่น” ที่โดดเด่นออกมา เช่น มีกลิ่นของน้ำผึ้ง กลิ่นควัน กลิ่นไม้โอ๊ก กลิ่นหวานๆ กลิ่นหญ้า กลิ่นผลไม้ ฯลฯ จากนั้น จด “รสชาติ” ส่วนมากจะตามมาจากกลิ่น เช่น มีรส น้ำผึ้ง รสถังไม้โอ๊ก รสหวาน รสวานิลลา เป็นต้น พร้อมกับสังเกต “บอดี้” ของวิสกี้ด้วย หลังจากที่ผ่านลำคอไปแล้ว ว่าความเข้มข้นมีขนาดไหน ดื่มลื่นคอ หรือมีลักษณะที่บาดคอ ฯลฯ สุดท้าย ก็สรุป ทั้งหมดที่จดมา รวมทั้งสังเกตรสชาติที่ยังคงค้าง อยู่ในปากและลำคอ การที่วิสกี้ค้างอยู่ในปากนานหรือสั้น เป็นตัวบ่งชี้คุณภาพของการหมักบ่มด้วย

มัลคอล์ม เสริมว่า ไม่มีสกอตช์วิสกี้ ตัวไหนที่ไม่ดี หากการเลือกดื่มวิสกี้ที่ชอบเป็นรสนิยมส่วนตัว เช่นเดียวกับวิธีการดื่มวิสกี้ของแต่ละคน

ดื่ม “สกอตช์วิสกี้” ให้ถึงรส

เมื่อได้เรียนรู้วิธีสัมผัสวิสกี้จนสามารถค้นหาวิสกี้ที่ต้องจริต หรือถูกรสนิยมส่วนตัวแล้ว วิธีการดื่มวิสกี้ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่จะช่วยให้ได้รสชาติที่ดีที่สุด

หากอยาก ชิม วิสกี้รสเยี่ยมที่สุด ควรเลือกดื่มวิสกี้กับน้ำหรือน้ำแข็ง จากลำธารและแม่น้ำที่ใช้มาทำเป็นส่วนผสมวิสกี้สกอตแลนด์ แต่คงจะเป็นไปได้ลำบาก การเลือกดื่มตามรสนิยมน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

มัลคอล์ม ซึ่งเป็นทูตนานาชาติของเดวาร์ วิสกี้ ซึ่งมีประสบการณ์เดินทางไปหลายประเทศทั่วโลก เล่าว่า ชาวสกอต นิยมดื่มวิสกี้แบบเพียวๆ ไม่ผสม หรือจะเติมน้ำแร่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ขณะที่ชาวอเมริกันนิยมดื่มวิสกี้ใส่น้ำแข็งอย่างเดียว ไม่ผสมอย่างอื่น เนื่องเพราะเห็นว่า วิสกี้เป็นของดี ราคาแพง คนอังกฤษนิยมดื่มวิสกี้โดยการผสมเป็นค็อกเทล ชาวจีนนิยมดื่มโดยผสม ชาเขียวแทนโซดา

ในประเทศไทย ที่เป็นเมืองร้อน เรานิยมดื่มวิสกี้ใส่น้ำแข็งผสมน้ำ ผสมโซดา และผสมโคล่า ซึ่งมัลคอล์ม แนะนำว่า ยังมีทางเลือกที่จะดื่มวิสกี้ให้สดชื่น ก็คือ ดื่มวิสกี้ผสมจิงเจอร์เอล (ginger ele) ซึ่งรสชาติจะไม่หวานมากเท่าโคล่า และซ่ากว่าโซดา ซึ่งจะช่วยคลายร้อนได้ดี และยังขับเน้นรสชาติของวิสกี้ได้ดียิ่งขึ้น

การชิม สามารถทำให้เรารับรู้รสชาติที่แท้จริงของตัววิสกี้ กระนั้น จะอย่างไรก็แล้วแต่ เมื่อต้องการจะดื่มให้รื่นรมย์ ควรจะเลือกทั้งวิสกี้ และวิธีการ รวมทั้งบรรยากาศที่ชื่นชอบมากที่สุดเป็นส่วนตัว เรื่องนี้ แม้แต่มาสเตอร์ อย่าง มัลคอล์ม เมอร์เรย์ ยังเห็นด้วย

ที่มา http://raanaroy.posttoday.com/content.php?id=47
-10 มิตรภาพจากคนแปลกหน้า มีค่ามากกว่าลมปากจากคนคุ้นเคย

ออฟไลน์ เก่ง หล่ายดอย

  • The Watcher Team
  • Master Degree of MC27/30
  • ***
  • กระทู้: 11,956
  • ถูกใจ: +22/-0
  • ให้เหล้า เท่ากับแบ่ง
Re: เหล้าชาวบ้าน ในรั้วบ้านผม
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: มิถุนายน 09, 2009, 04:59:53 PM »
Scotch Whisky มีสองแบบ (ขอเน้นว่า Scotch นะครับ มาจากสกอตแลนด์ได้อย่างเดียว Whisky สะกด อย่างนี้สำหรับ Whisky ของที่นี่ ขณะที่ถ้าเป็นของที่อื่น ควรจะสะกดว่า Whiskey)

1) Malt Whisky มาจากการหมัก malt ข้าว Barley แล้วกลั่นในหม้อทองแดง (copper pot still)

2) Grain Whisky มาจากการผสม grains แล้ว กลั่นไปเรื่อยใน patent still

แล้ว Blended ล่ะคืออะไร? Blended คือการเอา Grain Whisky มาผสมกับ Malt Whisky (ประมาณ 95% ของ Malt Whisky ที่ผลิตเอามาใช้ผสมเป็น Blended ในขณะที่ 99.99% ของ Grain Whisky เอามา ใช้กับ Blended) ตัวอย่างของ Blended Whisky คือที่ บ้านเราฮิตๆ ดื่มกันนั่นแหละครับ พวก Johnny Walker red label, black label, blue label ทั้งหลาย เป็นต้น

ถามว่าแต่ละ label ต่างกันยังไง? red label ก็ จะมี grain whisky ผสมเยอะหน่อย มี Single malt อายุ 8-12 ปีอยู่บางชนิด black label จะมี Single malt ที่มีอายุมากกว่านั้น หลายชนิดผสมอยู่ แล้วก็ grain น้อยหน่อย ขณะที่ blue จะมีการผสม Single malt ระดับสุดยอด 15-30 ปีที่มีรสชาติลุ่มลึกเด่นๆ หลายชนิด ผสมกัน ทำให้รสออกมากลมกลืนน่าสนใจมากยิ่งขึ้น

คนที่นำการ blend ก็คือ Master Blend ครับ (ไม่ใช่ยี่ห้อ Whisky บ้านเราอันนั้นนะครับ แต่เป็นคนผสมสูตรที่ต้องมี sense ในการดมและการชิม Whisky ระดับเซียน)

อย่างไรก็ตาม คนในสกอตแลนด์นี้ก็ถือว่า Single Malt Whisky นี้เป็นที่สุดของที่สุดแล้ว เป็นที่ที่ pure ที่สุด มีรสชาติที่ซับซ้อนโดดเด่น เขาจะมองว่า Blend เป็นรวมมิตรครับ เมื่อรวมหลายๆ อย่างมาจะสู้ของจริง เดี่ยวๆ ไม่ได้ แล้วแต่คนนะครับ นานาจิตตัง จริงๆ ผมก็ชอบ Blend อย่าง Blue lable เหมือนกัน (ติดที่แพงไปหน่อย)

แต่โดยรวมแล้ว ผมชอบ Malt มากกว่า Malt นี่ก็แบ่งเป็นหลายแบบ มี Vatted Malt (คือการเอา Malt ของหลายโรงกลั่นมาผสมกัน) Single Malt (มาจากโรงกลั่นเดียว) Single Cask Malt (มาจากถังเก็บบ่มหรือ cask อย่างเดียว)

สำหรับผมแล้ว Single Malt กับ Single Cask ราคาจะแพงกว่า Vatted แล้วก็จะน่าสนใจมากกว่า เดี๋ยวนี้ก็มีคนสนใจ Malt กันมากขึ้น มีคนเอาไปลองทาน กับอาหารมากขึ้น เช่น sushi เอาไปใช้ดื่มเข้ากับสูบ cigar มีคนเก็บสะสม Single Malt ดีๆ มากขึ้น (โดยเฉพาะพวกญี่ปุ่น จ่ายกันเป็นล้าน) กลายเป็นของมีรสนิยมไป Single Malt ก็เหมือนไวน์ล่ะครับ ในแง่ที่ว่า ยิ่งเก่ายิ่งแพง ไม่ยากครับที่จะซื้อเหล้า Whisky Single Malt ดีๆ แพงๆ (เหมือนไวน์) ถ้าคนมีเงิน

แต่สำหรับคนดื่มเป็นแล้ว ของดีไม่ใช่ของแพงหรือเก่าเสมอไปนะครับ แล้วแต่ taste ความชอบและรสนิยมของคุณเอง ฉบับหน้ามาว่ากันต่อเรื่องวิธีการชิม และเกร็ดต่างๆ ของ whisky ต่อครับ

ที่มา http://www.gotomanager.com/news/details.aspx?id=5643
-10 มิตรภาพจากคนแปลกหน้า มีค่ามากกว่าลมปากจากคนคุ้นเคย

ออฟไลน์ เก่ง หล่ายดอย

  • The Watcher Team
  • Master Degree of MC27/30
  • ***
  • กระทู้: 11,956
  • ถูกใจ: +22/-0
  • ให้เหล้า เท่ากับแบ่ง
Re: เหล้าชาวบ้าน ในรั้วบ้านผม
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: มิถุนายน 09, 2009, 05:00:56 PM »
วิธีการชิม whisky นั้นมีหลายแบบครับ ซึ่งก็เหมือน wine นักชิมแต่ละคนก็อาจมีเทคนิคมาเพิ่มความแตกต่างกันไป ที่ผมจะกล่าวถึงนี้คือวิธีการชิมแบบเบื้องต้น

1) ดูสีของ whisky Malt Whisky แต่ละชนิดจะมีสีเฉพาะตั้งแต่ทองจนถึงน้ำตาลเข้ม สีนี้เป็นผลมาจากการบ่มครับ ที่ใช้ถังต่างๆ กัน เช่น ถังไม้โอ๊ค (Oak) ถังเชอรี่ (Sherry) ถังพอร์ต (Port) ถังเหล้าเบอร์เบิ้น (Bonbon) ถังที่ใช้นี้เป็นถังเก่านะครับ เพื่อที่จะได้มีรสชาติต่างๆ ซึมเข้าไปในถัง เมื่อมาบ่มแล้วจึงมีผลต่อสีและรสชาติของ Malt Whisky

2) ใส่แก้วแล้วปิดแก้วสักพักด้วยมือ เอามือออก นิดหน่อยสักครึ่งฝ่ามือแล้วดม whisky ภาชนะที่ใช้ชิมควรเป็นแก้วชิม (nose) ที่มีปลายแคบเหมือนแก้วดื่มเหล้าเชอรี่ ที่แก้ว 'ชิม' เป็นเช่นนี้เพื่อให้กลิ่นมากระจุก อยู่ตรงปลายแก้ว จมูกนั้นรับสัมผัสได้มากกว่าลิ้น เพราะ ฉะนั้นจะได้รู้สึกถึงความกลมกล่อมและแปลกแยกอันเป็นจุดเด่นของเหล้าแต่ละชนิดได้

3) เอามือออกจากปากแก้ว แล้วหมุนแก้วช้าๆ จะทำให้อะตอมของ whisky นั้นตีกันกระจาย กลิ่นจะค่อยๆ ออกมามากขึ้น

4) จิบ whisky ช้าๆ เอาลิ้นสัมผัสให้ทั่วจะได้รู้รสชาติ แต่ละที่ปากจะได้รสชาติไม่เหมือนกัน เมื่อกลืนลงไปแล้วจะได้รู้สึกว่า aftertaste (รสชาติหลังการชิม) ในปากและลิ้นเป็นอย่างไร ปีที่นานขึ้นจะมี aftertaste มากขึ้น

5) ลองอีกครั้งด้วยน้ำนิดหน่อย เพื่อที่จะได้รสชาติอีกแบบหนึ่ง (น้ำไปทำปฏิกิริยากับเหล้า)

แล้ววิธีการดื่มล่ะ? ครับ ดื่มกับชิมไม่เหมือนกัน ดื่มนั้นแล้วแต่สไตล์ของแต่ละคนครับ ภาชนะที่ใช้ก็แล้ว แต่ว่าคนชอบแบบไหน ที่คนชอบใช้ก็มี

1) แก้ว crystal เพื่อความสวยงาม ดูมีรสนิยม

2) แก้วปกติ ซึ่งหาง่าย ดูสี whisky ง่าย

3) แก้วนักชิม (Nosing glass) ดังที่ได้กล่าวไปแล้ว

4) จอกดื่ม whisky โบราณ (Quaich) Quaich มาจาก Cuach ซึ่งเป็นภาษา Gaelic (ภาษาพื้นเมืองของคนท้องถิ่นที่นี่) แปลว่า ถ้วยก้นตื้น จอกแบบนี้ใช้มา เป็นร้อยปีแล้ว มีหลายขนาด

เวลาดื่มควรจะใส่น้ำแข็งหรือผสมหรือเปล่า คน ที่นี่เขาไม่ผสมเลยนะครับเพราะรสชาติดีๆ อยู่แล้ว พอ ไปผสมจะเสียรสชาติไป ที่ผสมควรจะผสมกับ Blended whisky ที่อายุไม่มากนัก เช่น Red กับ Black หรือไม่ก็ Jack Daniels เสียมากกว่า Malt ดีๆ สำหรับน้ำแข็งคนที่นี่เขาห้ามเลยล่ะครับ เพราะน้ำแข็งจะทำให้รสชาติ เปลี่ยนไปแบบควบคุมไม่ได้ อุณหภูมิค่อยๆ เปลี่ยน บวกกับน้ำแข็งที่ละลายจะไปทำปฏิกิริยาให้รสชาติไม่กลมกล่อม On the Rock จึงไม่ควรใช้กับ Single Malt

ที่มา http://www.gotomanager.com/news/details.aspx?id=5884
-10 มิตรภาพจากคนแปลกหน้า มีค่ามากกว่าลมปากจากคนคุ้นเคย

ออฟไลน์ เก่ง หล่ายดอย

  • The Watcher Team
  • Master Degree of MC27/30
  • ***
  • กระทู้: 11,956
  • ถูกใจ: +22/-0
  • ให้เหล้า เท่ากับแบ่ง
Re: เหล้าชาวบ้าน ในรั้วบ้านผม
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: มิถุนายน 09, 2009, 05:01:49 PM »
การแบ่งชนิดของ Single Malt Whisky ครับ Single Malt Whisky นี้มีวิธีการแบ่งเหมือนไวน์ตรงที่ชนิดต่างๆ นั่นอยู่ที่ว่า อยู่ที่ Region (ภูมิภาค) ไหน แต่ละ Region ก็จะมี Character และ Style ที่ไม่เหมือนกัน เรามาดูกันดีกว่าว่ามีอะไรกันบ้าง

1) The Lowlands

Whisky ที่มาจาก Lowland นั้นมีโรงกลั่นอยู่ทางตอนใต้ของสกอตแลนด์ (โปรดดูแผนที่) Whisky ที่มาจาก Lowland นั้นมีไม่มากนัก ที่มีก็ค่อยๆ ปิดเล็กลงไปเรื่อยๆ ตัวอย่างของ The Lowlands ก็คือ Auchentoshan Glenkinchie Bladnoch Littlemills (ปิด) Rosebank (ปิด)

เหตุผลที่มีไม่มากและปิดตัวลงไปเพราะมีหลายๆ คนบอกว่า Lowlands นี้ไม่มีรสชาติที่จัดจ้าน ไม่มีจุดเด่นในตัวเอง แต่ส่วนตัวผมชอบนะ รสชาติหญ้าอ่อนๆ นุ่มๆ เบาๆ สำหรับนักสะสมควรจะสะสมตั้งแต่ตอนนี้นะครับ ถ้ามันปิดไปแล้ว ก็หมายความว่าหายากขึ้น อย่าง Ladyburn นี้หายากมากเลยตอนนี้ราคาแพงเหลือเกิน (เหมาะเอาไว้เก็บ รสชาติ Ladyburn นั้นจริงๆ ไม่อร่อยเลยครับ)

2) The Highlands

Whisky พวกนี้มาจากตอนเหนือของสกอตแลนด์ (ดูแผนที่ประกอบด้วยนะครับ) Highland นี้มี Single Malts Whisky หลากยี่ห้อมาก ทางตะวันตกของ Highland นั้นมีโรงกลั่นไม่กี่แห่ง ซึ่งอยู่ค่อนข้างห่างกัน จึงเป็นการยากที่จะจำแนกว่ามีอะไรที่คล้ายกัน ที่เด่นที่สุดในแถบนี้คือ Oban จริงๆ แล้วถ้าไม่คิดมากเกินไป แถบนี้ก็มีรสชาติแห้งๆ เค็มๆ ขมๆ รมควันหน่อยๆ

ทางเหนือของ Highland นั้นวิสกี้จะมีรสชาติแรง เผ็ดนิดๆ นะครับ เหมือนมีเปลือกกระเทียม และลมเย็นๆ กลางทะเลผสมอยู่ในรสชาติ ถ้าอยากจะลอง ผมขอแนะนำให้เล่น Glenmorangie นะครับ เพราะดื่มค่อนข้างง่าย

Whisky ของ Highland แถวๆ ทางตะวันออกลงไปตรงกลางถึงตอนใต้ของ Highland จะมีรสชาติเหมือนผลไม้หน่อย สดชื่นหวานๆ ทานง่าย ผมขอแนะนำ Aberfeldy นะครับ รสชาติสดชื่นแรงๆ เข้มๆ แต่แบบมีรสชาติผลไม้ผสมอยู่ด้วยเหมาะสำหรับดื่มหลังอาหารเย็นกับตอนอ่านหนังสือบนเตียงเหลือเกิน

3) Speyside

จริงๆ แล้ว Speyside ก็เป็นส่วนหนึ่งของ Highland (ทางเหนือของสกอตแลนด์) แต่ที่มันแยกตัว ออกมาต่างหากก็เพราะ มีโรงกลั่นเยอะหลากหลายยี่ห้อ เป็นหัวใจของแหล่งผลิต Whisky เลยนะครับ มีสักครึ่งหนึ่งของจำนวนโรงกลั่นทั้งหมดได้ (โปรดดูแผนที่ด้วย) แถบ Speyside นี้มีดินที่ดี น้ำที่ดีเป็นน้ำที่อ่อนนุ่มจากแม่น้ำที่มาจากภูเขาหินแกรนิต อากาศก็เย็นกำลังดีเหมาะกับการสร้างโรงกลั่นและโรงบ่ม เรียกว่าทุกอย่างเป็นใจเลยก็ได้

รสชาติของ Speyside Wrbty ส่วนมากจะเป็นน้ำผึ้งหวานๆ หอมด้วยกลิ่นดอกไม้ บางทีก็มีรสขมแบบธรรมชาติแทรกอยู่ด้วย

ในขณะเดี่ยวกันเนื่องจากมีหลายยี่ห้อหลาย โรงกลั่นมากใน Speyside จึงมีบ้างที่จะมีรสชาติหลายแบบ ยกตัวอย่างเช่น Macallan Glenfarclas และ Aberlour จะมีรสชาติเข้มแต่นุ่มลึก มีเชอร์รี่หน่อยๆ ในขณะที่ Knockando Glengrant และ Glenlivet จะเบาลงมาหน่อย

จริงๆ แล้ว Glen แปลว่าหุบเขา (valley) นะครับ ใน Speyside นี้มีแม่น้ำที่ไหลผ่านหุบเขาต่างๆ พอสมควร The Glen of the livet ดูจะเป็นอันที่ดัง ที่สุด จนโรงกลั่นหลายแห่งยืมชื่อไปใช้ว่าทำมาจากแถบ Glen of the livet อันที่จริงมีแค่ Glenlivet Braeval และ Tamnavulin ที่ทำที่หุบเขา Glen of the livet เท่านั้น รสชาติจึงอ่อนนุ่มลึกครับ

4) Islay (อ่านว่า eye-luh นะครับ)

เกาะส่วนมากนั้นรวมอยู่ใน Highlands นะครับ แต่ก็มีบางเกาะที่มี Whisky รสชาติสุดจะแตกต่างมี character เด่นเฉพาะตัวจนต้องแยกตัวแยกชนิดออกมาต่างหาก เช่น Islay เป็นต้น Whisky ดังๆ มาจาก Islay เยอะครับ

เกาะเล็กๆ ยาวแค่ 25 ไมล์ แห่งนี้มีดินที่อุดมสมบูรณ์ บรรยากาศเย็นจากลมทะเล นั่นเป็นที่ตั้งของ Whisky เท่ๆ ที่มีชื่อเสียงอร่อยๆ เช่น Ardbeg Lagavalin Laphroaig และ Bowmore รสชาติของ Islay นั้นแรงเหลือเกิน สุดจะโดดเด่นกันทั้งนั้นลืมไม่ได้ เลยละครับ

5) Campbeltown

คือ Whisky ที่มาจาก Campbeltown ครับ เมื่อก่อนมีโรงกลั่น 30 แห่ง แต่บัดนี้เหลือแห่งเดียว Whisky ที่ดังๆ ของที่นี่ เช่น Spingbank Hazelburn ยังไงก็ลองชิมดูนะครับ Springbank ผมชอบมากเลย ลองไปชิมดูก็แล้วกันนะครับ

การทาน Whisky นั้น ยิ่งดื่มมากหลากหลายชนิดยิ่งเป็นการฝึกประสาทสัมผัสนะครับ โดยเฉพาะลิ้นกับจมูกจะไวขึ้น รสชาติต่างกัน ก็แล้วแต่แต่ละคนจะชอบนะครับ

ที่มา http://www.gotomanager.com/news/printnews.aspx?id=6593

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 09, 2009, 05:04:53 PM โดย เก่ง หล่ายดอย »
-10 มิตรภาพจากคนแปลกหน้า มีค่ามากกว่าลมปากจากคนคุ้นเคย

ออฟไลน์ เก่ง หล่ายดอย

  • The Watcher Team
  • Master Degree of MC27/30
  • ***
  • กระทู้: 11,956
  • ถูกใจ: +22/-0
  • ให้เหล้า เท่ากับแบ่ง
Re: เหล้าชาวบ้าน ในรั้วบ้านผม
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: มิถุนายน 09, 2009, 05:11:20 PM »
หลังจากทำความรู้จักอย่างค่อนข้างยาวเกินห้าบรรทัดไปแล้ว
หวังว่าอ้ายเนินไม่เกินห้านาที เอ้ย ห้าบรรทัดคงจะอ่านไว้ประดับความรู้น่ะครับ
มาดูเหล้าชาวบ้านในรั้วบ้านผมกันดีกว่า  :laugh2:

เริ่มจาก High Commissioner หลายคนที่มีค่าคอมเป็นรายได้คงจะชื่นชอบน่ะครับตัวนี้
เพราะชื่อมันดีจริงๆ ครับตัวนี้เป็นของผมเองได้แถมมาจากร้าน Duty Free ที่ฝั่งแม่สายครับ
เคยชิมมาแล้วครั้งหนึ่งรสชาติหวานดีครับติดใจอยู่เหมือนกันครับตัวนี้
-10 มิตรภาพจากคนแปลกหน้า มีค่ามากกว่าลมปากจากคนคุ้นเคย

ออฟไลน์ เก่ง หล่ายดอย

  • The Watcher Team
  • Master Degree of MC27/30
  • ***
  • กระทู้: 11,956
  • ถูกใจ: +22/-0
  • ให้เหล้า เท่ากับแบ่ง
Re: เหล้าชาวบ้าน ในรั้วบ้านผม
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: มิถุนายน 09, 2009, 05:16:17 PM »
ตัวต่อมาครับ อันนี้แบบชุดเล็กๆ ขวดละ 200 ml. ครับ
คงเคยลองกันไปแล้วเป็นส่วนใหญ่ สำหรับผมนั้นขาดก็แต่ blue label ยังบ่เกยเลย
คงได้ลองคราวนี้แหละ แหะๆ ชุดนี้จากฝั่งท่าขี้เหล็กร้านวิชัยที่เสี่ยไก่ (แอร์ จักรกฤษณ์) รับประกันความน่าเชื่อถือ
ชุดนี้ค่าตัว 2500 บาทขาดตัวครับ
-10 มิตรภาพจากคนแปลกหน้า มีค่ามากกว่าลมปากจากคนคุ้นเคย

ออฟไลน์ เก่ง หล่ายดอย

  • The Watcher Team
  • Master Degree of MC27/30
  • ***
  • กระทู้: 11,956
  • ถูกใจ: +22/-0
  • ให้เหล้า เท่ากับแบ่ง
Re: เหล้าชาวบ้าน ในรั้วบ้านผม
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: มิถุนายน 09, 2009, 05:19:31 PM »
พยายามไม่ให้เกินห้าบรรทัด เพื่อที่อ้ายเนินจะได้พิจารณาอ่านครับ
ลองเอามาเล่นกับไฟ warm white ดูครับ
-10 มิตรภาพจากคนแปลกหน้า มีค่ามากกว่าลมปากจากคนคุ้นเคย

ออฟไลน์ เก่ง หล่ายดอย

  • The Watcher Team
  • Master Degree of MC27/30
  • ***
  • กระทู้: 11,956
  • ถูกใจ: +22/-0
  • ให้เหล้า เท่ากับแบ่ง
Re: เหล้าชาวบ้าน ในรั้วบ้านผม
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: มิถุนายน 09, 2009, 05:26:42 PM »
ส่วนชุดนี้เล่นกับไฟ Day Light ครับ
-10 มิตรภาพจากคนแปลกหน้า มีค่ามากกว่าลมปากจากคนคุ้นเคย

ออฟไลน์ เก่ง หล่ายดอย

  • The Watcher Team
  • Master Degree of MC27/30
  • ***
  • กระทู้: 11,956
  • ถูกใจ: +22/-0
  • ให้เหล้า เท่ากับแบ่ง
Re: เหล้าชาวบ้าน ในรั้วบ้านผม
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: มิถุนายน 09, 2009, 05:35:40 PM »
เรียนจานโกย จำได้ว่าจานเคยบอกว่าจะเอาเสื้อน้ำเงินมาฝาก
เวลาผ่านไปได้หลายปีกว่า ทุ่งนาร้างไปหลายหน จนถึงบัดเดี๋ยวนี้
เสื้อน้ำเงินยังเดินทางมาไม่ถึงหล่ายดอยสักทีเลย  :cry2:
-10 มิตรภาพจากคนแปลกหน้า มีค่ามากกว่าลมปากจากคนคุ้นเคย

ออฟไลน์ korokoso

  • Sophomore MC27/30
  • **
  • กระทู้: 2,221
  • ถูกใจ: +0/-0
  • ไปทะเลกันดีก่า
Re: เหล้าชาวบ้าน ในรั้วบ้านผม
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: มิถุนายน 09, 2009, 07:38:48 PM »
เสื้อน้ำเงินมันเดินทางผ่านช่องปาก แวะเที่ยวที่ปลายลิ้น แล้วไหลรินลงคอ :-X  ไปผสมกับของอร่อยที่กระเพาะ ลัดเลาะไปตามลำไส้ ผ่านออกไปถึงไต กลายเป็นฉี่ไปตั้งแต่ปีใหม่แล้วว่ะ  022
ก้อมรึงเสือกกินไม่เหมือนชาวบ้านเค้านิ เพราะกูงดเหล้าตอนเข้าพรรษา แต่มึงดันงดตอนออกพรรษา ยังงัยก้อไม่มีทางได้กินด้วยกันหร๋อกว่ะ อดซะ  :laugh1:
หนึ่งมิถุนา จาไปเรียนที่เชียงใหม่นะเออ

ออฟไลน์ เก่ง หล่ายดอย

  • The Watcher Team
  • Master Degree of MC27/30
  • ***
  • กระทู้: 11,956
  • ถูกใจ: +22/-0
  • ให้เหล้า เท่ากับแบ่ง
Re: เหล้าชาวบ้าน ในรั้วบ้านผม
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: มิถุนายน 09, 2009, 08:02:04 PM »
โธ่ถังกะลามังแตก.... :try:
เอาเป็นว่าหลังจากเห็นว่าชีวิตนี้น้อยๆ และสั้นๆ ต่อไปจะไม่ทำอีกแล้วครับ
เพราะปกติก็ไม่ได้แดกเหล้าทุกวันอยู่แล้ว ตั้งแต่เข้าพรรษาปีนี้ไป ขอทำตามใจตัวเองดีกว่า  -021
ต่อด้วยสุราพื้นบ้านหมาใจดำ ที่พยายามหาแล้วหาอีก ที่สุดก็ได้มาครอบครอง
อันนี้ของผมมีอยู่ในสต๊อกทั้งสองรุ่นครับ
-10 มิตรภาพจากคนแปลกหน้า มีค่ามากกว่าลมปากจากคนคุ้นเคย

ออฟไลน์ เก่ง หล่ายดอย

  • The Watcher Team
  • Master Degree of MC27/30
  • ***
  • กระทู้: 11,956
  • ถูกใจ: +22/-0
  • ให้เหล้า เท่ากับแบ่ง
Re: เหล้าชาวบ้าน ในรั้วบ้านผม
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: มิถุนายน 09, 2009, 08:34:55 PM »
หมาใจดำและลำก้า ในแสง Warm White
-10 มิตรภาพจากคนแปลกหน้า มีค่ามากกว่าลมปากจากคนคุ้นเคย

ออฟไลน์ เก่ง หล่ายดอย

  • The Watcher Team
  • Master Degree of MC27/30
  • ***
  • กระทู้: 11,956
  • ถูกใจ: +22/-0
  • ให้เหล้า เท่ากับแบ่ง
Re: เหล้าชาวบ้าน ในรั้วบ้านผม
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: มิถุนายน 09, 2009, 08:37:40 PM »
ต่อไปเป็น หมาใจดำ และลำก้า ในแสง Day Light ครับ
-10 มิตรภาพจากคนแปลกหน้า มีค่ามากกว่าลมปากจากคนคุ้นเคย

ออฟไลน์ เก่ง หล่ายดอย

  • The Watcher Team
  • Master Degree of MC27/30
  • ***
  • กระทู้: 11,956
  • ถูกใจ: +22/-0
  • ให้เหล้า เท่ากับแบ่ง
Re: เหล้าชาวบ้าน ในรั้วบ้านผม
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: มิถุนายน 09, 2009, 08:39:53 PM »
เจ้าคู่นี้จัดอยู่ในจำพวก White Spirit เหมือนกับพวก Volka จำพวกนั้นแหละครับ
-10 มิตรภาพจากคนแปลกหน้า มีค่ามากกว่าลมปากจากคนคุ้นเคย

ออฟไลน์ เก่ง หล่ายดอย

  • The Watcher Team
  • Master Degree of MC27/30
  • ***
  • กระทู้: 11,956
  • ถูกใจ: +22/-0
  • ให้เหล้า เท่ากับแบ่ง
Re: เหล้าชาวบ้าน ในรั้วบ้านผม
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: มิถุนายน 09, 2009, 08:48:44 PM »
ทิ้งท้ายวันนี้ด้วยของโปรดจานโกย ที่ผมว่ามันก็เยี่ยมมั่กๆ สำหรับบรั่นดีไทยตัวนี้ครับ  -11
-10 มิตรภาพจากคนแปลกหน้า มีค่ามากกว่าลมปากจากคนคุ้นเคย