มีนาคม 29, 2024, 08:53:25 PM

ยินดีต้อนรับเพื่อนๆ ทุกคนครับ กรุณาลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่อโพส ดูไฟล์แนบ และเข้าสู่บอร์ดอื่นๆ
กรุณาอย่าสมัครสมาชิกเพื่อโฆษณาเวปไซด์ หรือสินค้าใดๆ รวมถึงการเสนอขายสินค้าทุกชนิด
หากพบเห็น ทางทีมงานจะทำการตักเตือนก่อนในครั้งแรก
แต่หากยังฝ่าฝืนกระทำการดังกล่าวอีกทีมงานจะดำเนินการลบสมาชิกของท่านทันทีตามข้อตกลงในการสมัครสมาชิกครับ


หลังจากลงทะเบียนเพื่อสมัครสมาชิกใหม่แล้วโปรดตัวสอบ e-mail ของคุณ หรือทดลอง log in ได้ภายใน 24 ชั่วโมงครับ
*** บางครั้ง e-mail อนุมัติอาจอยู่ใน จดหมายขยะ หรือ Spam ขอบคุณครับ

ผู้เขียน หัวข้อ: FW: มีคนส่งมาให้อ่านก็ส่งต่อมาให้อ่าน(โปรดพิจารณาด้วยสตินะทุกท่าน)  (อ่าน 2655 ครั้ง)

ออฟไลน์ แมค ตีนดอย

  • Freelanc...มืออาชีพ
  • The Watcher Team
  • Freshman MC 27/30
  • ***
  • กระทู้: 1,491
  • ถูกใจ: +0/-0
  • แมค ตีนดอย
    • กริชชัย กุศล (แมค) 306/27
ด่วนที่สุด! พลเอกสนธิเตรียมปฏิวัติล้มราชบัลลังก์
30 พฤษภาคม 50 นี้ ประเทศไทยเข้าสู่จุดเปลี่ยนครั้งร้ายแรงที่สุดเพราะพลเอกสนธิ เตรียมทำปฏิวัติซ้ำยึดอำนาจล้มราชบัลลังก์ โดยมีลำดับเรื่องดังนี้
1.ใน วันฉัตรมงคลตรงกับวันที่ 5 พฤษภาคม ที่ผ่านมา พลเอกสนธิแค้นมากที่เสนอขอเครื่องราชฯให้ภรรยาเพื่อให้ได้เป็นคุณหญิง แต่ในหลวงไม่โปรดเกล้าพระราชทานเครื่องราชฯ ให้สมาชิกคมช.เลยแม้แต่คนเดียว ทั้งที่โดยปกติตามธรรมเนียมประเพณี ภรรยาผู้บัญชาการเหล่าทัพจะได้เป็นคุณหญิงทุกคนแต่นี่เป็นถึงภรรยาผบ.ทบ. และเป็นประธานคมช.ด้วยกลับไม่ได้ แต่ภรรยาพลเอกสุรยุทธ์ ซึ่งเป็นคุณหญิงอยู่แล้วกลับได้เลื่อนขึ้นไป.กเป็นท่านผู้หญิง เป็นการเสียหน้าอย่างแรงทำให้พลเอกสนธิแค้นมาก ในคืนวันฉัตรมงคลนั้นเอง จึงได้ให้คนไปวางระเบิดที่ซอยราชวิถีตรงข้ามพระตำหนักจิตรลดาฯเพื่อข่มขวัญ พระราชวงศ์ และอาศัยเรื่องนี้เป็นข้ออ้างส่งกำลังทหารจากรบพิเศษของตนเองกว่า 1,000 นาย เข้าล้อมวังสวนจิตรฯอ้างว่าเพื่อรักษาความปลอดภัย
2.ตุลาการศาล รัฐธรรม นูญทั้ง 9 คน พลเอกสนธิเป็นคนตั้งมากับมือโดยมีหน้าที่หลักคือ ยุบพรรคไทยรักไทยและห้าม พ.ต.ท.ทักษิณลงเลือกตั้ง ซึ่งพลเอกสนธิได้สั่งการทุกอย่างไว้เรียบร้อยหมดแล้ว รอเพียงการประกาศคำสั่งยุบพรรคไทยรักไทย อย่างเป็นทางการในวันที่ 30 พ.ค.นี้เท่านั้น แต่เมื่อในหลวงออกมามีพระราชดำรัสกับตุลาการศาลปกครอง ซึ่งหลายคนเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอยู่ด้วย และถ่ายทอดออกทีวีทุกช่อง มีนัยยะให้ศาลรัฐธรรมนูญไม่ยุบพรรค พระราชดำรัสนี้เป็นเหมือนสายฟ้าฟาดลงกลางศีรษะพลเอกสนธิ ทำให้พลเอกสนธิสุดแค้นเพราะเกมพลิกไปโดยสิ้นเชิง ขณะนี้พลเอกสนธิไม่มั่นใจว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะสั่งยุบพรรคตามคำสั่งของตนหรือไม่ หรือจะมติไม่ยุบพรรคตามพระราชดำรัสในหลวง จึงเตรียมแก้เกมโดยการปฏิวัติ มีการประชุมนายทหารคุมกำลังระดับผู้บังคับกองพันขึ้นไปกว่า 100 นาย คุมกำลังทหารเกือบแสนคน ทุกวันตั้งแต่วันศุกร์ที่ 25 พ.ค.เป็นต้นมา เพื่อซักซ้อมแผนปฏิวัติ โดยกำลังทหารทั้งหมดจะเตรียมพร้อม 100 %% ตั้งแต่เวลา 8 โมงเช้าวันที่ 30 พ.ค. ซึ่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะประชุมกันในช่วงเช้าก่อนจะประกาศมติในช่วงบ่าย แต่จะมีสายส่งข่าวผลการประชุมให้พลเอก สนธิทราบก่อน ถ้ามติมีว่าไม่ยุบพรรค พลเอกสนธิจะสั่งให้แท็กซี่ประมาณ 500 คัน ที่เตรียมไว้ติดธงแดงเพื่อป้ายความผิดว่าเป็นคนของทักษิณ ออกอาละวาดเผากรุงเทพฯทันทีจะได้เป็นข้ออ้างในการปฏิวัติ และจะส่งกำลังทหารเข้ายึดวังสวนจิตร บังคับให้ในหลวงลงพระปรมาภิไธยรับรองคณะปฏิวัติ และที่ร้ายกาจอย่างยิ่งยวดคือ ถ้าสถานการณ์เอื้อ มีการเตรียมการถึงขนาดจะปลงพระชนม์และป้ายความผิดว่าเป็นการชิงบัลลังก์ของ สมเด็จพระบรม ฯเหมือนกรณีเนปาล แล้วในสถานการณ์ที่ยุ่งเหยิงอย่างที่สุดนั้นก็จะถือโอกาสล้มสถาบันพระมหา กษัตริย์โดยสิ้นเชิง
3.เหตุ ที่พลเอกสนธิเหิมเกริมกล้ากระทำการอุกอาจถึงเพียงนี้ เพราะพลเอกสนธิเป็นสมาชิกองค์กรลับมุสลิมโลก ซึ่งมีแผนเปลี่ยนประเทศไทยให้เป็นประเทศมุสลิมและอาศัยไทยเป็นฐานรุกคืบไป กลืนกัมพูชา ลาว และพม่า เป็นมุสลิมต่อไป หลังจากปฏิวัติ 19 ก.ย. 49 สำเร็จพลเอกสนธิได้รับการยกย่องจากองค์กรลับมุสลิมโลกนี้อย่างสูง ประเทศแรกที่พลเอกสนธิไปเยือน คือ ปากีสถาน ซึ่งชายแดนปากีสถานบริเวณติดกับอัฟกานิสถาน คือ ฐานใหญ่ในการฝึกผู้ก่อการร้ายขององค์กรลับมุสลิมโลกนี้ ช่วง ปีใหม่ซึ่งไม่ใช่เทศกาลแสวงบุ ญพลเอกสนธิก็เดินทางไปเมกกะโดยลำพังเพื่อ ประชุมลับและหาข้ออ้างไปประเทศมุสลิมเพื่อประชุมลับเป็นระยะๆ มาตลอด แผนขั้นเผด็จศึกประเทศไทยขณะนี้ คือ ยึดอำนาจซ้ำ ล้มสถาบันกษัตริย์และควบคุมสื่อแบบเบ็ดเสร็จ โดยไม่ห่วงภาพลักษณ์ในสายตาของต่างชาติหรือผลกระทบการลงทุนใดๆ ทั้งสิ้น เพราะเศรษฐกิจจะพินาศอย่างไรไม่ใช่เรื่องสำคัญแต่เป้าหมายต้องควบคุม ประเทศไทยให้อยู่มือ และเปลี่ยนเป็นประเทศมุสลิมอย่างเฉียบพลันให้ได้
4.ชาวไทยทุกคนที่รักชาติ พระพุทธศาสนาและสถาบันพระมหากษัตริย์ พึงกระทำดังนี้
4.1 กระจายข่าวนี้ให้รู้กันโดยกว้างขวางทั่วถึงที่สุด รวดเร็วที่สุด ก่อนเช้าวันที่ 30 พ.ค. ใครมีศักยภาพทางใดให้ปรึกษาหารือกัน ใช้ศักยภาพของตนป้องกันแก้ไขอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะผู้ที่มีญาติเป็นนายทหารคุมกำลัง
4.2 นัดแนะกับเพื่อนฝูง ญาติพี่น้องให้พร้อม ถ้าทหารออกมาปฏิวัติเมื่อใด ให้ทุกคนถือพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวงออกไปบนท้องถนน เข้าไปถามทหารทุกคนว่าท่านเป็นทหารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวหรือเป็น ทหารของมุสลิม ถ้ารักในหลวงให้กลับกรมกองเดี๋ยวนี้ พลังของพวกเราประชาชนทุกคนที่ผนึกรวมเป็นหนึ่งเท่านั้นจ ึงจะปกป้องรักษาชาติ พระพุทธศาสนาและสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักยิ่งของเราไว้ได้
ถึง เวลาแล้วที่พี่น้องไทยทุกคนต้องตัดสินใจว่าเราจะสู้เพื่อความเป็นไทย หรือจะหวาดกลัว เอาตัวรอด เพิกเฉย ดูดายแล้วตกเป็นทาสของทหารมุสลิม

แผนร้ายมุสลิมยึดประเทศไทย
พบแผนร้ายสะเทือนขวัญชาวไทยทั้งชาติ มุสลิมมิได้มุ่งยึดครอง ๓ จังหวัดภาคใต้เท่านั้น แต่วางแผนยึดไทยทั้งประเทศอย่างลึกซึ้งแยบยล และได้ดำเนินงานตามแผนมาตามลำดับจนใกล้บรรลุผลสำเร็จแล้ว ดังนี้
๑. วางแผนยึดสถาบันพระมหากษัตริย์เปลี่ยนให้เป็นกษัตริย์มุสลิม ได้มีการส่งลูกสาวของแกนนำมุสลิมระดับสูงซึ่งมีตำแหน่งใหญ่ในรัฐบาลปัจจุบัน ซึ่งมีหน้า ตาดีเข้าไปถวายตัวกับ"เจี่ย" เรียบร้อยแล้ว ถ้ามีลูกเมื่อใด พระราชวงศ์ทุกพระองค์ที่มีศักดิ์สูงกว่าจะตกอยู่ในอันตรายร้ายแรงถึงชีวิต และเด็กคนนี้จะถูกอบรมเลี้ยงดูให้เติบโตขึ้นเป็นกษัตริย์มุสลิมที่เคร่งครัด แม้จะบัญญัติในรัฐธรรมนูญว่าพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพุทธมามกะ แต่เมื่อองค์กษัตริย์เป็นชาวมุสลิมทั้งตัวและหัวใจแล้ว การจะแก้เรื่องนี้ก็ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก และเมื่อยึดสถาบันพระมหากษัตริย์ได้ การจะเปลี่ยนประเทศไทยให้กลายเป็นประเทศมุสลิมก็ทำได้ง่ายเหมือนที่เคยเกิด ขึ้นมาแล้วในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเคยเป็นเมืองพุทธมาก่อน
๒. วางแผนเปลี่ยนกองทัพไทยให้เป็นกองทัพมุสลิม
เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทยที่ทหารมุสลิมขึ้นมาเป็นผบ.ทบ.และเป็นหัวหน้าคณะปฏิวัติยึดอำนาจการปกครองแผ่นดิน มีอำนาจควบคุมกองทัพอย่างเบ็ดเสร็จ นายทหารที่เป็นชาวมุสลิมจึงได้รับการโปรโมทเลื่อนตำแหน่งกันขนานใหญ่ และขณะนี้กำลังมีการวางแผนลับสืบทอดอำนาจระยะยาวเปลี่ยนกองทัพไทยให้เป็น กองทัพมุสลิม โดยพลเอกสนธิ ผบ.ทบ.ซึ่งมีอำนาจเด็ดขาดในการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารระดับพันเอกพิเศษลงไป ได้วางตัวนายทหารมุสลิมเตรียมไว้แล้ว และเมื่อถึงจังหวะเหมาะก็จะเซ็นแต่งตั้งนายทหารมุสลิมเหล่านี้เข้ามาเป็น ผู้บังคับการกรม ผู้บังคับกองพันที่สำคัญกุมจุดยุทธศาสตร์ อาทิ กรมทหารราบที่ ๑ รักษาพระองค์ มีกำลังทหาร ๘,๐๐๐ นาย กรมทหารราบที่ ๑๑ รักษาพระองค์มีกำลัง ๖,๐๐๐ นาย กรมทหารราบที่ ๓๑ มีกำลัง ๑๐,๐๐๐ นาย กรมทหารราบที่ ๒๑ และหน่วยกำลังสำคัญในกองพลทหารม้าที่ ๒ สนามเป้า เป็นต้น นายทหารมุสลิมเหล่านี้จะจงรักภักดีและเชื่อฟังพลเอกสนธิยิ่งกว่าผู้บังคับ บัญชาตามลำดับชั้นของตน ดังนั้น ผู้บังคับการกรมมุสลิมเพียง ๑๐ – ๒๐ กรม คุมกำลังทหารประมาณ ๕๐,๐๐๐ – ๑๐๐,๐๐๐ นาย จะทำให้ดุลอำนาจในกองทัพเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง แม้พลเอกสนธิจะเกษียณอายุจากตำแหน่งผบ.ทบ. เข้าไปรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้ว ก็จะสามารถควบคุมกองทัพได้เช่นเดิม ผ่านนายทหารมุสลิมเหล่านี้ และสามารถขยายการควบคุมออกไปจนเปลี่ยนกองทัพไทยเป็นกองทัพมุสลิมทั้งหมด เพราะแม้ทหารส่วนใหญ่เป็นพุทธ แต่เมื่อผู้บังคับบัญชาเป็นมุสลิม ทุกคนก็ต้องปฏิบัติตามคำสั่ง ดังที่เคยเกิดในประเทศเวียดนามมาแล้ว ที่แม้ประชาชนเป็นพุทธกว่า ๙๐%% แต่ประธานาธิบดีเหงียนเกากี เป็นคริสต์ และตั้งทหารคริสต์คุมกองทัพ คุมกระทรวงมหาดไทย และปราบปรามกดขี่ชาวพุทธอย่างรุนแรง จนพระภิกษุต้องประท้วงโดยการเผาตัวตาย และเวียดนามต้องสิ้นชาติในที่สุด
๓. เข้ายึดกุมอำนาจการบริหารราชการแผ่นดิน
เมื่อพลเอกสนธิปฏิวัติเสร็จ ได้ตั้งพลเอกสุรยุทธ์ เป็นนายกฯ ขัดตาทัพก่อน เพราะบารมีของตนในขณะนั้นยังไม่เพียงพอ จากนั้นเร่งสร้างฐานอำนาจทั้งในกองทัพ องค์กรอิสระ และวงการเมืองอย่างเต็มที่ เมื่อพร้อมก็กดดันอย่างหนักให้พลเอกสุรยุทธ์ลาออก เพื่อตนจะได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีเอง จัดตั้งรัฐบาลมุสลิมชุดแรกในประวัติศาสตร์ ปกครองประเทศไทย ต่อไป  ข้าราชการคนไหนเป็นชาวมุสลิม หรือเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอิสลาม ก็จะได้รับการเลื่อนตำแหน่งอย่างรวดเร็ว นักธุรกิจคนไหนเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอิสลามก็จะได้รับความสะดวก ได้การสนับสนุนจากรัฐ การเป็นชาวมุสลิมเป็นสิ่งมีเกียรติ ใครเป็นชาวพุทธ เป็นเรื่องต่ำต้อย ถูกดูถูกเหยียดหยาม วัฒนธรรมชาวมุสลิมจะได้รับการส่งเสริมเผยแพร่ตามสื่อมวลชนทุกแขนง และผ่านระบบการศึกษา สังคมไทยจะถูกดูดกลืนปรับเปลี่ยนเป็นสังคมมุสลิม สอดประสานกับการเปลี่ยนสถาบันกษัตริย์ให้เป็นกษัตริย์มุสลิม
๔. สร้างรัฐอิสลามซ้อนขึ้นในรัฐไทยและขยายตัวกลืนรัฐไทยทั้งหมดให้กลายเป็นสาธารณรัฐอิสลาม ขณะนี้คณะกรรมาธิการการศึกษา ศาสนาฯ สภานิติบัญญัติแห่งชาติได้ร่างพระราชบัญญัติการบริหารองค์กรอิสลามเรียบร้อยแล้วเตรียมเสนอเข้าพิจารณาใน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และจะออกมามีผลบังคับใช้ภายในเดือนมิถุนายน ๒๕๕๐ นี้ พ.ร.บ.กลืนชาติไทยฉบับนี้ เป็นการแก้ไขจากฉบับปี ๒๕๔๐ และมีการหมกเม็ดสาระสำคัญที่จะพลิกฟ้า คว่ำแผ่นดินไทยทั้งมวล ๓ ประเด็นหลัก คือ
๔.๑ มาตรา ๘ “จุฬาราชมนตรีมีอำนาจหน้าที่ให้คำปรึกษาและเสนอความเห็นต่อทางราชการเกี่ยว กับศาสนาอิสลาม” ที่ร้ายกาจอย่างยิ่งยวดก็คือ ได้เพิ่มข้อความในวรรคท้ายว่า
“คำปรึกษา ความเห็น และข้อวินิจฉัยของจุฬาราชมนตรีตามความในวรรคหนึ่งให้เป็นที่สุด ส่วนราชการและมุสลิมทุกคนต้องปฏิบัติตาม”
นี่ไม่ใช่คำปรึกษาหรือความเห็นแล้ว แต่มันคือคำประกาศิตที่เป็นที่สุดใครจะโต้แย้งใดๆไม่ ได้ทั้งสิ้น และบังคับให้ส่วนราชการไทย คือ ทั้งศาล อำนาจบริหาร และนิติบัญญัติ จะต้องปฏิบัติตามอย่างไม่มีข้อแม้ ดังนั้นจุฬาราชมนตรี ก็จะกลายเป็นเจ้าชีวิตของมุสลิมทุกคน และบังคับรัฐไทยจะต้องปฏิบัติตามคำประกาศิตของจุฬาราชมนตรีในทุกเรื่องที่ เกี่ยวกับศาสนาอิสลาม ซึ่งจะตีความให้กว้างเชื่อมโยงไปมากเท่าใดก็ได้ รัฐไทยก็จะเปรียบเสมือนเป็นอาณานิคมของรัฐอิสลามที่เกิดซ้อนขึ้นมาในรัฐไทยนั่นเอง
๔.๒ มาตรา ๑๓ เมื่อเห็นสมควร กระทรวงศึกษาธิการอาจจัดตั้ง “อิสลามวิทยาลัยแห่งประเทศไทย และอิสลามวิทยาลัยประจำจังหวัด”ขึ้น เพื่อให้การศึกษาและอบรมทางวิชาการศาสนา วิชาการทั่วไป และวิชาชีพได้
เพียงแค่โรงเรียนปอเนาะ ตาดีกา ที่เป็นแหล่งเพาะผู้ก่อการร้ายในปัจจุบัน เราก็รับมือกันแทบไม่ไหวอยู่แล้ว นี่จะขยายขึ้นมาถึงระดับเป็นอิสลามวิทยาลัยและจะตั้งทุกจังหวัด ถามว่า ทั้งผู้เรียน ทั้งครู เป็นมุสลิมทั้งหมด แล้วใครจะเข้าไปตรวจสอบการเรียนการสอนการอบรมในอิสลามวิทยาลัยเหล่านี้ มีอะไรเป็นหลักประกันว่า อิสลามวิทยาลัยนี่จะไม่กลายเป็นสถาบันบ่มเพาะมุสลิมหัวรุนแรงอย่างถูกต้อง ตามกฎหมาย สามารถให้ปริญญาตรี โท เอก โดยดูดเอาทรัพยากรจากภาษีอากรของชาวพุทธไปหล่อเลี้ยง
๔.๓ มาตรา ๒๙ ให้คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด มีอำนาจหน้าที่ ให้คำปรึกษาและเสนอความเห็นเกี่ยวกับกิจการศาสนาอิสลามต่อผู้ว่าราชการ จังหวัด และส่วนราชการภายในจังหวัด ฉบับเดิมเมื่อปี ๒๕๔๐ ระบุเพียงให้คำปรึกษาต่อผู้ว่าฯ เท่านั้น แต่ฉบับใหม่นี้ เพิ่มว่า “และส่วนราชการภายในจังหวัด” ด้วย นั่นคือ คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด สามารถเข้าไปแทรกแซงสั่งการการทำงานของทุกส่วนราชการในจังหวัด ทั้งองค์กรปกครองท้องถิ่นและหน่วยราชการต่างๆ ได้ทั้งหมด ถ้าสั่งแล้วใครไม่เชื่อก็บอกจุฬาราชมนตรีประกาศิตลงมาบังคับได้ทันที คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดจะทำหน้าที่ชี้นำ ดำเนินการกลืนสังคมไทยให้กลายเป็นสังคมมุสลิมอย่างรวดเร็ว ครอบคลุม เป็นระบบ
เราจะเห็นการเตรียมการวางแผนเรื่องนี้อย่างเป็นขั้นเป็นตอน ตั้งแต่พลเอกสนธิ แต่งตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๔๙ โดยสมาชิกในส่วนตัวแทนทางศาสนาจำนวน ๑๑ คน มีรายนามดังนี้
๑. นายกีรติ บุญเจือ (คริสต์)
๒. นายวรเดช อมรวรพิพัฒน์ (พุทธ)
๓. นายเสฐียรพงษ์ วรรณปก(พุทธ)
๔. นายวินัย สะมะอุน (อิสลาม)
๕. นายแว ดือ ราแม มะมิงจิ (อิสลาม)
๖. นายดำรง สุมาลยศักดิ์ (อิสลาม)
๗. นายแวมาฮาดี แวดาโอะ (อิสลาม)
๘. นายอับดุลเราะแม เจะแซ (อิสลาม)
๙. นายอับดุล รอซัค อาลี &n bsp; (อิสลาม)
๑๐. นายอิสมาแอล อาลี (อิสลาม)
๑๑. นายอิสมา.ลลุตฟี จะปะกียา (อิสลาม)
ในประเทศไทยที่ประชากรร้อยละ ๙๔ เป็นพุทธ มีมุสลิมอยู่เพียงร้อยละ ๕ แต่พลเอกสนธิ กล้าที่จะแต่งตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ที่เป็นตัวแทนศาสนาเป็นชาวพุทธเพียง ๒ คน แต่เป็นชาวมุสลิมถึง ๘ คน นี่คือการไม่เป็นหัวชาวพุทธเลย และเป็นการเตรียมคนไว้รองรับการออกพระราชบัญญัติฉบับ “กลืนชาติไทย” นี้นี่เอง พี่น้องชาวไทยทุกท่าน ท่านจะนั่งเงียบเฉยมองดูประเทศชาติ พระพุทธศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ล่มสลายลงไปต่อหน้าต่อตา หรือจะลุกขึ้นมาสู้ ช่วยกันปกปักรักษาประเทศไทยอันเป็นที่รักยิ่งของเราไว้ ทหารหาญแห่ง กองทัพไทยทุกท่าน ท่านตอบตัวเองได้หรือยังว่า ท่านเป็นทหารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หรือเป็นทหารของผู้นำมุสลิม ท่านจะยอมตนลงเป็นทาส หรือจะปกป้องชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ด้วยชีวิตตามคำสัตย์ปฏิญาณ ขณะนี้ประเทศไทยอันเป็นที่รักยิ่งของเรากำลังตกอยู่ในภาวะวิกฤตที่ร้ายแรง ที่สุด เหมือนยืนอยู่ที่ปากเหวแห่งความล่มสลาย แต่ถ้าพี่น้องชาวไทยทุกหมู่เหล่าร่วมรวมพลังไม่เพิกเฉยดูดาย ก็ไม่เหลือวิสัยที่จะกอบกู้แก้ไขสถานการณ์ร้ายนี้
“ชะตาของชาติไทยอยู่ที่การตัดสินใจสู้ของท่าน”

(โปรดช่วยกันทำสำเนาส่งข่าวนี้ให้รู้โดยทั่วกันให้กว้างขวางที่สุด)

ออฟไลน์ แมค ตีนดอย

  • Freelanc...มืออาชีพ
  • The Watcher Team
  • Freshman MC 27/30
  • ***
  • กระทู้: 1,491
  • ถูกใจ: +0/-0
  • แมค ตีนดอย
    • กริชชัย กุศล (แมค) 306/27
ไม่ต้องวิจารณ์ก็ได้นะเพื่อนๆๆ เพราะมีคนส่งมาให้อ่านๆ อ่านแล้วคิด มี สติกันเน้อ ....

tanakorn tananuwat

  • บุคคลทั่วไป
ฮึม >:( >:( >:(
น่าคิดเหมือนกันเน๊อะ
ลองเอาไป+กับของแม่นางแอ้แล้วก็น่าคิดนะครับ
ใค๋อินไซด์พ่องต๋อนนี้ งง งง ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไปหมดแล้วครับ

ออฟไลน์ Chat601

  • Freshman MC 27/30
  • *
  • กระทู้: 1,172
  • ถูกใจ: +0/-0
ไม่อยากคุยเรื่องการเมืองกับมิตรสหาย โดยเฉพาะเมื่อต้องผ่านตัวหนังสือ ไม่เห็นหน้ากัน
เพราะแต่ละคนอาจคิดต่างกัน อ่านตัวหนังสือแล้วอาจตีความอารมณ์กันผิดได้ด้วย
โพสต์แล้วเดี๋ยวอดพูดกันไม่ได้ พอพูดไปเดี๋ยวก็กลายเป็นทะเลาะกันเองอีก
ฟอร์เวิร์ดเมล์มีมากมาย ปลิวร่อนว่อนไปทั้งเมืองแหละเพื่อนๆ..... :-X


เมื่อคืนดูสัมภาษณ์วงเฉลียง ฟังคุณดี้ (นิติพงษ์ ห่อนาค) พูดแล้วชอบ
เขาว่า การเมืองน่ะ "นักกีฬา" (คือตัวผู้เล่น) จริงๆ มีไม่กี่คนหรอก
ที่เหลือมีสองประเภท ถ้าไม่เป็น "คนดู" ก็เป็น "กองเชียร์"
ถ้ารักบ้านเมือง ก็อย่ามี "กองเชียร์" ที่อินกับเกมการแข่งขันมากไป
เป็น "คนดู" กันบ้าง เพราะอย่าลืมว่า ท้ายที่สุดแล้ว เมื่อ "นักกีฬา" ออกจากสนาม
เขาจับมือกันนะ...



ออฟไลน์ jack603

  • เตรียมอนุบาล MC 27/30
  • *
  • กระทู้: 42
  • ถูกใจ: +0/-0
เห็นด้วยกับป๋าเป็นอย่างยิ่ง

ออฟไลน์ เก่ง หล่ายดอย

  • The Watcher Team
  • Master Degree of MC27/30
  • ***
  • กระทู้: 11,956
  • ถูกใจ: +22/-0
  • ให้เหล้า เท่ากับแบ่ง
อืมๆๆๆ...
รับไว้พิจารณาครับ
เห็นด้วยกับป้าครับ อย่าทะเลาะกันเพราะเรื่องของคนอื่นดีกว่าเนอะ ;)
-10 มิตรภาพจากคนแปลกหน้า มีค่ามากกว่าลมปากจากคนคุ้นเคย

ออฟไลน์ korokoso

  • Sophomore MC27/30
  • **
  • กระทู้: 2,221
  • ถูกใจ: +0/-0
  • ไปทะเลกันดีก่า
ได้โปรดอย่าเอาเรื่องแบบนี้เข้ามาในบอร์ดนี้เลย ได้โปรด ได้โปรด ได้โปรด (เพราะมีบอร์ดที่อื่นให้เล่นต้องเยอะ)
หนึ่งมิถุนา จาไปเรียนที่เชียงใหม่นะเออ