บอกเล่าเรื่องราวผ่านรูปภาพ > ภาพเก่าเล่าเรื่องราว

ภาพเก่าเล่าเรื่อง วงโยธวาทิต มงฟอร์ตวิทยาลัย

(1/34) > >>

อุเทน47:
 :o ใครยังจำภาพนี้ได้บ้างครับ
นึกถึงบรรยากาศในสมัยนั้นแล้วอยากกลับไปสัมผัส...บรรยากาศเก่าๆ
ขอนำภาพเก่านี้มาให้ได้รำลึกกัน พร้อมเรื่องราวบางส่วนที่เล่าสู่กันโดยเหล่าพี่ๆ มว.24 (จากเวบศิษย์เก่า)

http://www.thaimisc.com/freewebboard/php/vreply.php?user=mc24&topic=385

หวังว่าคงทำให้พวกเราได้รำลึกชาติ(น) กลับไปสัมผัสความหลังครั้งเมื่อเรายังหน้าใส  ;D


อุเทน47:
เรื่องและภาพโดย พี่ปวิทัย มว.24



ผมลองทบทวนประวัติศาสตร์หน่อยนะครับ อาจไม่มีแง่มุมที่ละเอียดแบบเพื่อนเด็จ

ในช่วงเราเป็นนักเรียน ม.ว. กิจกรรมโยธาวทิตเป็นกิจกรรมหนึ่งที่ได้รับความสนใจ ในรุ่น ม.ว.24 ของเราส่วนใหญ่จะเข้ามาเล่นในวงตั้งแต่ช่วง ป.6 หลังจากนั้นก็อยู่ในวงเรื่อยไปจนกว่าจะจบ

สีสันกิจกรรมโยธวาทิตคึกคักขึ้น เมื่อมีการจัดประกวดโยธวาธิต ปี พ.ศ. 2523 เป็นการแข่งขันในระดับจังหวัด ไม่แน่ใจว่าเราชนะเลิศหรือเปล่า จน ปี พ.ศ.2524 ก็เข้าร่วมแข่งขันอีกครั้ง (เราอยู่ ม.3) ครั้งนี้เราได้เป็นที่หนึ่งของจังหวัด และเขตการศึกษา และได้เข้าไปร่วมแข่งโยธวาทิตระดับประเทศไทยที่สนามศุภชลาศรัย ซึ่งจัดในเดือนมกราคม พ.ศ. 2525 วงของเราเป็นตัวแทนเขตการศึกษา ปีนี้เรายังไม่คุ้นสนาม และไม่เข้าใจกติกาโดยละเอียด จึงยังไม่ได้ที่หนึ่ง เพื่อนสมาชิก MC 24 คงยังจำกันได้ อย่างไรก็ตามว่าแม้ไม่ได้ชนะเลิศ แต่วันนั้นพวกเราต่างเห็นพ้องกันว่าวงดุริยางค์มงฟอร์ต วิทยาลัยของเราเป็นขวัญใจอันดับหนึ่งของสนามศุภฯ เพราะหลังประกาศผลแล้ว เราก็ยังเดินโชว์ เล่นเพลงต่างฯที่ได้ฝึกซ้อมไว้ แต่ไม่ได้กำหนดให้ใช้ในการแข่งขันอยู่เป็นเวลานาน ท่ามกลางเสียงเชียร์จากผู้ชมในสนาม เรามีความสุขกับการแสดง และมุ่งมั่นในการแสดงศิลปะที่ได้ฝึกไว้มากกว่าการแข่งขันเพื่อชัยชนะเท่านั้น

มกราคม พ.ศ. 2526 นัดพบกันอีกครั้ง ระหว่างโยธวาธิตจากทั่วประเทศ ครั้งนี้ MC BAND พร้อมกว่าเดิม ฝึกซ้อมเข้มข้นกว่าเดิมมาก MC24 ตอนนั้นก็อยู่ ม.4 เทอมสองแล้ว เพื่อนๆหลายคนเริ่มกวดวิชา มุ่งมั่นจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยกัน แต่สมาชิกวงโยธวทิตต้องฝึกซ้อมกันทุกวันหลังเลิกเรียน และหนักเป็นพิเศษช่วงก่อนแข่งขัน ต้องไปเข้าค่ายที่ “มงฟอร์ตหน้อย” แล้วในที่สุด วันประวัติศาสตร์ก็มาถึง เมื่อวงโยธวาทิต โรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย ชนะเลิศการประกวดโยธวาทิตแห่งประเทศไทย จัดโดยกรมพลศึกษาร่วมกับธนาคารทหารไทย กลับมาเชียงใหม่บราเดอร์อันโตยังให้พิมพ์หนังสือฉบับเล็กๆ แบบจุลสารด้วย ผมเขียนส่งไปสองเรื่อง ก็ได้ลงทั้งสองเรื่อง

พอเข้ากลางปี พ.ศ. 2526 พวกเราก็เลื่อนชั้นขึ้นนักเรียน ม. 5 กัน รุ่นอ้ายต๊อก อ้ายแว่น ( ม.ศ. 5 รุ่นสุดท้าย) ก็สอบได้ไปเป็นนักศึกษา ม.ช. อ้ายแต้มยังอยู่กับเฮาเพราะเป็น ม.6 รุ่นแรก บทบาทการวางแผนจัดการวงตกกับพวกเรามากขึ้น โดยเฉพาะวิลเลี่ยม จนถึงเดือน มกราคม 2527 มงฟอร์ตวิทยาลัยก็ประกาศความยิ่งใหญ่อีกครั้งที่สนามศุภฯ ด้วยการชนะเลิศเป็นครั้งที่สอง

น่าจะราวๆเดือนกุมภาพันธ์ 2527 นี่แหละที่บริษัทไทยน้ำทิพย์ได้ติดต่อมาที่โรงเรียนเพื่อขอถ่ายทำโฆษณาเครื่องดื่ม เดือนที่ถ่ายทำน่าจะราวๆมีนาคม หรือเมษายนนะครับ โดยไปตั้งกองถ่ายทำกันที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้ กองถ่ายเขาว่าหญ้าเขียวดี ที่เห็นในทีวี ใช้เวลาถ่ายทำกันหนึ่งวัน มีคนน้องวงมาร่วมบ้างเช่น สรรเสริญ อ้ายที่หันหน้าหาอ้ายต๊อก ยืนบังเกษมพจน์อยู่ และน้องๆ เพื่อนๆหญิงที่เห็นในโฆษณา สำหรับการถ่ายโปสเตอร์ ได้นัดกันอีกวันหนึ่ง ที่เดิม นักเรียนหญิงสองคนในโปสเตอร์มาจากโรงเรียนพระหฤทัย ต้องถือเป็นบุญ ผมได้รับคัดเลือกให้เป็นคนดื่มโค้ก โดยเป็นการตัดสินใจทันทีในวันนั้น ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นได้นัดกันให้จิ๊บ น้องอ้ายต๊อก เป็นพรีเซ็นเตอร์ ฝรั่งไดเร็กเตอร์เขาว่าผมหน้าไทยๆดี น้องเขาออกฝรั่งไปหน่อย และผิวผมก็จะออกคล้ำๆ ดูเหมือนพวกอัฟริกันอเมริกันซึ่งเป็นแบบของเขาในชุดที่เขาโฆษณาในอเมริกา

หลังงานนี้ ผมก็ขอลามัสเซอร์พินัย ไม่ได้เล่นกับวงตอนเรียน ม.6 ด้วยเหตุผลว่าพ่อแม่คาดหวังให้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัย ซึ่งการสอบโควต้าก็อยู่ห่างออกไปอีกไม่ถึงปี แต่ลึกๆก็มี คือ กลัวเขาเห็นตัวจริงแล้วผิดหวัง เพราะในทีวีดูดีกว่าเยอะ อย่างไรก็ตามเพื่อนๆส่วนใหญ่ก็ยังเล่นในวงอยู่ ทั้งเลี่ยม เษม เอ๋ ฯลฯ

มกราคม 2528 มงฟอร์ตวิทยาลัยชนะอีกครั้ง ปีนี้บราเดอร์ และคณะศิษย์เก่าจึงช่วยกันลงขันส่งลูกหลานมงฟอร์ตไปแข่งขันในระดับโลกที่เนเธอร์แลนด์ มัสเชอร์พินัยเมตตาให้รุ่นพี่ที่พึ่งจบไป ได้ไปด้วย ผมก็เลยได้อานิสงค์นี้อีก เป็นบุญหลายชั้น คือทั้งสอบได้โควต้า ได้ไปแข่งโยธวาทิตต่างประเทศ แต่ไกลกว่านั้นก็คือได้ไปอบรมธรรมทายาทที่วัดพระธรรมกาย หลังจากที่ออกจากโรงเรียนมงฟอร์ตไปแล้ว ชีวิตในมหาวิทยาลัยก็เป็นสิ่งใหม่ที่มาทดแทน สู่โลกกว้าง ห่างโรงเรียน ห่างวงดุริยางค์ เป็นผู้ใหญ่ขึ้น เป็นอิสระมากขึ้น มีโอกาสค้นคว้าหาตัวตนที่แท้จริงมากขึ้น

วันนี้ก็เกือบ 23 ปีแล้วนะครับ นานพอที่เราจะลืมหลายๆสิ่ง แต่หลายๆสิ่งก็ยังประทับอยู่ในใจของเราเสมอ ที่แน่ๆ ก็คือพี่ๆ ครูบาอาจารย์ทุกๆคน ผมถือโอกาสยกคุณความดีในเรื่องโยธวาทิตแด่บราเดอร์อันโต และมัสเซอร์พินัยนะครับ ถ้าไม่มีทั้งสองท่าน ภาพที่เห็นในโปสเตอร์ก็คงไม่ใช่อย่างที่เห็น

เผื่อใครสนใจนะครับ
เวปข้างล่างเป็นวิทยานิพนธ์ที่เกี่ยวกับโยธวาทิตมงฟอร์ต โดยนิสิตจุฬา พอดีค้นเจอ http://cuir.car.chula.ac.th/bitstream/123456789/289/1/Sitti.pdf

อุเทน47:
เรื่องและบทภาพยนตร์ โดย พี่เด็จ มว.24  ;)

 ---๑๑๑---

19.30 น.ที่ผ่านมา เพิ่งโทรคุยกับอ้ายแต้ม-อมรฤทธิ์MC23 คนซ้ายมือในรูป
แต้มบอกว่าถ่ายภาพนิ่งและหนังโฆษณา ช่วงกุมภาพันธ์27 หลังมันสอบ’เอ็นโควต้า มช.พอดี ตอนนั้นยกกองไปถ่ายทำที่แม่โจ้ฯ แต่มันไม่ยอมบอกว่าได้ค่าตัวเป็นโค้กกี่ขวด (...เดี๋ยวเสียภาพพจน์ <--อันนี้ ผมคิดเองเออเอง ความจริงแล้ว ผมเพียงแค่จะเขียนชื่อพ่อเพื่อนเท่านั้นเองครับ...)
...อ้ายต๊อก/บัณฑิตMC23_มศ.(คนกลาง) จบมศ.5 ไปเป็นน้องปีหนึ่งแล้วตอนนั้น แต่คงจะมีแมวมองไปควานหาจนเจอ นี่ถ้าแมวมองไปแวะคณะแพทย์ มช.นะ ไม่แน่อาจได้ตัวอ้ายแว่นหรืออาปา MC23_มศ. มาอีกคนก็ได้ ...
…ความจริง อ่านที่เพื่อนปวิทัยเขียน ก็ให้ความชัดเจนดีแล้วหล่ะครับ จึงขอเติมแต้มสีบนแพรพรรณสักเล็กน้อยพองาม...
---๒๒๒---

หลายคนอาจลืมกันไปแล้วว่าเคยเห็นรูปนี้ แต่เมื่อได้เห็น “ภาพที่อัดอดีตเอาไว้” นี้อีก ก็ระลึกได้
หลายคนดูภาพนี้ นึกถึงอดีตที่เคยเติบโต สุข ทุกข์ กันมาใน “ป้อมบนภูเขา” ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน
ผ่านไปหลายปี ย้ายที่ไปหลายครั้ง บางคนทำรูปสมัย มอปลายหล่นหายหลายเล่ม แต่ความทรงจำช่วงนี้ยังสดใสซาบซ่า เหมือนเพิ่งเดินออกจากโรงเรียนมาหมาดๆ
...ก็จริงอย่างเพื่อนปวิทัยพูด ผ่านไปหลายปี กายสังขารคนในภาพอาจเปลี่ยน แต่ใช่หรือไม่ว่าภาพเพื่อนที่เราเห็นในใจยังชัดเจน
เอ...คืนนี้ ไม่รู้ผมเป็นอะไรไป เพ้อเจ้ออยู่เรื่อย ดูปฏิทินข้างฝาถึงได้รู้ อ๋อ...ใกล้ 15 ค่ำนี่เอง
........................เอาเป็นว่า......................................................
วันที่ 10 เดือน 11 ศกนี้ เจอกันหน่อย,จะได้เห็นกันชัดเจนยิ่งขึ้น

---๓๓๓---


แต่ถ้าถามว่า ผมเห็นภาพแล้วนึกถึงอะไร ...
-แฟลชแบ็คไปตอนเราอยู่ ม.6 เทอมปลาย-

บางวิชาเช่น เลข ฟิสิกส์ เคมีที่เขาเรียนกันเทอม2 เราก็เรียนกันมาหมดตั้งแต่มอ.หกเทอมหนึ่งแล้ว
ดังนั้น ไม่แปลกที่เทอมปลายพวกเราจะไม่ค่อยมาโรงเรียนกัน ด้วยไปซุ่มอ่านหนังสือเตรียมเอ็นโควต้ากันอยู่
แต่ถึงเวลาสอบมิดเทอม สอบไฟนอล ก็มาสอบพอเป็นพิธีงั้นแหละ
สอบบางวิชาผมยังไม่ทันเขียนชื่อเลขที่บนกระดาษคำตอบเลย ได้ยินเสียงเพื่อนห้องข้างๆตะโกนชวนไปเตะบอลกันซะงั้นแหละ...
..ไม่รู้ปวิทัยหรือไอ่ขาว-ฉัตรชัยหรือใครนี่แหละเป็นตัวตั้งตัวตี เสนอโปรเจ็คท์ต่อมาสเซอร์เสน่ห์ ติดต่อขอใช้ห้องประชุมใต้ตึกสามัคคีและเชิญอาจารย์คณะวิทยา มช.มาติวฟิสิกส์ เคมี เลข ฯลฯ ให้กับพวกเราในวันเสาร์-อาทิตย์ ช่วงเดือนธันวาคม ซักประมาณ 7-8 ครั้ง
ผมก็ไปกับเขาด้วย...
แล้วผมได้เห็น...
ในสนามบอลที่กำลังเปิดสปริงเกอร์ให้น้ำหญ้าเป็นจุดๆ
วงโยธวาทิตของเรากำลังซ้อมการแปรขบวนเป็นแฉกๆ
หลบน้ำจากสปิงกเกอร์ไปพลาง
หลบการย่ำโคลนในสนามไปพลาง

ผมโฉบไปดู..เห็นวิลเลี่ยม+เษม+ไช้และอ้ายชุมพล(น้องอ้ายต๊อก-บัณฑิต)
กำลังขีดๆเขียนๆตำแหน่งการเดิน ตำแหน่งการหยุดให้นักดนตรีแต่ละคน
เพื่อจัดรูปแบบการเดินเข้าสนามที่ต้องการจะฉีกความจำเจ สร้างความแนว ไม่เหมือนใคร
ถามวิลเลี่ยมว่า มันอ่านหนังสือเตรียมสอบมั่งหรือเปล่า มันบอกว่า ช่วงนี้นะ แม้แต่ตอนฝัน ยังฝันเห็นจุดมาร์คต่างๆ แปรขบวนอยู่ในความฝันเลย หนังสือเคมี เลข แหละไม่ต้องพูดถึง
เห็นแล้วก็ชื่นชมเพื่อนอยู่ในใจ ในเวลาที่การสอบโควต้าใกล้เข้ามาเช่นนี้ ยังมีเพื่อนๆหลายคนที่อุทิศเวลาเพื่อกิจกรรมที่เขารัก ได้แต่หวังว่าพวกเขาจะบริหารเวลาได้ในที่สุด
-ตัดภาพระยะใกล้-

จบชั่วโมงติว มีคนมามุงกันเยอะขึ้นข้างสนามบอล(ที่วิลเลี่ยมเคยถือโทรโข่งนำประท้วง) ที่กำลังเปิดสปริงเกอร์ให้น้ำหญ้าเป็นจุดๆ มีการสนทนาอะไรทำนองนี้
“ไอ่เลี่ยม ,แล้วคิงจะจบ(ให้วงเดินออก)จะใด?”
“ไอ่แต้มเอาวิดีโอสตาร์วอร์มาหื้อฮาผ่อ หันมีการต่อสู้ยิงกั๋น ชิ้นส่วนยานอวกาศแตกกระจายไปคนละทิศละทาง ฮาตั้งใจจะหื้อหมู่วงเฮา จบแบบนั้นคือ ดาวกระจายแยกกันไปเป็นสามหมู่ เตวออกนอกสนามไปคนละทิศคนละประตูไปเลย เอาหื้อคนดูขำหัวไปเลยว่ามันจบแต้ๆกา แล้วพอคนดูตบมืออังกอร์ เฮาก่อก้อยๆ โผล่มารวมตัวกั๋นใหม่แบบวาร์บออกมาจากหลุมดำ”
น้องต๊อก-วินสันMC27ที่อยู่ใกล้ๆ“อ้ายๆ เอาอั้นแต้เลยกา?”
“อื้ออออ อู้เล่นบ่อดาย 555

...
สนามศุภฯ มกรา 2528
คืนนั้น วงโยธวาทิตมงฟอร์ตเดินสวนกับวงโยฯวัดสุทธิฯ ในรอบสุดท้าย
จากการถ่ายทอดสดทางทีวีช่อง 5 ผมก็ได้เห็นวงโยธวาทิตเดินออกสนามอย่างสวยงาม แยกเป็นกลุ่มสามเหลี่ยมสองอัน (เหมือนยานลูกกับยานแม่ในสตาร์วอร์) แยกกันเดินออกสนาม สร้างความพะวักพะวงให้กับวงสุทธิฯที่เดินเข้าไม่น้อย
อืมม์....ฉีกจริงๆ 555
...นั่นแหละผลงานเพื่อนๆของเรา...
---ส่งท้าย---

สามเดือนก่อน ผมไปหาวิลเลี่ยมที่วิทยาลัยซีซั่นเชงจ์ ศาลายา ขณะกำลังเดินหาห้องน้ำใต้ตึก ผ่านห้องซ้อมดนตรีวงดุริยางค์ ….อ้าว...เห็นหน้าคุ้นๆ ครับ มาสเตอร์พินัยนั่นเอง กำลังควงไม้ baton นำวงนักเรียนอยู่ รอจนมาสเซอร์สอนจบ เข้าไปสวัสดีและสอบถามได้ความว่า มาสเซอร์ลาออก มว.มาอยู่วิทยาลัยได้หลายปีแล้ว สุขภาพแข็งแรงดี ยังดูหนุ่มแน่น วิ่งจ็อกกิ้งออกกำลังกายสม่ำเสมอ และเลิกสูบบุหรี่แล้ว
---fade---

jackthairath39:
แง่มุมดี ๆ แบบนี้ของโรงเรียนเราก็ น่าปลื้ม
เห็นโปสเตอร์โค้กแล้วคิดถึงร้านตามสั่งหน้า มงฟอร์ตเล็กจังวะ เก๋ 

jackthairath39:
ข้อมูลคิงละเอียดมากเก๋ อ่านแล้ว คิดถึงอดีตและแม่ เออ

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

Go to full version