มีนาคม 29, 2024, 06:49:14 AM

ยินดีต้อนรับเพื่อนๆ ทุกคนครับ กรุณาลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่อโพส ดูไฟล์แนบ และเข้าสู่บอร์ดอื่นๆ
กรุณาอย่าสมัครสมาชิกเพื่อโฆษณาเวปไซด์ หรือสินค้าใดๆ รวมถึงการเสนอขายสินค้าทุกชนิด
หากพบเห็น ทางทีมงานจะทำการตักเตือนก่อนในครั้งแรก
แต่หากยังฝ่าฝืนกระทำการดังกล่าวอีกทีมงานจะดำเนินการลบสมาชิกของท่านทันทีตามข้อตกลงในการสมัครสมาชิกครับ


หลังจากลงทะเบียนเพื่อสมัครสมาชิกใหม่แล้วโปรดตัวสอบ e-mail ของคุณ หรือทดลอง log in ได้ภายใน 24 ชั่วโมงครับ
*** บางครั้ง e-mail อนุมัติอาจอยู่ใน จดหมายขยะ หรือ Spam ขอบคุณครับ

ผู้เขียน หัวข้อ: หาเรื่อง.....  (อ่าน 20838 ครั้ง)

ออฟไลน์ udomkd

  • มักเหล้าคลับ
  • Freshman MC 27/30
  • ***
  • กระทู้: 1,452
  • ถูกใจ: +37/-0
  • กินเหล้าอย่างมีความสุข
หาเรื่อง.....
« เมื่อ: ตุลาคม 30, 2012, 11:51:40 AM »
ด้วยมาเมามั่วอยู่ที่นี่หลายวัน ทำให้รู้จักพี่ๆในที่นี้ พอสมควร บางทีถามคำถามแบบที่ไม่น่าถาม แต่คำตอบมามากมาย เกินคาด เลยกล้าที่จะถามอะไรแบบเรื่อยเปื่อย........เพราะวงเมา มันก็คุยกันได้เรื่อยเปื่อย....แต่ด้วยความเคารพ...หลังจากที่ได้มีโอกาส เจอโกตือตัวเป็นๆ "เรา" ขอใช้คำว่าเราครับ ก็ได้คุยกันพอสมควร แม้จะเพิ่งเจอกันครั้งแรก ยังกับรู้จักกันมานาน ยิ่งหลายจอก ก็ยิ่งมากเรื่อง.....ไปจนถึงความในใจ ในเรื่องเกี่ยวกับเหล้าบางอย่าง

ขออนุญาติตือในบางส่วนน๊ะครับ ที่บอกกล่าวเรื่องเหล่านี้ โกตือก็มีความใฝ่ฝันเป็นการส่วนตัว ผมเองก็มีบางอย่าง อยู่ในใจมานานพอสมควร พอได้คุยกันแล้ว.....เริ่มบรรเจิด

ความฝันผม.....อยากบ่ม White spirit พื้นเมืองบ้านผม อยากรู้ว่ามันจะออกมาเป็นอย่างไร?

ซึ่งจังหวะเวลาหลายอย่างมันมาลงตัว งานการก็ไม่ได้ยุ่งอะไรมากมาย พอที่จะมีเวลาเสาะหาสิ่งที่คิดอยากทำ(เล่นๆ มิได้จริงจังว่า จะต้องเป็นมาตรฐานโลก ทำแค่อยากรู้)

เงินก็ไม่ได้มีมากมายเหลือกินเหลือใช้...เพียงแต่คิดว่า ชีวิตนี้สั้นนัก รู้แต่วันเกิด แต่ไม่รู้วันตาย อยากทำอะไร ที่ทำแล้วไม่เดือดร้อนตัวเอง สังคมรอบข้าง ก็ทำๆไป อิๆๆ

ประจวบเหมาะกับ ได้รู้แหล่งโรงกลั่นพื้นเมือง ซึ่งดำเนินการโดยบุคคลที่มีหลักการสมัยใหม่ มิใช่แบบโบราณบ้านเราที่ทำตามมีตามเกิด และเป็นผู้มีความรู้สมัยใหม่พอสมควร แต่ก็ยึดแนวทางโบราณ ในกรรมวิธี........น่าจะพอคุยกันได้ ในรายละเอียดสิ่งที่เราต้องการ(แต่ก็ยังไม่ได้คุยกันในรายละเอียด ที่ผมอยากได้) แต่คาดว่า ไม่น่าจะมีปัญหา เพราะเขาดำเนินการณ์อยู่ในเชิงธุรกิจ......

และในวันนี้ ผมได้ตัวอย่าง.......เนื้อเหล้ามาประมาณ300 ซีซี....กลิ่นรสสี คุณภาพโดยรวม เป็นที่น่าพอใจเริ่มต้น.......

ในการคิดทำของผม ทั้งหมดทั้งหลาย ยังไม่มีหลักการณ์ วิชาการอะไรรองรับทั้งสิ้น ไม่มีองค์ความรู้ ที่ตัดสินใจเปิดหน้ากระทู้ขึ้นมา ก็โดยหวังว่า ทั้งหลายทั้งมวล ในที่นี้ เผื่อใครมีใอเดียอะไร ก็สามารถแจมเข้ามาได้ครับ ด้วยความยินดียิ่ง

ผมมีความมั่นใจอะไรบางอย่างลึกๆ ว่าจะดำเนินการณ์ไปได้ด้วยดี แต่ผลจะเป็นอย่างไร จะสำเร็จหรือล้มเหลวประการใด ไม่ใช่สิ่งมุ่งหวัง

หวังแค่ได้ทำ ก็เป็นสิ่งที่สมปราถนาแล้ว อิๆๆ

ที่ปรึกษาหลัก คือฮ้ายเก่ง กับโกตือ 55+ ห้ามปฏิเสฐโดยข้อหาใดๆทั้งสิ้น 55+ -0029 -0029 -0029

ออฟไลน์ udomkd

  • มักเหล้าคลับ
  • Freshman MC 27/30
  • ***
  • กระทู้: 1,452
  • ถูกใจ: +37/-0
  • กินเหล้าอย่างมีความสุข
Re: หาเรื่อง.....
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ตุลาคม 30, 2012, 12:07:44 PM »
หาเรื่องต่อ..........

ผมจะเล่าที่มาของเหล้า....

พื้นฐาน....มาจากน้ำตาลต้นไม้เพียวๆ.....ต้นตาลโตนด

ช่วยกันเรียกชื่อ หรือตั้งชื่อที่เหมาะสมครับ เผื่อใว้ว่า มันอาจจะออกสู่สากลด้วยก็แล้วกัน 55+ เอาสนุกเข้าว่าน๊ะครับ อ่านแล้วอย่าซีเรียด ผมกินเหล้าวัตถุประสงค์หลัก ก็คือบรรยากาศในการร่ำสุราแหละ มาช่วงหลัง ทีี่มาเมามั่วอยู่ในบอร์ดนี้แหละ ที่พอจะมาเลือกเสพฯสุราเข้ามารวมใว้ด้วยกับบรรยากาศการร่ำสุรา

ด้วยความเคารพ........
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 30, 2012, 01:05:35 PM โดย udomkd »

ออฟไลน์ udomkd

  • มักเหล้าคลับ
  • Freshman MC 27/30
  • ***
  • กระทู้: 1,452
  • ถูกใจ: +37/-0
  • กินเหล้าอย่างมีความสุข
Re: หาเรื่อง.....
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: ตุลาคม 30, 2012, 12:12:26 PM »
   

ลักษณะทั่วไป

            ต้นตาลโตนด  มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า  Borassus  flabellifer  Linn.  มีชื่อสามัญภาษาอังกฤษว่า  Palmyra  Palm  หรือ Lontar  หรือ  Fan  Palm  ในประเทศไทยมีชื่อหลายชื่อคือในภาคกลางเรียกว่า  “ ต้นตาลโตนด ”  หรือเรียกสั้นๆ ว่า  “ ต้นตาล ”  ภาคใต้เรียกว่า  “ ตาลโตนด ”  หรือ  “ ต้นโหนด ”  ชาวจังหวัดยะลาหรือปัตตานีเรียกว่า  “ ปอเก๊าะตา ”

            ตาลโตนดเป็นพืชตระกูลปาล์มใบพัดชนิดหนึ่ง  ชอบอากาศร้อน  ชอบขึ้นในดินทรายหรือดินปนทราย   และดินเหนียวแต่ในที่เปียกแฉะ  เช่น  ตามทุ่งนาตาลโตนดก็เจริญงอกงามดีในที่ดินทรายน้ำกร่อยขึ้นถึง  ก็จะยิ่งโตเร็วและมีน้ำหวานจัด  นอกจากนี้ยังชอบขึ้นในที่ไม่มีพืชปกคลุม  เป็นพืชที่เจริญเติบโตได้ดีในสภาพค่อนข้างแห้งแล้งไม่ชอบดินกรดแต่ก็เจริญ เติบโตในที่ชุ่มชื้นได้

             ตาลโตนดเป็นพืชที่มีดอกแบบไม่สมบูรณ์เพศ  มีดอกตัวผู้และดอกตัวเมีย  ต้นเพศผู้และต้นเพศเมียแยกคนละต้น  ดอกอยู่บนช่อดอกที่มีกิ่งก้านแขนงช่อดอกใหญ่ยาวแทงออกจากต้นระหว่างกาบใบ โค้งงอปลายค่อนข้างแหลมคล้ายงวงช้าง      เรียกว่า  “ งวงตาล ”  หรือ  “ ปลีตาล ”   ผลมีขนาดใหญ่เป็นทะลาย  ผลกลมมีขนาด  6-8  นิ้ว  ผลอ่อนมีสีเขียวอ่อน  ผลแก่มีสีม่วงแก่ผลสุกเต็มที่มีสีม่วงแก่เกือบดำหรือดำ  ผิวเป็นมันภายในผลมีเมล็ดขนาดใหญ่แข็งประมาณ  1-4  เมล็ด  ส่วนใหญ่มี  3 เมล็ด   มีเปลือกหุ้มเป็นเส้นใยละเอียด  เมื่อสุกจะมีสีเหลืองสด  ประกอบด้วยแป้งและน้ำตาล    เนื้อนุ่มมีกลิ่นหอมใช้ปรุงแต่งสีและกลิ่นในขนมหวานและเค้กภายในเมล็ดมี เนื้อสีขาวขุ่น    เมล็ดแบนกลม

            ตาลโตนดมีถิ่นกำเนิดอยู่ในทวีปแอฟริกาตะวันออก  ต่อมาได้แพร่พันธุ์เข้าไปในอินเดีย  ศรีลังกา  และกลุ่มประเทศในแถบเอเชีย  ปัจจุบันมีมากในแถบทวีปเอเชีย  อินเดีย  ศรีลังกา  พม่า  กัมพูชา  มาเลเซีย  อินโดนีเซีย  และไทย  สำหรับประเทศไทยพบมากในพื้นที่เขตภาคกลางในแถบจังหวัดเพชรบุรี  สุพรรณบุรี  นครปฐม  และภาคใต้แถบจังหวัดสงขลา  เป็นต้น 

             ตาลโตนดเป็นพืชที่มีมาแต่ดึกดำบรรพ์    ตาลโตนดปัจจุบันเป็นพันธุ์ที่ได้รับการคัดเลือกโดยธรรมชาตินับเป็นเวลาหลาย ล้านปีมาแล้ว  การคัดเลือกพันธุ์โดยมนุษย์มีน้อยมาก  ตาลโตนดเป็นพืชที่เจริญเติบโตได้ดีในสภาพที่ค่อนข้างแห้งแล้งไม่ชอบดินที่มี สภาพเป็นกรดโดยเฉพาะในที่ชุ่มชื้น

ลักษณะทางสรีรวิทยาและนิเวศวิทยาของตาลโตนด

           หลวงสมานวกิจ  (2477)  ได้บรรยายลักษณะทั่วไปของตาลโตนดไว้ว่าเป็นพืชที่ชอบอากาศร้อนชอบขึ้นในพื้น ดินทรายและดินเหนียว  แต่ในที่เปียกแฉะเช่น  ตามทุ่งนาตาลโตนดก็เจริญงอกงามดี ในที่ดินทรายน้ำกร่อยขึ้นถึงจะยิ่งโตเร็ว  และมีน้ำหวานจัดชอบขึ้นมากที่ไม่มีพันธุ์ไม้ปกคลุม

            ลำต้นตาลโตนดเป็นพืชลำต้นเดี่ยว (Single Stem)  เป็นพืชที่มีลำต้นจากพื้นดินเพียงต้นเดียวไม่มีหน่อ   ลำต้นมีขนาดใหญ่มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ  2 ½  ฟุต  ลำต้นตรงกลมผิวดำเกรียมเป็นเส้นแข็งเหนียว   ไม่หักง่ายเนื้อแข็งอยู่ภายนอกแล้วค่อย ๆ อ่อนเข้าสู่ภายในลำต้นเป็นพันธุ์ไม้ที่เจริญภายในส่วนที่งอกเติบโตอยู่ภายใน ลำต้น

            ตาลโตนดเป็นพันธุ์ปาล์มที่มีลักษณะลำต้นสูงชะลูดลำต้นมีความสูงโดยปกติ  18 – 25  เมตร  (บางต้นอาจสูงถึง 30  เมตร)   ลำต้นตรงหรือโค้งเล็กน้อย    โคนต้นอวบใหญ่วัดโดยรอบได้ประมาณ  1  เมตร เมื่อวัดที่ความสูงจากพื้นดินตั้งแต่ความสูงประมาณ 4  เมตร  ลำต้นจะเริ่มเรียวลงและวัดโดยรอบได้ประมาณ 40  เซนติเมตร  ที่ระยะความสูงประมาณ  10  เมตร   นับจากพื้นดินลำต้นจะเริ่มขยายออกใหม่จนวัดได้โดยรอบได้ประมาณ  50  เซนติเมตร   และคงขนาดนี้ไปจนถึงยอด    เปลือกลำต้นขรุขระและมีสีขี้เถ้าเป็นวงซ้อน ๆ กัน   ลำต้นจะมีใบที่บริเวณเกือบถึงยอด


            ใบลักษณะใบตาลโตนดว่ามีลักษณะยาวใหญ่   เป็นรูปพัด  (Flobellate หรือ Fan Leaf หรือ Palmate Leaf)  ใบจะมีใบย่อย  เรียกว่า  Segment ซึ่งจะแตกออกจากจุดๆ  เดียวกันที่ปลายก้านใบ ตามขอบทางจะมีหนามทู่สีดำติดอยู่

           ยอดตาลประกอบด้วย ใบตาลประมาณ  25 – 40  ใบ ซึ่งขึ้นอยู่กับอายุตาล    ใบมีสีเขียวเข้มเป็นรูปวงกลม  รัศมีประมาณ 4  เมตร  ถ้าตาลต้นใดไม่ได้ใช้ใบเป็นประโยชน์ปล่อยไปทิ้งไว้จนกระทั่งใบแก่มีสีน้ำตาล อ่อน และจะห้อยแนบลำต้น คลุมบริเวณคอตาลเป็นรัศมีครึ่งวงกลม  ความกว้างของใบวัดได้  50 – 70  เซนติเมตร  ใบแต่ละใบอายุไม่เกิน  3  ปี ตาลโตนดต้นหนึ่งๆ สามารถให้ใบตาลได้ 12 – 15 ใบ ต่อปี  ส่วนที่เป็นทางตาลบางทีอาจยาวถึง 2  เมตร ทางตาลนี้จะหนาโค้งตามความยาวมีหนามแหลมรอบทั้งสองด้าน ลักษณะเป็นฟันเลื่อยขนาดไม่สม่ำเสมอกัน   ตาลโตนดจะผลิตใบได้ 1 ใบ ใช้เวลาประมาณ 2 เดือน

        รากตาลหาอาหารได้มากรากเป็นเสี้ยนกลมยาว เป็นกระจุกคล้ายมะพร้าวแต่หยั่งลึกลงไปในดินและไม่แผ่ไปตามผิวดินเหมือนราก มะพร้าว ฉะนั้นจึงไม่รบกวนต้นข้าว   เมื่อปลูกลงบนคันนา  รากของตาลโตนดสามารถหยั่งลงไปในดินได้ลึกมาก   จึงยึดกับดินได้ดี โอกาสที่จะโค่นล้มหรือถอนรากเป็นไปได้ยาก  จึงได้ปลูกเพื่อเป็นหลักในการแบ่งเขตของคันนาหรือเพื่อเสริมความแข็งแรงให้ กับดินในบริเวณทำการทดน้ำเข้านา

        ดอกตาลโตนดเป็นพืชที่ต้นผู้กับต้นเมียแยกกัน   ช่อดอกของต้นผู้แตกแขนงออกเป็น   2 – 4  งวงต่อก้านช่อยาวงวงละประมาณ 30 – 40  เซนติเมตร   ในแต่ละงวงจะมีดอกเล็กๆ   ต้นผู้ต้นหนึ่งๆ จะมีช่อดอก 3 – 9  (ในเขตอำเภอสทิงพระส่วนใหญ่ออกช่อดอกในเดือน ธันวาคม)   ตัวเมียจะออกช่อดอกหลังตัวผู้เล็กน้อย   มีประมาณ 10 กว่าช่อขนาดเล็กและชุ่มหวานมากกว่า   ในแต่ละช่อจะมีดอกน้อยกว่าตัวผู้ (ประมาณ 10 ดอก ในช่อกลุ่มที่มีงวง 3 งวง)   ทั้งต้นผู้และต้นเมียจะทยอยออกช่อดอกเรื่อย ๆ แม้จะมีจำนวนน้อยแต่ก็สามารถเก็บรองน้ำตาลได้ตลอดปี


         ผลตาลโตนดจะให้ดอกให้ผลหลายครั้งจนกว่าจะแก่ตายไป ผลอ่อนมีสีเขียวติดอยู่บนทะลายคล้ายมะพร้าว    ผลแก่จัดมีสีน้ำตาลเข้มหรือสีดำเป็นมัน      ผลโตขนาดเท่าผลส้มโอภายในเป็นเส้นละเอียดเมื่อสุกจะเป็นสีเหลืองแก่  เนื้อประกอบด้วยแป้งและน้ำตาล ทะลายหนึ่งมีประมาณ     10 – 15  ผล  ผลหนึ่งจะมีเมล็ด 1 – 4   เมล็ด  อยู่ภายใน จะมีลักษณะแบนๆ ยาวประมาณ  3  นิ้ว กว้าง  2  นิ้ว และหนาประมาณ  ½  นิ้ว

ส่วนประกอบของผลแบ่งออกเป็น 3 ส่วน   คือ

1. Exocarp  เป็นเปลือกชั้นนอก

2. Mesocarp  เป็นส่วนประกอบของเส้นใยสด

3. Endocarp  เป็นเปลือกหรือกะลาแข็งหุ้มเมล็ดไว้

       ตาลโตนดสืบพันธุ์จากเมล็ดอย่างเดียวทำได้โดยนำเมล็ดแก่ที่ตกอยู่ตามโคนต้นมา ฝังดิน  ลึกประมาณ 10  เซนติเมตรหลังจากนั้น 2 – 3  เดือนก็จะเริ่มงอกในระยะปีแรกๆ  การเจริญเติบโตของตาลโตนดจะเป็นไปอย่างช้า ๆ   โดยเฉลี่ยแล้วปีหนึ่งจะมีใบใหม่เพิ่มขึ้นเพียง 1 ใบเท่านั้น เมื่อตาลโตนดอายุ 5 – 6 ปี ลำต้นจะสูงเพียง 1  เมตร  หลังจากระยะนี้จะเป็นลำต้นยืดตัวสูงขึ้นปีละ 1  เมตร หลังจากระยะนี้จะเป็นลำต้นยืดตัวจะสูงขึ้นปีละ 30 เซนติเมตร  ดังนั้นตาลโตนดอายุ 10–15 ปี จะสูงเพียง 4–5  เมตร ถือว่าเป็นระยะเริ่มให้ดอก    ผลนักวิจัยเชื่อว่าตาลโตนดให้ผลครั้งแรกอายุ 15–20 ปี แต่ชาวบ้านเชื่อว่าตาลโตนดจะให้ผลครั้งแรก เมื่ออายุ 15 ปี บางที่ลดลงมาเหลือ 12 ปี ทั้งนี้อาจเนื่องมาจากความอุดมสมบูรณ์ของดิน

      การงอกเยื่อหุ้มเมล็ดหรือหน่อ (Opocolon) จะเจริญข้างล่างขณะที่ใบแรกของผลจะงอกออกมา  จากนั้นส่วนที่สะสมอาหารภายในเมล็ดก็จะถูกย่อยเป็นคาร์โบโฮเดรตอย่างง่าย  โดยส่วนที่สะสมอาหารของใบเลี้ยงและคาร์โบไฮเดรตก็จะถูกนำไปสร้าง Plunule และรากแขนงให้เจริญเติบโตขึ้น

      แมนโนเซลลูโลส (Mannocellulose) ของส่วนที่สะสมอาหารภายในเมล็ด จะมาจาก   การเปลี่ยนรูปของน้ำตาลกลูโคสโดยอาศัยน้ำตาลแมนโนสเข้าช่วยแต่การทดลองนี้ ได้กระทำระหว่างที่วิทยาการเกี่ยวกับแอนไซน์ไม่เจริญก้าวหน้า   จึงควรกระทำการยืนยันผลอีกครั้งหนึ่ง โดยใช้เทคนิคสมัยใหม่

      กีย์  เทรบุลย์ (2526) กล่าวว่าตาลโตนดเป็นพันธุ์ไม้ที่สามารถปรับตัวได้กับสภาพอากาศ และภูมิอากาศแทบทุกชนิดแม้ในเขตละติจุดสูงๆ เราสามารถพบตาลโตนดเจริญอยู่   แม้จะเป็นจำนวนน้อยก็ตาม ในที่ๆมีปริมาณน้ำฝน 400 – 700 มิลลิเมตรต่อปี  หรือในเขตชุ่มชื้นมีระดับน้ำฝนมากกว่า 3,000 มิลลิเมตรต่อปี  ก็สามารถขึ้นได้  จึงไม่อาจสรุปได้ว่าอุณหภูมิระดับใดเป็นข้อจำกัดการเจริญเติบโตของตาลโตนด   อย่างไรก็ตาม พันธุ์ไม้นี้เป็นพืชที่ชอบแสง จึงงอกงามไม่ดีในเขตที่ร่มหรือป่า         รากแขนงที่แตกกระจายหนาแน่น จะช่วยให้ตาลโตนดต้านลมได้ดี   ถ้ามีพายุใหญ่ลำต้นจะโค่นหักกลาง แต่ไม่ถึงกับถอนรากถอนโคน

       ปัจจุบันยังไม่มีผู้ใดทราบสาเหตุการตายของตาลโตนด และกล่าวสนับสนุนว่าตาลโตนดตายเนื่องจากลำต้นของมันเองอย่างไรก็ตามยังไม่ ทราบลักษณะทางสรีรวิทยาของตาลโตนดที่เข้าสู่ระยะแก่  หรือเสื่อมสลายนั้นเป็นอย่างไร

      กีย์ เทรบุลย์ (2526) รายงานว่า  มีการใช้ลำต้นไปทำเครื่องใช้  เครื่องเรือน  การก่อสร้าง  เชื้อเพลิง  แป้งสาคู  กาว และใช้ทำที่เกาะของ :-X นางรม   รากใช้เป็นยาขับปัสสาวะ และตาลขโมย   ทางตาลใช้เป็นเส้นใยทำเชือก เครื่องจักสานและใช้ทำรั้วคอกสัตว์เชื้อเพลิง  ใบตาลใช้ทำเครื่องพัด จักสาน ใช้เป็นปุ๋ยพืชสด หรือเผาเป็นเถ้าใช้ในแปลงนาเนื่องจากมีธาตุโพแทสเซียมสูงช่อดอกใช้ผลิตน้ำ หวานนำมาทำเป็นน้ำผึ้ง  น้ำตาลปึก น้ำตาลแว่น เครื่องดื่ม น้ำส้มสายชู  ผลอ่อนใช้ทำอาหารคาว   ผลแก่ใช้บริโภคสด เชื่อมบรรจุกระป๋อง  ผลแก่ส่วนเนื้อ (Mesocarp) มีสีเหลืองสดนำมาคั้นเอาเส้นใยออก  มีกลิ่นหอมใช้ปรุงขนมหวาน  เมล็ดใช้เฉพาะจาวตาลหรือใช้เป็นอาหารสัตว์ตากแห้งทำเชื้อเพลิง  และเมื่อตาลโตนดมีอายุ 12 – 15 ปี สามารถเริ่มรองน้ำหวานมาทำน้ำตาลโตนดอาจเริ่มปาดตาลเมื่อมีดอกเป็นปีแรก  แต่จะได้น้ำหวานในปริมาณน้อยปริมาณความหวานอยู่ระหว่าง 9 – 16.5 เปอร์เซ็นต์     ตาลต้นหนึ่งรองน้ำหวานได้ติดต่อกันนาน 22 เดือน เป็นอย่างน้อย   และรองน้ำหวานได้ทุกปีติดต่อกัน 3 – 4 ช่วงอายุคนหรือประมาณ 80 ปี

คุณค่าทางโภชนาการจากตาลโตนด

      ผลการศึกษาของกนก   ติระวัฒน์ และคนอื่นๆ (2531) รายงานว่า น้ำตาลโตนดสด   มีค่าปริมาณของแข็งที่ละลายได้ 116  องศาบริกซ์ Ph ปริมาณน้ำตาลทั้งหมด ประมาณ 16.8 เปอร์เซ็นต์ น้ำตาลรีดิวซิ่ง 1.8  เปอร์เซ็นต์ และน้ำตาลซูโครส 15.0 เปอร์เซ็นต์  นอกจากน้ำตาลโตนดสด ยังมีองค์ประกอบดังนี้  ความถ่วงจำเพาะที่ 29  องศาเซลเซียส ประมาณ 1.058 – 1.077

 ปริมาณของแข็งทั้งหมด ประมาณ 15.–19.7 กรัม / 100 มิลลิลิตร

เถ้า ประมาณ 0.11– 0.41  กรัม / 100 มิลลิลิตร

โปรตีน (N * 6.25 ) ประมาณ 0.23– 0.32  กรัม / 100 มิลลิลิตร

 องค์ประกอบทางเคมีของเนื้อตาลโตนดสุก

      เนื้อตาลโตนดเมื่อสุก ประกอบด้วยแป้งและน้ำตาลเป็นจำนวนมากและแคโรทีนอยด์ ให้สีเหลือง   ใช้แต่งสีขนมต่างๆ เช่นขนมตาล ขนมเค้ก ขนมขี้หนู และไอศกรีม

      แคโรทีนอยด์  เป็นกลุ่มสีธรรมชาติที่มีการใช้อย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมอาหารเป็นเมล็ดสี ที่ใช้สีเหลืองจนถึงสีแดงพบมากที่สุดในธรรมชาติทีทั้งพืชและสัตว์ เช่น มะเขือเทศ แครอท ไข่แดง เนย  มะม่วง แคนตาลูป  มะละกอ ลุกพลับ ท้อพืชตระกูลส้ม พริกหยวกสีแดง – เหลือง สับปะรด และแตงโม

      แคโรทีนอยด์  เป็นสารประกอบไฮโดรคาร์บอน   กลุ่มอะลิฟาติก หรือกลุ่มอะลิฟาติก  อะลิไซคลิก  ประกอบด้วย  หมู่ไอโซบรีน 8 หมู่  เมททิล 2 หมู่

ผลผลิตของตาลโตนด

      ต้นตาลจะเริ่มเก็บเกี่ยวผลได้เมื่ออายุประมาณ 12 – 15 ปี ขึ้นไป การเก็บเกี่ยวสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้จากการผลิตหลักได้แก่ ลอนตาลสด น้ำตาลสด จาวตาล และผลิตภัณฑ์แปรรูป จากน้ำตาลโตนด (เช่น หัวตาลสด ใบตาล ฯลฯ) เป็นต้น  ดังรายละเอียดดังต่อไปนี้

      ลูกตาลสด  คือ ผลตาล เป็นส่วนของผลสามารถเก็บเกี่ยวหลังจากออกจั่นแล้ว  2 ½ - 3 เดือน นำมาเฉาะเอาเมล็ดข้างในที่ยังอ่อนอยู่ออกมา  เรียกว่า ลอนตาล ในลูกตาล 1 ลูก จะมีลอนตาลประมาณ   3 ลอน  (ยุม)  ลอนตาลอ่อนเมื่อปลอกเปลือกหุ้มเมล็ดออก จะเป็นเนื้อสีขาว  อ่อนนุ่มมีรสหวานมัน   ใช้บริโภคหรือนำไปเชื่อม   ต้นตาลโตนด 1 ต้น สามารถให้ลูกตาลสด เฉลี่ย 10 – 13 ทะลาย / ปี ใน  1 ทะลาย จะมีผลเฉลี่ย  5 – 10 ผล  ขึ้นอยู่กับฤดูกาลแทงช่อดอก

       การจำหน่าย  การเฉาะเอาเฉพาะลอนตาลใส่ถุงพลาสติก  ประมาณ   10  ลอน  (ยุม)   ต่อถุง  จำหน่ายราคาถุงละ  6 – 10 บาท   หรือราคาประมาณกิโลกรัมละ 8 – 15 บาท ขึ้นอยู่กับปริมาณของลูกตาลในแต่ละฤดูกาล แต่จะมีพ่อค้ามารับถึงชุมชนหรือบางราย  นำไปจำหน่ายเองตามเส้นทางสัญจร


      น้ำตาลสด ได้จากช่อดอกของตัวผู้ซึ่งเรียกว่า  งวงตาล และช่อดอกของตัวเมีย เนื่องจากต้นตาลโตนดเป็นพืชที่แยกกันระหว่างตัวผู้กับตัวเมีย    มีกรรมวิธีการทำหลายขั้นตอน      กล่าวคือ ขั้นตอนแรกต้องใช้   “ไม้คาบตาล” นวดงวงตาล  (ส่วนของช่อดอกตัวผู้ และตัวเมีย)  วิธีการนวดมีวิธีคล้าย ๆ กัน   จะแตกต่างกันเฉพาะไม้นวดช่อดอกของต้นตัวผู้จะใช้ไม้นวดที่แบนและสั้นกว่า ส่วนของต้นตัวเมียจะใช้ไม้กลมและยาวกว่า   ขั้นตอนที่ 2 ใช้  “มีดปาดตาล”  ปาดบาง ๆ ทุกวัน วันละ 2 ครั้ง คือ   ช่วงเช้า แล้วรอให้น้ำหวานหยดใส่ภาชนะที่รองรับไว้   อาจจะเป็นกระบอกไม้ไผ่   ทุ่นอวนลอยหรือแกลลอน  ประมาณ 8 – 10 ชั่วโมง   แล้วขึ้นไปเก็บพร้อมกับใช้มีดปาดใหม่อีกครั้ง   และไปเก็บตอนเย็นวนเวียนอยู่อย่างนี้จนกว่าช่อดอกที่ปาดจะหมดหรือปริมาณ น้ำตาลลดลงมากจะนานประมาณ 20 – 40  ลิตร (2ครั้ง) น้ำตาลสดสามารถแปรรูปได้หลายอย่าง  เช่น  น้ำผึ้ง  น้ำตาลแว่น น้ำส้ม  กระแช่  หรือจะบริโภคสดก็ได้รสชาติที่หอมหวานอีกด้วย

       ความเป็นมา   (ตาลเมืองเพชร   สำนักงานเกษตรจังหวัดเพชรบุรี ปี  2545 : 2) ระบุว่า  ตาลโตนดจัดเป็นไม้ตระกูลเก่าแก่ตระกูลหนึ่งในโลกซึ่งมีมากกว่า  4,000  ชนิด  (Species) เป็นต้นไม้ที่มีอายุยืนนับเป็นร้อยปี  และอยู่กับจังหวัดเพชรบุรีมาตั้งแต่โบราณกาลและมีผลผลิตจากต้นตาลโดยเฉพาะ น้ำตาลโตนดยังเป็นส่วนผสมที่สำคัญในการทำขนมหวานเมืองเพชรซึ่งมีชื่อเสียง ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน  ดังคำสวดสุบินกุมารที่มีอายุมากกว่าร้อยปีกล่าวว่า

โตนดเต้าแลจาวตาล    เป็นเครื่องหวานเพชรบุรี

กินกับน้ำตาลปี   ของมากมีมาช่วยกัน

    จากตำนานของจังหวัดเพชรบุรีกล่าวว่าในปี  พ.ศ.  2134  สมเด็จพระนเรศวรมหาราชและสมเด็จพระเอกาทศรถ  ได้เสด็จมาประทับแรม  ณ  พระตำหนักโตนดหลวง  (อยู่ในเขตตำบลบางเก่า  อำเภอชะอำ)  เพื่อประพาสทางทะเล

      นักชีววิทยามีความเห็นว่าตาลโตนดน่าจะมีถิ่นกำเนิดทางฝั่งตะวันออกของ อินเดียขยายไปสู่ศรีลังกา  สหภาพเมียนม่าร์  ไทย  อินโดนีเซีย  กัมพูชา  ส่วนในประเทศไยพบมากที่จังหวัดเพชรบุรี   สุพรรณบุรี  นครปฐม  ส่วนภาคใต้พบมากที่อำเภอสทิงพระ  อำเภอระโนด  จังหวัดสงขลา  การแพร่กระจายของตาลโตนดนั้นนักวิชาการบางท่านให้ความเห็นว่า  การแพร่กระจายของตาลโตนดนั้นสัตว์ก็มีส่วนด้วยเหมือนกันเช่นเวลาช้างกิน เมล็ดตาลโตนดจะกลืนทั้งเมล็ด  และช้างจะเดินทางไกลนับเป็นร้อยๆ  กิโลเมตรทำให้ตาลโตนดแพร่กระจายจากที่หนึ่งไปสู่อีกที่หนึ่งได้เช่นกัน    ตรงข้ามกับวัวควาย  ซึ่งชอบเมล็ดตาลโตนดสุกเหมือนกัน  แต่วัวควายได้แต่แทะและดูดกินส่วนของเส้นใยของเมล็ดตาลพอหมดรสหวานก็จะทิ้ง ไว้ใกล้เคียงบริเวณเดิมไม่แพร่กระจายไปสู่ถิ่นอื่น
 พันธุ์ตาลโตนด
    พันธุ์ตาลโตนด  (สำนักงานเกษตรจังหวัดเพชรบุรี ปี  2545 : 5-6)   ที่นิยมปลูกมี  3  พันธุ์ด้วยกันคือ
1. ตาลพันธุ์หม้อ   เป็นตาลที่มีลำต้นแข็งแรงถ้าดูจากลำต้นภายนอกไม่สามารถแยกได้ว่าเป็นตาล พันธุ์อะไร  นอกจากต้นนั้นจะให้ผลแล้ว  ตาลหม้อเป็นตาลที่ให้ผลใหญ่ผิวดำเป็นมันเรียบแทบจะไม่มีสีอื่นปน  เวลาผลแก่มีรอยขีดตามแนวยาวของผลเปลือกหนาในผลจะมี  2-4  เมล็ด  ใน  1  ทะลายจะมีประมาณ  10-20  ผล  ส่วนใหญ่จะให้ผลเมื่ออายุ  10  ขึ้นไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความอุดมสมบูรณ์ของดิน


ภาพตาลพันธุ์หม้อ

 2. ตาลพันธุ์ไข่   ลำต้นแข็งแรงลูกมีขนาดเล็กสีค่อนข้างเหลืองแบ่งออกเป็น  2  ชนิดด้วยกัน
            ไข่เล็ก  ผลค่อนข้างเล็กใน  1  ทะลายจะมีผล  20-30  ผล เนื่องจากผลเล็ก  จึงทำให้เต้ามีขนาดเล็กตามไปด้วย  จะให้ผลเมื่ออายุ  10  ปีขึ้นไป
            ไข่ใหญ่  ผลมีขนาดใหญ่กว่าไข่เล็ก  สีค่อนข้างเหลืองใน  1 ทะลายจะมีผล 10-20  ผล  เต้ามีขนาดใหญ่กว่าไข่เล็ก  1  ผล  จะมี  2-3  เต้า  จะให้ผลเมื่ออายุ  10  ปีขึ้นไป


ภาพตาลพันธุ์ไข่

            3.   ตาลพันธุ์ลูกผสม  ลำต้นตรงใหญ่แข็งแรง  ลูกค่อนข้างใหญ่เกือบเท่าตาลพันธุ์หม้อ   สีดำผสมน้ำตาล   (เหลืองดำ)   ในผลจะมี  2-3  เต้า  ให้ผลประมาณ 15-20  ผลต่อทะลายเป็นตาลที่มีจำนวนมากที่สุดในจังหวัดเพชรบุรี  ส่วนใหญ่จะไห้ผลเมื่ออายุ  15  ปีขึ้นไป     


ภาพตาลพันธุ์ลูกผสม

           ตาลโตนดเป็นไม้ที่ปรากฏอยู่ในวรรณคดีไทยหลายเรื่องดังที่ปรากฏผลงานในนิราศ เมืองเพชรของ  “สุนทรภู่”  ไว้หลายตอน  ตอนหนึ่งว่า

           พอแดดร่มลมชายสบายจิต                  เที่ยวชมทิศทุกอย่างกลางวิถี
ทั่วประเทศเขตแคว้นแดนพริบพรี                     เหมือนจะชี้ไม่พ้นแต่ต้นตาล
ที่พวกทำน้ำโตนดประโยชน์ทรัพย์                   มีดสำหรับเหน็บข้างอย่างทหาร
พะองยาวก้าวตีนปีนทะยาน                            กระบอกตาลแขวนก้นคนละพวง
ที่พวกทำน้ำโตนดประโยชน์ทรัพย์                   มีดสำหรับเหน็บข้างอย่างทหาร
พะองยาวก้าวตีนปีนทะยาน                            กระบอกตาลแขวนก้นคนละพวง

   
 
 
 
    ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.google.co.th/url?sa=t&rct=j&q=%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B9%82%E0%B8%95%E0%B8%99%E0%B8%94&source=web&cd=7&cad=rja&sqi=2&ved=0CD0QFjAG&url=http%3A%2F%2Fwww.raisathon.com%2Fotop%2Fotop_detail.php%3Fotop_id%3D00000000004&ei=umCPUL_2N4WzrAeW-oGADw&usg=AFQjCNFKwb-89uG-LVh4MBR6RoaLhaqFeQ

ออฟไลน์ udomkd

  • มักเหล้าคลับ
  • Freshman MC 27/30
  • ***
  • กระทู้: 1,452
  • ถูกใจ: +37/-0
  • กินเหล้าอย่างมีความสุข
Re: หาเรื่อง.....
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: ตุลาคม 30, 2012, 12:16:26 PM »
คิดไปคิดมา มันจะล่อแหลมกับข้อกฎหมายหรือเปล่า ไม่ทราบได้ จะยังไง ผู้ดูแลบอร์ดพิจารณาลบได้ทันทีโดยไม่ต้องแจ้งน๊ะครับ

แต่จุดประสงค์หลัก เพื่อการเรียนรู้เท่านั้น

(โรงกลั่น ที่ผมติดต่อด้วย ดำเนินการณ์อย่างถูกต้องตามกฎหมายครับ มีใบอนุญาต เรียบร้อย)เป็นเบื้องต้น ว่าเรามิได้ฝ่าฝืนกฎเกณฑ์ แต่การนำมาปรุงแต่งใหม่ ตรงนี้ จะศึกษาข้อกฎหมายไปด้วยพร้อมๆกัน เพื่อประดับความรู้

ออฟไลน์ udomkd

  • มักเหล้าคลับ
  • Freshman MC 27/30
  • ***
  • กระทู้: 1,452
  • ถูกใจ: +37/-0
  • กินเหล้าอย่างมีความสุข
Re: หาเรื่อง.....
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: ตุลาคม 30, 2012, 12:27:21 PM »
ทำไมผมจึงมาเลือก "ตาลโตนด" เพราะมันมีจิตวิญาณ ของความเป็นพื้นเมืองอย่างเต็มที่ เท่าที่เคยได้เห็น เท่าที่เคยได้สัมผัส

แต่โดยข้อมูล ยังไม่ทราบว่า จะมีใครดำเนินการณ์ในลักษณะนี้มาบ้างหรือเปล่า หากใครทราบ ช่วยบอกให้รู้ด้วยน๊ะครับ มิใช่อะไร กลัวจะไปทับความเป็นเจ้าของ ของเขาเผื่อจะมีปัญหาทางข้อกฎหมาย เพราะผมไม่มีข้อมูลอะไรทั้งสิ้น คิดเพื่อที่จะทำสนุกๆ เท่านั้น อย่างที่กล่าวมา........

ชีวิตผม โตมาควบคู่กับ White spirit แบบนี้

เห็นผู้เฒ่าผู้แก่บ้านเรา กินมานมนาน แต่รูปแบบก็ยังคงเป็นเช่นที่มันเป็นมา

เห็นขบวนการผลิต การกลั่น การตลาด

เห็น ข้อกฎหมาย ที่ผู้มีอำนาจขีดขึ้นมากำหนด

คุณพ่อผม เคยเป็นผู้กลั่น ผู้เสพ คุณแม่ผม เคยเป็นผู้ขาย รายได้บางส่วน เป็นตัวสร้างชีวิตผมมา ในอดีต จนได้มาเป็นตัวผมในปัจจุบัน

แม่ผมเคยถูกกฎหมายกำหนดให้เป็นผู้ทำผิดกฎหมาย พ่อผมเคยเป็นผู้รับรองให้แม่ ญาติพี่น้องหลายคน มีเรื่องราวเกี่ยวข้องกะมัน

ออฟไลน์ otrue

  • มักเหล้าคลับ
  • Junoir MC27/30
  • ***
  • กระทู้: 3,827
  • ถูกใจ: +33/-0
  • ขอบคุณ Montfort27 ที่ให้ผมเป็นส่วนหนึ่งของบอร์ดดีๆ
Re: หาเรื่อง.....
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: ตุลาคม 30, 2012, 12:48:38 PM »
ขอบคุณพี่เข้มที่ให้เกียรติผมเป็นที่ปรึกษาครับ จะให้ผมช่วยเหลือหรือปรึกษาอะไรกโทรหาผมได้ครับ
สุราช่วยคลายกล้ามเนื้อ

ออฟไลน์ choke

  • Sophomore MC27/30
  • **
  • กระทู้: 2,083
  • ถูกใจ: +20/-0
  • long lasting
Re: หาเรื่อง.....
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: ตุลาคม 30, 2012, 01:06:35 PM »
ผมรับให้คำปรึกษาเกี่ยวกับน้องๆนางแบบที่จะมาเป็นprเหล้าครับ 
When I drink  whiskey, I drink whiskey; and when I drink water, I drink water

ออฟไลน์ udomkd

  • มักเหล้าคลับ
  • Freshman MC 27/30
  • ***
  • กระทู้: 1,452
  • ถูกใจ: +37/-0
  • กินเหล้าอย่างมีความสุข
Re: หาเรื่อง.....
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: ตุลาคม 30, 2012, 01:10:13 PM »
ขอบคุณพี่เข้มที่ให้เกียรติผมเป็นที่ปรึกษาครับ จะให้ผมช่วยเหลือหรือปรึกษาอะไรกโทรหาผมได้ครับ
ขอบคุณพี่เข้มที่ให้เกียรติผมเป็นที่ปรึกษาครับ จะให้ผมช่วยเหลือหรือปรึกษาอะไรกโทรหาผมได้ครับ
เป็นเรื่องแน่ครับตือ ในบางอย่าง ที่เราเคยคุยกันบ้างแล้ว แต่ก็อย่ามุ่งหวังมากน๊ะครับ เพราะเท่าที่ผ่านๆ ผมเอง ไม่ค่อยทำอะไรจริงจังเท่าไหร่ ทำๆไป พอรู้เรื่อง ก็พอ อิๆๆ เพื่อนที่สนิทมากๆ เขารู้กันดี และทำอะไรแต่ละอย่าง ไม่สำเร็จซ๊ะเป็นส่วนใหญ่ 55+

ออฟไลน์ udomkd

  • มักเหล้าคลับ
  • Freshman MC 27/30
  • ***
  • กระทู้: 1,452
  • ถูกใจ: +37/-0
  • กินเหล้าอย่างมีความสุข
Re: หาเรื่อง.....
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: ตุลาคม 30, 2012, 01:11:39 PM »
ผมรับให้คำปรึกษาเกี่ยวกับน้องๆนางแบบที่จะมาเป็นprเหล้าครับ 
ผมบันทึกใว้น๊ะครับคุณโชค.......55+ เป็นเรื่อง

เหล่านี้ ผมถือเป็นความสุขของผม ในการหาเรื่อง -0029

ออฟไลน์ udomkd

  • มักเหล้าคลับ
  • Freshman MC 27/30
  • ***
  • กระทู้: 1,452
  • ถูกใจ: +37/-0
  • กินเหล้าอย่างมีความสุข
Re: หาเรื่อง.....
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: ตุลาคม 30, 2012, 03:00:53 PM »
ขอบคุณกำลังใจ ที่ไหลหลั่งเข้ามา ผมก็คงทำไปเรื่อยๆ ตามประสาผมครับ จะให้ได้ผลรวดเร็ว ก็คงยาก ของแบบนี้ ต้องใช้เวลา เสาะหาความรู้(เพราะไม่มี) และทำเท่าที่ทำได้ไปก่อน

เรื่องแรก....เรื่องกลิ่น จะหาทางอย่างไร ที่จะกำจัดกลิ่นที่ไม่ชอบ(ความรู้สึกส่วนตัว) มันคงจะเป็นกลิ่นส่า ที่ติดมาจากขบวนการกลั่น การผลิต ที่มิใช่มาตรฐานสากล จะไปเริ่มจากที่เราจะไปเปลี่ยนแปลงเขาตรงนั้น คงจะยาก ผมคงจะต้องลองกำจัดกลิ่นตรงนี้ก่อน เพื่อหาหนทาง

กลิ่นเท่าที่พอรับทราบได้ มีกลิ่นผลไม้ กลิ่นจะว่าคาราเมลไม่น่าใช่ เอาเป็นกลิ่นพืชดีกว่า กลิ่นโรงบาลนิดๆ

เรื่องกลิ่นนี่คงจะต้องปรึกษา ที่ปรึกษาอีกที อิๆๆ ดูแล้วเป็นผู้ชำนาญการระดับหัวแถว อยู่แล้ว

ง่ายที่สุด ผมคงจะเลือกวิธีการกรองด้วยถ่าน เลียนแบบ ลุงแจ็คไปเลย แต่เครื่องมือ วัสดุ วิธีการ ตรงนี้ ยังจะต้องจัดเตรียมจัดหาก่อน รวมทั้งกรรมวิธีและรูปแบบต่างๆ

ทั้งหมดทั้งมวน มันยังเป็นแค่ความคิดน๊ะครับ แจมกันได้ตามสะบาย

คือคิดเตรียมเนื้อเหล้าให้ดีที่สุด เท่าที่จะสามารถก่อน ที่จะไปเรื่องบ่ม

ออฟไลน์ udomkd

  • มักเหล้าคลับ
  • Freshman MC 27/30
  • ***
  • กระทู้: 1,452
  • ถูกใจ: +37/-0
  • กินเหล้าอย่างมีความสุข
Re: หาเรื่อง.....
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: ตุลาคม 30, 2012, 05:21:58 PM »
หาเรื่องต่อ....เขียนอะไรๆ ให้มันมั่วๆเข้าใว้ เผื่อท่านใดมีข้อมูล รบกวนแจมได้น๊ะครับ

พวกWhiskey พื้นฐานมาจากแป้ง (ผิดพลาดช่วยแก้ด้วยน๊ะครับ) มาหมักเปลี่ยนเป็นน้ำตาล เป็นแอลกอฮอร์

Brandy มาจากน้ำตาลในผลไม้ มาหมัก จนกลายเป็นแอลกอฮอร์

รัม มาจากน้ำตาลอ้อย เป็นน้ำตาลที่สะสมอยู่ในลำต้น

Wine มาจากน้ำตาลในผลไม้ หมักจนเป็นแอลกอฮอร์

tequila มาจากน้ำตาลและแป้งในต้นไม้ คล้ายๆ รัม

อื่นๆ คิดไม่ออกแล้ว แต่ส่วนมาก ก็พื้นฐานมาจากแป้ง

White spirit (ของผม) มันเป็นน้ำตาล จากก้านดอก จะว่ามาจากลำต้นแบบอ้อย หรืออะกาเว่ ก็ไม่น่าใช่ จะว่าเป็นน้ำตาลจากผลไม้ ก็ไม่น่าใช่อีก จะจัดกลุ่มมันอย่างไรดี?

อิๆปัญหา ? จำได้ว่าฮ้ายเก่งเคยบอกสักครั้งว่า เป็น White spirit แต่คำนี้ ผมก็เข้าใจไม่ตลอดครับ

ออฟไลน์ otrue

  • มักเหล้าคลับ
  • Junoir MC27/30
  • ***
  • กระทู้: 3,827
  • ถูกใจ: +33/-0
  • ขอบคุณ Montfort27 ที่ให้ผมเป็นส่วนหนึ่งของบอร์ดดีๆ
Re: หาเรื่อง.....
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: ตุลาคม 30, 2012, 07:11:41 PM »
ขอบคุณกำลังใจ ที่ไหลหลั่งเข้ามา ผมก็คงทำไปเรื่อยๆ ตามประสาผมครับ จะให้ได้ผลรวดเร็ว ก็คงยาก ของแบบนี้ ต้องใช้เวลา เสาะหาความรู้(เพราะไม่มี) และทำเท่าที่ทำได้ไปก่อน

เรื่องแรก....เรื่องกลิ่น จะหาทางอย่างไร ที่จะกำจัดกลิ่นที่ไม่ชอบ(ความรู้สึกส่วนตัว) มันคงจะเป็นกลิ่นส่า ที่ติดมาจากขบวนการกลั่น การผลิต ที่มิใช่มาตรฐานสากล จะไปเริ่มจากที่เราจะไปเปลี่ยนแปลงเขาตรงนั้น คงจะยาก ผมคงจะต้องลองกำจัดกลิ่นตรงนี้ก่อน เพื่อหาหนทาง

กลิ่นเท่าที่พอรับทราบได้ มีกลิ่นผลไม้ กลิ่นจะว่าคาราเมลไม่น่าใช่ เอาเป็นกลิ่นพืชดีกว่า กลิ่นโรงบาลนิดๆ

เรื่องกลิ่นนี่คงจะต้องปรึกษา ที่ปรึกษาอีกที อิๆๆ ดูแล้วเป็นผู้ชำนาญการระดับหัวแถว อยู่แล้ว

ง่ายที่สุด ผมคงจะเลือกวิธีการกรองด้วยถ่าน เลียนแบบ ลุงแจ็คไปเลย แต่เครื่องมือ วัสดุ วิธีการ ตรงนี้ ยังจะต้องจัดเตรียมจัดหาก่อน รวมทั้งกรรมวิธีและรูปแบบต่างๆ

ทั้งหมดทั้งมวน มันยังเป็นแค่ความคิดน๊ะครับ แจมกันได้ตามสะบาย

คือคิดเตรียมเนื้อเหล้าให้ดีที่สุด เท่าที่จะสามารถก่อน ที่จะไปเรื่องบ่ม

การจะเคลียร์กลิ่นไม่พึงประสงค์ออกและเหลือไว้แต่กลิ่นที่เราชอบเป็นเรื่องยากกว่าการจะทำให้เหล้าไม่มีกลิ่นเลยนะครับ

ถ้าพี่เข้มอยากจะหมักเหล้าในถังแรกเริ่มเรายังไม่ชำนาญเรื่องกลิ่นคิดว่าน่าจะเคลียร์ให้ไร้กลิ่นไปเลยจะดีกว่า แล้วค่อยมาพัฒนากลิ่นต่อในถังน่าจะควบคุมกลิ่นได้ง่ายกว่าครับ

งั้นเข้าคำถามว่าเราจะเอากลิ่นออกยังไง??
- ต้องเข้าใจพื้นฐานก่อนครับว่ากลิ่นนั้นเป็นสารระเหยชนิดหนึ่่ง ซึ่งสามารถสะกัดได้หลายวิธี หนึ่งในนั้นคือการกลั่นซึ่งก็ดันไปตรงกับการกลั่นเหล้าของเรา จึงทำให้เหล้าของเรามีกลิ่นติดมาด้วยตามวัตถุดิบ ดังนั้นหากจะให้กลิ่นหายมากที่สุดจึงต้องเริ่มตั้งแต่การใช้วัตถุดิบ ยีสที่ใช้หมัก ระยะเวลาการหมัก ชนิดหม้อกลั่น และขั้นตอนการกลั่น แต่ด้วยปัจจัยที่กล่าวมานี้อยู่เหนือการควบคุมของพี่เข้ม จึงต้องโยงไปที่การกรอง ถ้าจะกรองตามแบบของลุงคือใช้ถ่านไม้เมลขนาดประมาณ1ลบ.ซม. อัดอยู่ในถังสูงถึง 10ฟุต ใช้เวลาเป็นอาทิตย์ อันนี้ผมก็คิดว่ายากเหมือนกันครับ

ถ้าพี่เข้มอยากได้ข้อมมูลมากกว่ามีรบกวนโทรมาคุยส่วยตัวครับ -0019 เพราะบางอย่างผมได้ทดลองไว้บ้างแล้วครับ
สุราช่วยคลายกล้ามเนื้อ

ออฟไลน์ udomkd

  • มักเหล้าคลับ
  • Freshman MC 27/30
  • ***
  • กระทู้: 1,452
  • ถูกใจ: +37/-0
  • กินเหล้าอย่างมีความสุข
Re: หาเรื่อง.....
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: ตุลาคม 30, 2012, 07:14:03 PM »
หาเรื่องชิม....ด้วยตัวเองก่อน เดี๋ยวจะหาทาง ส่งไปให้ที่ปรึกษาทดสอบอีกที (ขอยังไม่ถ่ายรูปน๊ะครับ เพราะผมจะตามดูความนิ่งของเนื้อหาสักพัก

สี: โดยทั่วไป เท่าที่เจอมา สีเหล้าพื้นเมืองมักจะออกขุ่นๆ คงจะเป็นเพราะอุปกรณ์ และวิธีการกลั่น ที่ไม่ได้มาตรฐาน แต่เจ้านี้ ทำได้ ดีมากครับ ใสมากทีเดียว

 ขาเล็ก ใหลเร็ว

กลิ่น..เบื้องต้นเลย ทั้งกลิ่นโรงบาล และกลิ่นน้องแอลฯ นำมา เป็นกลิ่นประจำตัว ที่ผมจำได้ พบกับหมาใจดำครั้งแรก เหมือนกันเลย แต่ตัวนี้อ่อนกว่า ผมว่ากลาง ไม่มาก ไม่น้อย หากได้กลั่นสักสองครั้ง กลิ่นนี้ น่าจะหายไปเยอะทีเดียว (เป็นแนวทาง ที่จะลองคุยกับคนกลั่น) กลิ่นพืช(กลิ่นต้นตาลกลิ่นดินปะปนกันอยู่ กลิ่นน้ำตาลโตนด กลิ่นดอกไม้ป่า มาในแนวนี้ น่าว่าเขาไม่ได้ปรุงแต่งอะไรเสริม สำหรับความจำของผม บวกจินตนาการส่วนตัว เข้าข้างตัวเองนิดๆ ทำกลิ่นได้ดีครับ ไม่น่ารังเกียจ

รส...(ผมไม่ทราบปริมาณแอลกอฮอร์) แต่น่าจะอยู่ราวไไม่เกิน40 เดี๋ยวต้องไปดูอีกที เพราะโรงกลั่นมันผูกกับข้อกฎหมายอยู่ หวานนำ เมื่อกลืนลงไป จับขมได้นิดๆ เบิร์นกลางๆเผ็ดๆ ร้อนด้วยธรรมชาติ ของเหล้าชนิดนี้....ทำได้ดีอีกแล้ว เทียบกับทั่วไป แต่ส่วนมาก ชาวบ้านจะกลั่นกันแรงๆ(เขาไม่มีการวัดระดับแอลกอฮอร์ )ใช้การชิม จะเบิร์นหนักมาก

ตัวนี้ทำได้ประมาณเกรด C ไปก่อน ค่อยบวกลบอีกที

ทั้งหมดทั้งมวล เป็นจินตนาการล้วนๆครับ อิๆๆ

ทำให้ผมมีการบ้านว่า

เหล้านี้ หมักอย่างไร ใช้วัตถุดิบแบบใหน

กลั่นอย่างไร

วัดปริมาณแอลกอฮอร์อย่างไร

ผมอยากให้เขากลั่นให้ที่57 vol. หรือเท่าไหร่ดีครับ ที่ปรึกษา เพื่อที่จะเอามาบ่ม ศึกษาการเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติของมัน

และทำนายใว้ว่า เหล้านี้มันน่าจะออกแนวไปทาง บรั่นดี เพราะพื้นฐานที่มาของมัน คล้ายกัน หรือไม่ก็อาจจะ "เรา"จะตั้งชื่อมันขึ้นมา หากยังไม่มีใครตั้งชื่อมัน 55+
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 30, 2012, 07:18:38 PM โดย udomkd »

ออฟไลน์ otrue

  • มักเหล้าคลับ
  • Junoir MC27/30
  • ***
  • กระทู้: 3,827
  • ถูกใจ: +33/-0
  • ขอบคุณ Montfort27 ที่ให้ผมเป็นส่วนหนึ่งของบอร์ดดีๆ
Re: หาเรื่อง.....
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: ตุลาคม 30, 2012, 07:20:31 PM »

วัดปริมาณแอลกอฮอร์อย่างไร

ผมอยากให้เขากลั่นให้ที่57 vol. หรือเท่าไหร่ดีครับ ที่ปรึกษา เพื่อที่จะเอามาบ่ม ศึกษาการเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติของมัน

และทำนายใว้ว่า เหล้านี้มันน่าจะออกแนวไปทาง บรั่นดี เพราะพื้นฐานที่มาของมัน คล้ายกัน หรือไม่ก็อาจจะ "เรา"จะตั้งชื่อมันขึ้นมา หากยังไม่มีใครตั้งชื่อมัน 55+

ซื้ออุปกรณ์มาวัดครับ ตามร้านพวกศึกษาภัณฑ์มีครับ

แต่ถ้าขี้เกียดซื้อต้องคุมอุณหภูมิขณะกลั่นให้ได้ไม่เกิน 70องศาครับ ค่อยๆ ใช้ไฟอ่อนกลั่นไปเรื่อยๆ ครับ
สุราช่วยคลายกล้ามเนื้อ

ออฟไลน์ udomkd

  • มักเหล้าคลับ
  • Freshman MC 27/30
  • ***
  • กระทู้: 1,452
  • ถูกใจ: +37/-0
  • กินเหล้าอย่างมีความสุข
Re: หาเรื่อง.....
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: ตุลาคม 30, 2012, 07:29:24 PM »
ขอบคุณโกตือมากครับ  เดี๋ยวจะลองหาวิธีด้วยตัวเองก่อน แต่คำแนะนำเบื้องต้นที่ให้มา ก็ได้เป็นแนวทางแล้วครับ.....ติดขัดตรงใหน โทรหาแน่ครับ อิๆๆ หรือแสดงผลอย่างไร จะรายงานเป็นระยะๆ

ผมอยากคงกลิ่นพืชของมันเอาใว้ครับ หอมได้ใจทีเดียว อาจจะลองกลั่นสองครั้ง หรือไม่ก็ แยกกลิ่นออกแต่งทีหลัง หรือไม่ก็บ่มทั้งดิบๆ เป็นสองสามถัง(ตายแน่ค่าถังเอามาซื้อSMน่าจะดีกว่าแน่ 55+) เพื่อเก็บข้อมูล น่าจะต้องตั้งกองทุนละมัง 55+

ออฟไลน์ เก่ง หล่ายดอย

  • The Watcher Team
  • Master Degree of MC27/30
  • ***
  • กระทู้: 11,956
  • ถูกใจ: +22/-0
  • ให้เหล้า เท่ากับแบ่ง
Re: หาเรื่อง.....
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: ตุลาคม 30, 2012, 10:43:34 PM »
เงินก็ไม่ได้มีมากมายเหลือกินเหลือใช้...เพียงแต่คิดว่า ชีวิตนี้สั้นนัก รู้แต่วันเกิด แต่ไม่รู้วันตาย อยากทำอะไร ที่ทำแล้วไม่เดือดร้อนตัวเอง สังคมรอบข้าง ก็ทำๆไป อิๆๆ


เข้ามาบอกว่าชอบประโยคนี้ของพี่เข้มจังเลยครับ เหมือนกับที่เพื่อนเนิน ของผมก็ได้เคยกล่าวเอาไว้นานมาล่ะครับ
ผมจำฝังหัวไว้เลยครับ ประโยคนี้เป็นที่มาอีกหนึ่งนอกจาก

เก่ง
กูว่ามึงเปิดหัวข้อใหม่ เหล้าบ้านผมดีก่ามั่ง มันไม่รอบรั้วบ้านยังงัยไม่รู้ 555  :angry2:

อีกหนึ่งข้อความที่ทำให้เกิดห้องนี้ขึ้นมาครับ 023
ทั้งสองคนที่ได้พูดเรื่องนี้กับผม จำได้ว่า อาจารย์โก้ นี่คุณ pip มีโอกาสได้เสวนาด้วยล่ะ
ส่วนเพื่อนเนิน คุณ pip มีโอกาสเจอแล้วเหมือนกัน แต่ผมดันลืมที่จะแนะนำให้ได้รู้จักกันเอาไว้ครับ

ขออภัยพี่เข้มที่ลากกระทู้ลงน้ำปิงไปนะครับ แต่เรื่องความช่วยเหลือ ถ้ามีอะไรให้ผมรับใช้ ก็แจ้งมาได้ครับ เต็มใจช่วยเหลือตามกำลังที่มีครับ
แต่ที่ให้พี่เข้มได้เต็มที่ในเวลานี้คือ "กำลังใจ" ครับ ขอให้ประสบความสำเร็จในการทดลองครั้งนี้นะครับ ผมจะรอชิมครับ :smile7:
-10 มิตรภาพจากคนแปลกหน้า มีค่ามากกว่าลมปากจากคนคุ้นเคย

ออฟไลน์ udomkd

  • มักเหล้าคลับ
  • Freshman MC 27/30
  • ***
  • กระทู้: 1,452
  • ถูกใจ: +37/-0
  • กินเหล้าอย่างมีความสุข
Re: หาเรื่อง.....
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: ตุลาคม 30, 2012, 10:53:09 PM »
เงินก็ไม่ได้มีมากมายเหลือกินเหลือใช้...เพียงแต่คิดว่า ชีวิตนี้สั้นนัก รู้แต่วันเกิด แต่ไม่รู้วันตาย อยากทำอะไร ที่ทำแล้วไม่เดือดร้อนตัวเอง สังคมรอบข้าง ก็ทำๆไป อิๆๆ


เข้ามาบอกว่าชอบประโยคนี้ของพี่เข้มจังเลยครับ เหมือนกับที่เพื่อนเนิน ของผมก็ได้เคยกล่าวเอาไว้นานมาล่ะครับ
ผมจำฝังหัวไว้เลยครับ ประโยคนี้เป็นที่มาอีกหนึ่งนอกจาก

เก่ง
กูว่ามึงเปิดหัวข้อใหม่ เหล้าบ้านผมดีก่ามั่ง มันไม่รอบรั้วบ้านยังงัยไม่รู้ 555  :angry2:

อีกหนึ่งข้อความที่ทำให้เกิดห้องนี้ขึ้นมาครับ 023
ทั้งสองคนที่ได้พูดเรื่องนี้กับผม จำได้ว่า อาจารย์โก้ นี่คุณ pip มีโอกาสได้เสวนาด้วยล่ะ
ส่วนเพื่อนเนิน คุณ pip มีโอกาสเจอแล้วเหมือนกัน แต่ผมดันลืมที่จะแนะนำให้ได้รู้จักกันเอาไว้ครับ

ขออภัยพี่เข้มที่ลากกระทู้ลงน้ำปิงไปนะครับ แต่เรื่องความช่วยเหลือ ถ้ามีอะไรให้ผมรับใช้ ก็แจ้งมาได้ครับ เต็มใจช่วยเหลือตามกำลังที่มีครับ
แต่ที่ให้พี่เข้มได้เต็มที่ในเวลานี้คือ "กำลังใจ" ครับ ขอให้ประสบความสำเร็จในการทดลองครั้งนี้นะครับ ผมจะรอชิมครับ :smile7:
ฮ้ายเอิ้นคำนี้ออกมา ก็เข้าทางผมละครับ -0023 -0023 -0023

ออฟไลน์ เก่ง หล่ายดอย

  • The Watcher Team
  • Master Degree of MC27/30
  • ***
  • กระทู้: 11,956
  • ถูกใจ: +22/-0
  • ให้เหล้า เท่ากับแบ่ง
Re: หาเรื่อง.....
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: ตุลาคม 31, 2012, 10:37:15 PM »
ยินดีรอชิมด้วยใจระทึกครับ -0060
-10 มิตรภาพจากคนแปลกหน้า มีค่ามากกว่าลมปากจากคนคุ้นเคย

ออฟไลน์ udomkd

  • มักเหล้าคลับ
  • Freshman MC 27/30
  • ***
  • กระทู้: 1,452
  • ถูกใจ: +37/-0
  • กินเหล้าอย่างมีความสุข
Re: หาเรื่อง.....
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: มกราคม 01, 2013, 09:54:57 PM »
หาเรื่อง...ได้มาอีกหนึ่งเรื่อง คือประมาณว่า ด้วยด้อยด้านทุน

หากจะเอาถังขนาด แกลลอน มันคงจะเล็กเกินไป ใหนจะส่วนแบ่งของนางฟ้า ใหนส่วนที่จะชิมไปเรื่อยๆ เนื้อเหล้านิดเดียว มันคงจะไม่พอแน่ๆ หากมันจะดี สุดท้ายเนื้อเหล้ามันคงจะเหลือนิดเดียว หากมันไม่ดี ความเสียหายก็จะเกิดขึ้นน้อย

แต่ความหวังว่า มันจะดี..........

เลยมองไปที่ถังขนาด สิบลิตร แต่ก็นั่นแหละ สิบลิตรยังถือว่าน้อยหากเทียบกะเหตุผลข้างบน

เลยลังเลมองไป ที่ขนาด ยี่สิบลิตร

ตอนนี้กำลังเช็คเรื่องภาษีอยู่

เอาละว๊ะใหนๆก็จะบ้าแล้ว แค่นี้ ซื้อเหล้าแบบของพี่โอเล่ไม่ได้สักขวดที อิๆๆ

เลยได้เรื่องมาอีกเรื่อง เรื่องถัง แต่ก็ยังไม่ได้สั่งครับ อิๆๆ

ออฟไลน์ otrue

  • มักเหล้าคลับ
  • Junoir MC27/30
  • ***
  • กระทู้: 3,827
  • ถูกใจ: +33/-0
  • ขอบคุณ Montfort27 ที่ให้ผมเป็นส่วนหนึ่งของบอร์ดดีๆ
Re: หาเรื่อง.....
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: มกราคม 01, 2013, 11:19:43 PM »
ผมจะติดตามผลงานของพี่เข้มต่อไปครับ
สุราช่วยคลายกล้ามเนื้อ