เมษายน 30, 2024, 12:37:51 PM

ยินดีต้อนรับเพื่อนๆ ทุกคนครับ กรุณาลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่อโพส ดูไฟล์แนบ และเข้าสู่บอร์ดอื่นๆ
กรุณาอย่าสมัครสมาชิกเพื่อโฆษณาเวปไซด์ หรือสินค้าใดๆ รวมถึงการเสนอขายสินค้าทุกชนิด
หากพบเห็น ทางทีมงานจะทำการตักเตือนก่อนในครั้งแรก
แต่หากยังฝ่าฝืนกระทำการดังกล่าวอีกทีมงานจะดำเนินการลบสมาชิกของท่านทันทีตามข้อตกลงในการสมัครสมาชิกครับ


หลังจากลงทะเบียนเพื่อสมัครสมาชิกใหม่แล้วโปรดตัวสอบ e-mail ของคุณ หรือทดลอง log in ได้ภายใน 24 ชั่วโมงครับ
*** บางครั้ง e-mail อนุมัติอาจอยู่ใน จดหมายขยะ หรือ Spam ขอบคุณครับ

ผู้เขียน หัวข้อ: อินเดีย..แดนดินถิ่นพระเจ้า  (อ่าน 128294 ครั้ง)

ออฟไลน์ เก่ง หล่ายดอย

  • The Watcher Team
  • Master Degree of MC27/30
  • ***
  • กระทู้: 11,956
  • ถูกใจ: +22/-0
  • ให้เหล้า เท่ากับแบ่ง
Re: อินเดีย..แดนดินถิ่นพระเจ้า
« ตอบกลับ #140 เมื่อ: เมษายน 11, 2009, 08:12:11 AM »
 -11  เพื่อนฮาเจ๋งว่ะ สิวสารคดีเจ๋งๆ แบบนี้มีต่อไปเรื่อยๆ เลยเน้อ
 :-X ชอบว่ะ ได้ความรู้มากมาย ฮาเองก่อสนใจเรื่องพวกนี้มาเมินล่ะ
ได้รู้ได้หันจากคนใกล้ตัวแบบนี้ได้ความรู้เพิ่มมามากมายเลยเพื่อน  :cheer2:
-10 มิตรภาพจากคนแปลกหน้า มีค่ามากกว่าลมปากจากคนคุ้นเคย

ออฟไลน์ Putsiland

  • มัธยมปลาย MC 27/30
  • *****
  • กระทู้: 584
  • ถูกใจ: +0/-0
Re: อินเดีย..แดนดินถิ่นพระเจ้า
« ตอบกลับ #141 เมื่อ: เมษายน 11, 2009, 08:52:25 AM »
ไปต่อกันเลยนะเพื่อนๆ
จากสาญจี....ต่อไปยัง เมืองออรังกาบัต(Aurangabad)
อยู่ในรัฐมหาราษฏระ(Maharashtra)สถานที่แห่งนี้มีความเกี่ยวเนื่องกับพระพุทธศาสนาคือ มีการแกะสลักหน้าผาให้เข้าไปเป็น
วัดถ้ำและมีการเขียนสีในถ้ำ ตั้งแต่พุทธศักราช 350 ซึ่งมีการสลักวัดถ้ำมากกว่า 30 ถ้ำ(บางถ้ำก็สร้างไม่สำเร็จ)มีถ้ำพุทธแบบมหายาน 24 ถ้ำ ด้านในถูกแกะให้เป็น พระพุทธรูป หอสวดมนต์ ห้องพัก ผนังด้านข้างก็จะมีพุทธประวัติและเรื่องราวของชาดก
ที่นี่ถูกค้นพบโดยทหารชาวอังกฤษ แบบบังเอิญ ในขณะที่ตามล่าเสือ ในวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2362(รู้ได้ไง ใช่ป่ะ ก็มันมือบอนเขียนติดไว้ที่ผนังถ้ำอะกะ บ่เจื้อไปผ่อเตอะตี้ถ้ำเบอร์ 10) นายทหารมีนามว่าจอห์น สมิธ ไปชมกันเลยดีกว่านะ
ตกลงว่าใครเป็นคนสร้างครับ
แล้วสร้างนานเท่าใดครับ
สองพันปีที่แล้วเปิ้นใช้เครื่องอะหยั่งตัดหินครับ
ตี้อ้ายบอกว่ามี๓๐ถำ้นี่๒๔ถำ้เป็นแบบพุทธมหายาน
แล้วอีก๖ห้องที่เหลือเป็นถำ้อะไรครับ
แล้วตอนนี้มีพระจำพรรษาที่นั่นหรือเปล่าครับ
แล้วระบบที่สร้างนี่สมเหตุสมผลกับเทคโนโลยีปีพ.ศ.๓๕๐หรือเปล่า
แล้วมีเหตุผลอันใดถึงสร้างครับ ผมหมายถึงว่าสร้างขึ้นเพราะ
ความศัทธาในพุทธศาสนาหรีอสร้างเพื่อเฉลิมฉลองพระเจ้าแผ่นดิน
หรีออกหักเลยขุดถำ้ซะเลยอะไรทำนองนี้

ออฟไลน์ Putsiland

  • มัธยมปลาย MC 27/30
  • *****
  • กระทู้: 584
  • ถูกใจ: +0/-0
Re: อินเดีย..แดนดินถิ่นพระเจ้า
« ตอบกลับ #142 เมื่อ: เมษายน 11, 2009, 08:57:22 AM »
วัดที่นั่นอนุญาติในคนค้างคืนได้ไหมครับ
อีกอย่างไม่เห็นมีโรงครัวเลย หิวข้าวแล้วจะกินได้ที่ไหนครับ
 :x :x :x :x :x :x :x :x :x

ออฟไลน์ Montri babu

  • มัธยมปลาย MC 27/30
  • *****
  • กระทู้: 681
  • ถูกใจ: +0/-0
Re: อินเดีย..แดนดินถิ่นพระเจ้า
« ตอบกลับ #143 เมื่อ: เมษายน 11, 2009, 10:26:29 AM »
ไปต่อกันเลยนะเพื่อนๆ
จากสาญจี....ต่อไปยัง เมืองออรังกาบัต(Aurangabad)
อยู่ในรัฐมหาราษฏระ(Maharashtra)สถานที่แห่งนี้มีความเกี่ยวเนื่องกับพระพุทธศาสนาคือ มีการแกะสลักหน้าผาให้เข้าไปเป็น
วัดถ้ำและมีการเขียนสีในถ้ำ ตั้งแต่พุทธศักราช 350 ซึ่งมีการสลักวัดถ้ำมากกว่า 30 ถ้ำ(บางถ้ำก็สร้างไม่สำเร็จ)มีถ้ำพุทธแบบมหายาน 24 ถ้ำ ด้านในถูกแกะให้เป็น พระพุทธรูป หอสวดมนต์ ห้องพัก ผนังด้านข้างก็จะมีพุทธประวัติและเรื่องราวของชาดก
ที่นี่ถูกค้นพบโดยทหารชาวอังกฤษ แบบบังเอิญ ในขณะที่ตามล่าเสือ ในวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2362(รู้ได้ไง ใช่ป่ะ ก็มันมือบอนเขียนติดไว้ที่ผนังถ้ำอะกะ บ่เจื้อไปผ่อเตอะตี้ถ้ำเบอร์ 10) นายทหารมีนามว่าจอห์น สมิธ ไปชมกันเลยดีกว่านะ
ตกลงว่าใครเป็นคนสร้างครับ
แล้วสร้างนานเท่าใดครับ
สองพันปีที่แล้วเปิ้นใช้เครื่องอะหยั่งตัดหินครับ
ตี้อ้ายบอกว่ามี๓๐ถำ้นี่๒๔ถำ้เป็นแบบพุทธมหายาน
แล้วอีก๖ห้องที่เหลือเป็นถำ้อะไรครับ
แล้วตอนนี้มีพระจำพรรษาที่นั่นหรือเปล่าครับ
แล้วระบบที่สร้างนี่สมเหตุสมผลกับเทคโนโลยีปีพ.ศ.๓๕๐หรือเปล่า
แล้วมีเหตุผลอันใดถึงสร้างครับ ผมหมายถึงว่าสร้างขึ้นเพราะ
ความศัทธาในพุทธศาสนาหรีอสร้างเพื่อเฉลิมฉลองพระเจ้าแผ่นดิน
หรีออกหักเลยขุดถำ้ซะเลยอะไรทำนองนี้
ขอบใจต๊อกมากสำหรับคำถาม
คำถามของต๊อก ถึงแม้มันจะดูกวนตีนไปบ้างแต่ก็เข้าประเด็น
เพราะทุกคนเวลามาที่นี่แล้วก็จะสงสัย แบบที่ต๊อกถาม ตอบเลยนะ

ในยุคแรกที่นี่ถูกสร้างขึ้นโดยชาวพุทธฝ่ายเถรวาทโดยการสกัดหน้าผา(ไม่มีเครื่องมือตัดหินนะ)  เริ่มสร้างตั้งแต่พุทธศักราช ๓๕๐ ในยุคแรกไม่มีการสร้างพระพุทธรูป แต่จะสร้างเจดีย์เป็นสัญลักษณ์แทนพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นแบบอย่างมาจากชาวพุทธทางตอนเหนือ ถ้ำในยุคแรกของฝ่ายเถรวาทนั้นจึงเป็นถ้ำที่สร้างอย่างเรียบง่าย หลังจากนั้นอีก ๒๐๐ ปี
ราวปีพุทธศักราช ๕๕๐ ที่นี่ก็ถูกทิ้งร้าง จากนั้นมาอีกประมาณ ๔๐๐ ปีก็ได้มีการกลับมาสร้างอีกครั้งแต่คราวนี้เป็นพุทธฝ่ายมหายาน จึงได้เริ่มมีการสลักพระพุทธรูป และเขียนรูปพระโพธิสัตว์ สาเหตุที่สร้างก็ คือในสมัยเริ่มพุทธศักราช(หลังจากพระพุทธเจ้าทรงเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน)พระสงฆ์มักไม่ค่อยชอบอยุ่ปะปนกับผู้คน จึงพยายามที่จะแยกตัวออกไปจากผู้คน และได้ค้นพบสถานที่เหมาะสม ก็เลยคิดสร้างวัดถ้ำขึ้นมา แต่ก็ยังมีลูกศิษย์ วัดที่คอยอุปถัมภ์ให้เงินทองในการสร้างวัด เพราะเท่าที่ผมสังเกตุ มีถ้ำที่เสร็จสมบูรณ์สลับกับถ้ำที่สร้างไม่เสร็จ ก็คงเหมือนกับว่าวัดไหนมีคนอุปถัมภ์มากก็มีกำลังทรัพย์ ในการสร้างให้เสร็จ อีกประการนึงก็คือ กลุ่มชาวพุทธที่ถอยหนีมาจากทางตอนเหนือ เพราะถูกมุสลิมเข้ามารุกราน จึงหนีมาหลบสร้างวัดถ้ำในบริเวณนี้

๒๔ ถ้ำที่เป็นมหายานนั้นบางถ้ำก็ใช้ถ้ำเดิมของเถรวาทมาดัดแปลงตกแต่งเพิ่มเติมให้มีความ งดงามและโอ่อ่า มีการสลักลวดลายเพิ่มตามหัวเสาและตามคูหาถ้ำ และทั้ง ๒๔ ถ้ำนี้ได้สร้างในสมัยคุปตะ ซึ่งถือว่าเป็นยุคทองของศิลปะอินเดีย   ที่เหลืออีกสิบกว่าถ้ำนั้นยังสร้างไม่เสร็จ ซึ่งดูแล้วก็น่าจะมีทั้งของเถรวาทและมหายานรวมกัน

สรุป การสร้างวัดถ้ำแห่งนี้และแห่งอื่นๆที่กระจายอยู่ในรัฐนี้ เกิดจากความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา และเพื่อที่จะให้พระพุทธศสนาคงดำรงค์อยู่ต่อไป...
ปัจจุบันที่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งมรดกโลกที่อยูในอินเดีย และตอนนี้ไม่ให้ค้างคืนแล้วนะต๊อกส่วนเรื่องโรงครัวก็สงสัยเหมือนกันนะ และเมื่อใดที่เจอผู้รู้ผมจะถามให้นะ...

ออฟไลน์ Montri babu

  • มัธยมปลาย MC 27/30
  • *****
  • กระทู้: 681
  • ถูกใจ: +0/-0
Re: อินเดีย..แดนดินถิ่นพระเจ้า
« ตอบกลับ #144 เมื่อ: เมษายน 13, 2009, 10:40:23 PM »
ถึงเพื่อนๆทุกคน

                 เนื่องจากวันนี้เป็นวันสงกรานต์ ซึ่งตามประเพณีของคนไทยเราก็ถือว่าเป็นวันขึ้นปีใหม่ วันนี้ผมก็เลยไปกราบนมัสการ 
สถานที่ตรัสรู้ ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และขออำนาจสิ่งศักสิทธิ์รวมทั้งเทวดา ที่ดูแลรักษาต้นพระศรีมหาโพธิ พระแท่นวัชรอาสน์(รัตนบัลลังก์) ช่วยปกปักรักษาคุ้มครองครอบครัวของผม รวมไปถึงญาติมิตรของผม ให้อยู่ร่มเย็นเป็นสุขถ้วนทุกท่าน
และก็ถือโอกาสนี้ได้เล่าถึงความเป็นมา ของสถานที่ ที่มีความสำคัญต่อชาวพุทธทั่วโลก ให้เพื่อนๆได้อนุโมทนาฯ

ออฟไลน์ Montri babu

  • มัธยมปลาย MC 27/30
  • *****
  • กระทู้: 681
  • ถูกใจ: +0/-0
Re: อินเดีย..แดนดินถิ่นพระเจ้า
« ตอบกลับ #145 เมื่อ: เมษายน 13, 2009, 10:58:28 PM »
สถานที่ตรัสรู้ 
พุทธคยา เดิมตั้งอยู่ที่ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม แคว้นมคร แต่ปัจจุบันได้เรียกว่าพุทธคยา เมืองกายา รัฐพิหาร เป็นสถานที่ที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ(ตรัสรู้)

ปัจจุบัน มีสถานที่สำคัญที่ชาวพุทธทั่วโลกมาสักการะ ก็คือ

-ต้นพระศรีมหาโพธิ์ เป็นต้นที่พระพุทธเจ้าประทับนั่งตรัสรู้
-พระแท่นวัชรอาสน์ (สร้างโดยพระเจ้าอโศกมหาราช)
-พระมหาเจดีย์
-พระพุทธรูปปางมารวิชัย(คนไทยนิยมเรียกว่าหลวงพ่อเมตตา)

เรื่องราวและความเป็นมา ต่างๆผมจะได้นำมาเล่าให้เพื่อนๆได้อ่านต่อไป

ออฟไลน์ Montri babu

  • มัธยมปลาย MC 27/30
  • *****
  • กระทู้: 681
  • ถูกใจ: +0/-0
Re: อินเดีย..แดนดินถิ่นพระเจ้า
« ตอบกลับ #146 เมื่อ: เมษายน 13, 2009, 11:23:33 PM »
หลวงพ่อเมตตา

ออฟไลน์ Montri babu

  • มัธยมปลาย MC 27/30
  • *****
  • กระทู้: 681
  • ถูกใจ: +0/-0
Re: อินเดีย..แดนดินถิ่นพระเจ้า
« ตอบกลับ #147 เมื่อ: เมษายน 13, 2009, 11:32:57 PM »
พุทธคยา...

ออฟไลน์ Montri babu

  • มัธยมปลาย MC 27/30
  • *****
  • กระทู้: 681
  • ถูกใจ: +0/-0
Re: อินเดีย..แดนดินถิ่นพระเจ้า
« ตอบกลับ #148 เมื่อ: เมษายน 13, 2009, 11:35:51 PM »
วันนี้ดูรูปไปก่อนนะ พรุ่งนี้จะมาเล่าเรื่องราวต่างๆให้อ่านกัน (ไปนอนก่อนนะดึกแล้ว)

ออฟไลน์ ป๊อบ ลูกไก่ย่าง

  • มัธยมต้น MC 27/30
  • ****
  • กระทู้: 368
  • ถูกใจ: +0/-0
Re: อินเดีย..แดนดินถิ่นพระเจ้า
« ตอบกลับ #149 เมื่อ: เมษายน 14, 2009, 07:46:46 AM »
ผมชอบมากครับเรื่องราวที่ท่านเล่ามาทั้งหมด...กลายเป็นผมอินมากช่วงนี้อะไรอะไรก็อินเดีย

ช่างเป็นประเทศที่อุดมไปด้วยศิลปะและวัฒนธรรมจริงๆ...ต่างจากที่ผมคิดเมื่อก่อนไปเลย...ขอบคุณท่านจริงๆครับ -01

ออฟไลน์ Montri babu

  • มัธยมปลาย MC 27/30
  • *****
  • กระทู้: 681
  • ถูกใจ: +0/-0
Re: อินเดีย..แดนดินถิ่นพระเจ้า
« ตอบกลับ #150 เมื่อ: เมษายน 14, 2009, 11:28:39 AM »
ต้นพระศรีมหาโพธิ์ สถานที่พระพุทธเจ้าประทับนั่งตรัสรู้ อยู่ห่างจากแม่น้ำเนรัญชรา ประมาณ 200 เมตร  ปัจจุบันเป็นต้นที่ 4
ปลูกเมื่อพุทธศักราช 2423 (จนถึงปัจจุบันมีอายุ 129 ปี) โดยเซอร์ อเล็กซานเดอร์ คันนิ่งแฮม นักโบราณคดีชาวอังกฤษ
       
             200 ปีหลังจากที่พระพุทธเจ้าทรงเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน ต้นพระศรีมหาโพธิได้รับการทำนุบำรุง โดยพระเจ้าอโศกมหาราช และได้มีการเริ่มสร้างมหาโพธิวิหาร เพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ และในช่วงนี้เองที่ต้นพระศรีมหาโพธิต้นแรกได้ตายลงด้วยน้ำมือของมเหสีของพระเจ้าอโศก คือนางมหิสุนทรี ด้วยความอิจฉาริษยาที่พระเจ้าอโศกได้ให้ความสนใจรักและเอาใจใส่ ต้นพระศรีมหาโพธิ์มากกว่านาง นางจึงวางแผนให้นางสาวใช้นำยาพิษมารดต้นพระศรีมหาโพธิ จนเฉาตายไปในที่สุด
             พระเจ้าอโศกทรงเสียพระทัยเป็นที่สุด โดยที่ยังไม่ทราบถึงสาเหตุ พระองค์ทรงประทับอยู่ ณ ที่แห่งนี้โดยมิยอมเสร็จกลับเป็นเวลาหลายวัน จนในที่สุดมเหสีใจร้ายได้ยอมบอกความจริง พระองค์จึงได้อธิฐานจิตว่าหากแม้นต้นพระศรีมหาโพธิไม่แตกหน่อขึ้นมาใหม่พระองค์จะไม่ยอมเสด็จไปจากที่ตรงนี้ ถึงแม้จะสิ้นชีวิตอยู่ตรงนี้ก็ตาม จากนั้นก็ได้ให้บรรดาทหารนำน้ำนมมารดที่โคนต้นพระศรีมหาโพธิ จนกระทั่งแตกหน่อใหม่ขึ้นมา เป็นต้นที่ 2
             

             

ออฟไลน์ Montri babu

  • มัธยมปลาย MC 27/30
  • *****
  • กระทู้: 681
  • ถูกใจ: +0/-0
Re: อินเดีย..แดนดินถิ่นพระเจ้า
« ตอบกลับ #151 เมื่อ: เมษายน 14, 2009, 12:30:27 PM »
**ต้นพระศรีมหาโพธิ ต้นที่หนึ่งนั้นถือว่าเป็น"สหชาติ"กับพระพุทธเจ้าเพราะเกิดในวันเดียวกับวันที่เจ้าชายสิทธัตถะประสูติ ต้นนี้มีอายุได้ 352 ปี**

          พระศรีมหาโพธิต้นที่ 2 มีอายุต่อมาอีกประมาณ 890 ปี ก็ถูกทำลายโดยกษัตริย์ฮินดู จากแคว้นเบงกอลนามว่าศาสังกา
         
          พระศรีมหาโพธิต้นที่ 3 หลังจากต้นที่สองถูกโค่นลง พระเจ้าปูรณวรมา แห่งมครได้ตั้งจิตอธิษฐานขอให้ต้นพระศรีมหาโพธิได้แตกหน่อขึ้นมาใหม่โดยการนำน้ำนมมารดตรงหลุมบริเวต้นพระศรีมหาโพธิ ด้วยพุทธานุภาพต้นพระศรีมหาโพธิก็ได้งอกขึ้นมาเจริญเติบโตมีอายุได้ประมาณ 1200 กว่าปี

           หลังจากนั้นอินเดียก็ได้ถูกพวกเติร์กและมองโกลรุกราน พุทธคยาก็ได้รับผลกระทบจากสงครามและความเสื่อมถอยของพระพุทธศาสนาทำให้พุทธคยาถูกทิ้งล้างมาอีกประมาณ 500 ปี จนมาถึงของสมัยที่อังกฤษเข้ามาปกครองจึงได้มีการขุดค้นพุทธสถานต่างๆ ในสมัยนั้นพุทธคยาถูกดินทับถมจมอยู่เกือบ 10 เมตร ต้นพระศรีมหาโพธิ ในวันที่ เซอร์ อะเล็กชานเดอร์ คันนิ่งแฮม พบนั้นอยู่ในสภาพโค่นล้มลง และมีหน่อของต้นพระศรีมหาโพธิ เกิดขึ้นสองหน่อในบริเวณนั้น ท่านจึงนำหน่อนึงปลูกไว้ในที่เดิม และอีกหน่อหนึ่งแยกปลูกไว้บริเวณที่ห่างออกไปไม่ไกลนัก

ออฟไลน์ jackthairath39

  • jackthairath39@ovi.com
  • Freshman MC 27/30
  • *
  • กระทู้: 1,870
  • ถูกใจ: +0/-0
    • บริรักษ์ นิลนาคะ (แจ๊ค) 304/27 602/30
Re: อินเดีย..แดนดินถิ่นพระเจ้า
« ตอบกลับ #152 เมื่อ: เมษายน 14, 2009, 04:52:11 PM »
นั่นซิ ประเทศไทยก็เมืองพุทธ แต่ยิงกันมาสามสี่วันแล้วทั่วกทม.
 แถมมีรถแก๊สไปจ่อที่แฟลตดินแดงอีก ( ปล่อยวาล์วแล้วนะ )

ออฟไลน์ Montri babu

  • มัธยมปลาย MC 27/30
  • *****
  • กระทู้: 681
  • ถูกใจ: +0/-0
Re: อินเดีย..แดนดินถิ่นพระเจ้า
« ตอบกลับ #153 เมื่อ: เมษายน 15, 2009, 08:52:20 AM »
ช่วงนี้สลับให้เพื่อนๆ ได้ชมบรรยากาศรอบพุทธคยาก่อนนะ

ออฟไลน์ Montri babu

  • มัธยมปลาย MC 27/30
  • *****
  • กระทู้: 681
  • ถูกใจ: +0/-0
Re: อินเดีย..แดนดินถิ่นพระเจ้า
« ตอบกลับ #154 เมื่อ: เมษายน 15, 2009, 09:13:15 AM »
สารพัดถั่ว....ข้าวโพดปิ้ง(เผา)....สาวอินเดีย(จากโฆษณามือถือ)...ปิดท้ายที่ :-X เด็กแขก

ออฟไลน์ Montri babu

  • มัธยมปลาย MC 27/30
  • *****
  • กระทู้: 681
  • ถูกใจ: +0/-0
Re: อินเดีย..แดนดินถิ่นพระเจ้า
« ตอบกลับ #155 เมื่อ: เมษายน 15, 2009, 09:16:34 AM »
ดินแดนแห่งถั่ว ที่นี่มีถั่วเยอะจริงๆ นะ

ออฟไลน์ Montri babu

  • มัธยมปลาย MC 27/30
  • *****
  • กระทู้: 681
  • ถูกใจ: +0/-0
Re: อินเดีย..แดนดินถิ่นพระเจ้า
« ตอบกลับ #156 เมื่อ: เมษายน 15, 2009, 09:20:29 AM »
ข้าวโพดเผา..กับสาวอินเดีย

ออฟไลน์ Montri babu

  • มัธยมปลาย MC 27/30
  • *****
  • กระทู้: 681
  • ถูกใจ: +0/-0
Re: อินเดีย..แดนดินถิ่นพระเจ้า
« ตอบกลับ #157 เมื่อ: เมษายน 15, 2009, 09:22:59 AM »
...หอ..ย..เด็กแขก

ออฟไลน์ Montri babu

  • มัธยมปลาย MC 27/30
  • *****
  • กระทู้: 681
  • ถูกใจ: +0/-0
Re: อินเดีย..แดนดินถิ่นพระเจ้า
« ตอบกลับ #158 เมื่อ: เมษายน 15, 2009, 02:51:02 PM »
เพื่อนๆ เรามาต่อกันด้วยประวัติของพระแท่นวัชรอาสน์ เลยนะครับ

          แต่ก่อนที่จะมีพระแท่น "วัชรอาสน์" ก็ต้องย้อนกลับไปในวันก่อนที่จะตรัสรู้ หลังจากที่พระมหาบุรุษ ได้ทรงรับหญ้ากุสะ 8 กำมือ(หญ้าแฝก)จากโสตถิยพราหมณ์ผู้ใจบุญ พระองค์ก็ได้เสด็จข้ามแม่น้ำเนรัญชรามุ่งพระพักตร์สู่ต้นพระศรีมหาโพธิ์ พระองค์
ได้กระทำทักษิณาวัตรต้นพระศรีมหาโพธิ 3 รอบ(เวียนรอบ) และได้ปูลาดหญ้าลงทางทิศใต้ ทันใดนั้นก็เกิดแผ่นดินไหวขึ้นอย่างรุนแรง(ประมาณ 6 ริกเตอร์) ประหนึ่งจะกราบทูลว่าสถานที่ตรงนี้ไม่ใช่ที่จะประทับตรัสรู้ เมื่อพระองค์เห็นอาการที่เกิดขึ้น พระองค์จึงได้ย้ายไปทางด้านทิศตะวันตกและทิศเหนือ ก็เกิดเหตุการณ์เช่นเดียวกัน ต่อเมื่อพระองค์ปูลาดหญ้ากุสะลงทางด้านทิศตะวันออกของต้นพระศรีมหาโพธิ ก็ไม่ได้เกิดเหตุแผ่นดินไหว พระองค์จึงเข้าพระทัยว่าสถานที่นี้ ควรเป็นที่ที่พระองค์ควรประทับเพื่อตรัสรู้
พระองค์จึงปูลาดหญ้ากุสะทั้ง 8 กำมือ และได้ตั้งจิตอธิษฐานว่า "ถ้าอาตมะจะได้ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้วไซร้ ขอจงเกิดรัตนบัลลังก์ขึ้น ณ บัดนี้" ทันใดนั้นรัตนบัลลังก์ก็ได้อุบัติขึ้นด้วยบุญญาธิการของพระองค์ พระองค์จึงเสด็จขึ้นประทับนั่งบนรัตนบัลลังก์
โดยผินพระพักตร์ไปทางฝั่งแม่น้ำเนรัญชราหรือทางทิศตะวันออก พร้อมกับอธิษฐานจิตอย่างแน่วแน่ใจความว่า 
                     " ถึงเลือดและเนื้อจะเหือดแห้งไป จะยังคงเหลืออยู่แต่เพียงหนัง เส้นเอ็นและกระดูกก็ตามที หากข้าพเจ้ายังมิได้ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญานแล้วไซร้ ข้าพเจ้าจะมิยอมลุกขึ้นจากรัตนบัลลังก์นี้ "


ออฟไลน์ Montri babu

  • มัธยมปลาย MC 27/30
  • *****
  • กระทู้: 681
  • ถูกใจ: +0/-0
Re: อินเดีย..แดนดินถิ่นพระเจ้า
« ตอบกลับ #159 เมื่อ: เมษายน 15, 2009, 02:54:44 PM »
พระแท่นวัชรอาสน์