Montfort27

Montfort 27 ของเรา => ห้องเก่าเล่าความหลัง => ข้อความที่เริ่มโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ สิงหาคม 12, 2007, 11:20:55 PM

หัวข้อ: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ สิงหาคม 12, 2007, 11:20:55 PM
ประเดิมเรื่องเล่าจากวันวานสำหรับบอร์ดใหม่ฉลองครบรอบ 1 ปีของเวปหมู่เฮา
อยากเล่าเรื่องผ่านมุมมองของผม สำหรับชีวิตในรั้วแดงขาวน้ำเงิน

เช้าวันหนึ่งหลังจากเปิดเทอมใหม่ขึ้น ป.4 ไปได้ 2-3 วัน
ผมก็ไปโรงเรียนแถวๆ หล่ายดอยของผมตามปกติ
โดยที่ไม่มีอะไรบอกเหตุว่าชีวิตผมกำลังจะเปลี่ยนไป
ผ่านคาบเรียนแรก ก็มีครูเข้ามาบอกว่าพ่อผมมารับกลับบ้าน
ผมเองก็ได้แต่ทำหน้างงๆ ??? ว่าอะไรหว่า
เมื่อเช้าก่อนออกจากบ้านก็ไม่เห็นว่าจะมีเรื่องอะไร
เมื่อเจอหน้าพ่อก็ถามว่าเกิดอะไรขึ้น
พ่อก็บอกแค่ว่าตามมาเถอะ จะย้ายโรงเรียนพาผมไปเรียนในเมือง
ผมก็ได้แต่เอ๋อ เดินตามพ่อไป แล้วผมจะไปเรียนที่ไหน จะอยู่กับใคร
ชีวิตผมที่โรงเรียนใหม่จะเป็นอย่างไร ???
นั่งรถเข้าเมืองกับพ่อและลุงด้วยความสงสัยว่าค่ำนี้ตูจะได้กลับบ้านหรือปล่าว
แล้วพวกเขา(ลุงและพ่อ)จะทำอะไรกับผมอ่ะ ???
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ สิงหาคม 12, 2007, 11:34:10 PM
รถของลุงพาผมมาถึงตัวเมืองแล้วต่อมาจนถึงโรงเรียนใหม่
สมัยนั้นยังอยู่แถว ถนนช้างคลาน หลังโรงเรียนเป็นป่าช้า
หน้าโรงเรียนยังคงพอมีทุ่งนาและป่าหญ้าคาให้เห็นอยู่บ้าง
อืม...น่าเรียนเหมือนกันนะโรงเรียนใหม่เนี้ยะ
ปากก็ถามพ่อว่าแล้วตอนเย็นจะได้กลับบ้านหรือปล่าวพ่อ
จะให้นั่งรถเดือนไปกลับบ้านทุกวันเหรอ
เสียงตอบกลับมาอย่างหนักแน่นว่าปล่าว...ลูกต้องไปอยู่หอพ่อติดต่อไว้แล้ว
โอ้ว..ช่างเป็นเรื่องที่เซอร์ไพส์เป็นเรื่องที่สองในรอบวัน :'(
"ตอนนี้ไปเข้าเรียนก่อน แล้วตอนเย็นจะพาไปซื้อเสื้อผ้าแล้วพาไปส่งที่หอพัก" :'(

ผมเข้าเรียนในชั้นป.4/1 เป็นเลขที่สุดท้ายของห้อง
ต่อจากเพื่อนสุดเลิฟคนแรกในหอพัก Kitti ยังจำได้หรือปล่าวอ่ะ
แต่เพื่อนคนแรกในห้องที่เข้ามาทักทายผมก็คือ ธีระชัย ขันธิกุล
ด้วยวลีที่ผมยังจำได้ในแถวตอนพักเที่ยง
"เฮ้ย...คิงมาจากที่ไหนว่ะ ทำไมใส่เตี่ยวสีน้ำตาล"
ผมก็ได้แต่ตอบไปว่า"มาจากหล่ายดอย(คร๊าบพี่)"
เสียงตอบมาเบาๆ แต่หนักแน่นว่า "บ้านนอก"
เออ...ผมกำหมัดแน่นแล้วต่อยกลับไปเป็นคำตอบ
มีเรื่องแต่วันแรกในรั้วโรงเรียนใหม่
อืม...เป็นโรงเรียนที่น่าสนใจจริงนะ :D
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: อุเทน47 ที่ สิงหาคม 13, 2007, 05:55:36 AM

เมื่อเช้าก่อนออกจากบ้านก็ไม่เห็นว่าจะมีเรื่องอะไร
เมื่อเจอหน้าพ่อก็ถามว่าเกิดอะไรขึ้น
พ่อก็บอกแค่ว่าตามมาเถอะ จะย้ายโรงเรียนพาผมไปเรียนในเมือง
ผมก็ได้แต่เอ๋อ เดินตามพ่อไป แล้วผมจะไปเรียนที่ไหน จะอยู่กับใคร
ชีวิตผมที่โรงเรียนใหม่จะเป็นอย่างไร ???
นั่งรถเข้าเมืองกับพ่อและลุงด้วยความสงสัยว่าค่ำนี้ตูจะได้กลับบ้านหรือปล่าว
แล้วพวกเขา(ลุงและพ่อ)จะทำอะไรกับผมอ่ะ ???

เป็นเรื่องช็อคเชียวหละ สำหรับเด็กอายุขนาดนั้น นึกแล้วเศร้า แต่คิงก็ผ่านมันมาได้ด้วยดีนะเพื่อน   :-[ ;)
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ สิงหาคม 13, 2007, 08:44:04 AM
ช่ายแล้วน้าเก๋ เป็นวันที่บิ๊กเซอร์ไพส์ในชีวิตครั้งหนึ่งเลยล่ะ
เดี๋ยวค่ำๆ จะมาต่อให้ กลางวันตุ๊บ่ต๊า
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: PingTherdsak ที่ สิงหาคม 13, 2007, 10:36:56 AM
รถของลุงพาผมมาถึงตัวเมืองแล้วต่อมาจนถึงโรงเรียนใหม่
สมัยนั้นยังอยู่แถว ถนนช้างคลาน หลังโรงเรียนเป็นป่าช้า
หน้าโรงเรียนยังคงพอมีทุ่งนาและป่าหญ้าคาให้เห็นอยู่บ้าง
อืม...น่าเรียนเหมือนกันนะโรงเรียนใหม่เนี้ยะ
ปากก็ถามพ่อว่าแล้วตอนเย็นจะได้กลับบ้านหรือปล่าวพ่อ
จะให้นั่งรถเดือนไปกลับบ้านทุกวันเหรอ
เสียงตอบกลับมาอย่างหนักแน่นว่าปล่าว...ลูกต้องไปอยู่หอพ่อติดต่อไว้แล้ว
โอ้ว..ช่างเป็นเรื่องที่เซอร์ไพส์เป็นเรื่องที่สองในรอบวัน :'(
"ตอนนี้ไปเข้าเรียนก่อน แล้วตอนเย็นจะพาไปซื้อเสื้อผ้าแล้วพาไปส่งที่หอพัก" :'(

ผมเข้าเรียนในชั้นป.4/1 เป็นเลขที่สุดท้ายของห้อง
ต่อจากเพื่อนสุดเลิฟคนแรกในหอพัก Kitti ยังจำได้หรือปล่าวอ่ะ
แต่เพื่อนคนแรกในห้องที่เข้ามาทักทายผมก็คือ ธีระชัย ขันธิกุล
ด้วยวลีที่ผมยังจำได้ในแถวตอนพักเที่ยง
"เฮ้ย...คิงมาจากที่ไหนว่ะ ทำไมใส่เตี่ยวสีน้ำตาล"
ผมก็ได้แต่ตอบไปว่า"มาจากหล่ายดอย(คร๊าบพี่)"
เสียงตอบมาเบาๆ แต่หนักแน่นว่า "บ้านนอก"
เออ...ผมกำหมัดแน่นแล้วต่อยกลับไปเป็นคำตอบ
มีเรื่องแต่วันแรกในรั้วโรงเรียนใหม่
อืม...เป็นโรงเรียนที่น่าสนใจจริงนะ :D
ขอเปลี่ยนชื่อเรื่องนี้เป็น "ชีวิตหนุ่มหล่ายดอย ด้วยกำปั้นและลำแข้ง" จะดีกว่า
ฮาก็ย้ายจากโรงเรียนซินเซิงมาเรียนที่มว.ตอนป5.เหมือนกันแต่ได้เข้าห้อง6
มว.เป็นโรงเรียนที่เก่งเรื่องภาษาอังกฤษ ตอนสอบเข้ารู้สึกจะสอบ 3 วิชา
วิชาภาษาอังกฤษ ตอนสอบเข้าฮารู้ตอนวันมอบตัว ว่าคะแนนภาษาอังกฤษฮาได้ 4 คะแนน
ก็ยังดีที่ยังได้คะแนน เพราะหลังจากสอบติด ก่อนเปิดเทอมฮาเรียนพิเศษกับมาสเตอร์สมพร
ห้องเรียนพิเศษก็อยู่ที่ชั้นสองของร้านก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟอร่อยมากหลังกาดหลวง ตอนนี้ย้ายไปอยู่หลังศาลเจ้ากวนอูแล้ว
จำได้ดีเลยวันแรกที่รู้จักภาษาอังกฤษคือวันนั้นนั่นแหละ มาสเซอร์สอนให้เขียน  a b c d e และ f
เอ บี ซี ดี อีและเอฟ การเรียนภาษาอังกฤษวันแรกมีแค่นั้น ตื่นเต้นมาก
หลังจากย้ายมาจากโรงเรียนซินเซิงซึ่งปรกติจะสอนถึงป4. ก็ได้ขยายการเรียนการสอนป5.เป็นรุ่นแรกและป6.ตามมา
เพื่อนหลายคนก็ย้ายมามว.ด้วยกันตอนป5.และก็มาเพิ่มอีกตอน ม1.ส่วนใหญ่ก็เด็กกาดหลวง(ซิมและง้วน),
กาดเก๊าลำใย(หนึ่งบวร)และกาดนวรัฐ(ใหญ่เกรียงไกร)และมิ้งค.เคหภัณฑ์ ฯลฯ
มีเหมือนกันที่มาเรียนวันแรกก็มีเพื่อนในห้องมาทักทายด้วยบรรยากาศเหมือนที่เด็กหล่ายดอยเจอ
แต่เราใจไม่ถึงขนาดนั้น.ก็เลยไม่มีเรื่องราวเกิดขึ้น
ปิงป.6/6,ม.3/4และม.6/2
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: Chat601 ที่ สิงหาคม 13, 2007, 01:59:53 PM
กระทันหันจังเนอะ
เอาอีก เล่ากันเข้ามา สนุกดี
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: Mor-Rim-Doi ที่ สิงหาคม 13, 2007, 05:53:34 PM
แสดงว่าตอนเด็กนั้น ความประพฤติดีหละสิ
พ่อถึงต้องส่งไปเรียนไกลๆ
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ สิงหาคม 13, 2007, 08:57:59 PM
ขอบคุณคำทักทายจากเพื่อนๆ หลายๆ คนที่ได้แวะเข้ามาพูดคุยด้วย
แต่ชักไม่แน่ใจที่จะเล่าต่อเพราะมันอาจพาดพิงถึงเพื่อนๆ อีกหลายคน
คงไม่ว่ากันนะพี่น้อง เพราะเรื่องมันก็กว่า 20 ปีมาแล้ว

กระทันหันจังเนอะ
เอาอีก เล่ากันเข้ามา สนุกดี
ใช่แล้วครับป้าเป็นอะไรที่กระทันหันมากๆ

แสดงว่าตอนเด็กนั้น ความประพฤติดีหละสิ
พ่อถึงต้องส่งไปเรียนไกลๆ
พ่อผมต้องการให้ลูกสามารถพึ่งพาตัวเองได้
และที่สำคัญอยากให้ผมได้เปิดหูเปิดตา และมีเพื่อนใหม่ๆ อย่างพวกคุณๆ ทั้งหลายนี่แหละครับ :laugh:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ สิงหาคม 13, 2007, 09:24:57 PM
มาต่อกันดีกว่าครับ
อ้อลืมทักทายเสี่ยปิงไปนะครับเมื่อกี้นี้
อย่าให้ถึงขนาดนั้นเลยนะ ไอ้ที่ว่า "ชีวิตหนุ่มหล่ายดอย ด้วยกำปั้นและลำแข้ง"
เรื่องจริงยังไม่จบแค่นั้นยังมีอีกเยอะที่ผมต้องเป็นฝ่ายถูกกระทำแล้วไม่กล้า (หงอเหมือนกันนะ) :'(

ตอนบ่ายชั่วโมงแรกเป็นของครูประจำชั้นของเรา 4/1 ใตรจำได้บ้างว่าครูชื่ออะไรอ่ะ
ผมจำได้นะ แต่อยากทบทวนว่าเพื่อนคนอื่นจะจำได้หรือปล่าว น้าเก๋ เสี่ยหมอ หรือว่าเฮียมาลองความจำกันหน่อยดีป่ะ
ครูประจำชั้นเราสอนภาษาอังกฤษ ครั้งแรกที่ได้อ่าน เรื่อง แจ๊คผู้ฆ่ายักษ์
โอ้ว... แล้วเด็กหล่ายดอยแบบผมจะรอดไหมล่ะนั้น
Once upon the time there is a young boy, his name is Jack. He lives with his mother......
อืม... แล้วเด็กหล่ายดอยแบบผมจะอ่านยังไงล่ะนั้น
แล้วเมื่อครูประจำชั้นส่งสายตาหวานๆ มาที่ผมแล้วเรียกให้ผมอ่าน
ยืนขึ้นแบบสั่นๆ เออ... สายตาส่งไปยังเพื่อนที่นั่งด้วยกัน ใครเอ่ยถ้าไม่ใช่... kitty ยังจำได้หรือปล่าวว่ะปุ๊ย
ออกเสียงแบบสั่นๆ พร้อมๆ กับเสียงหัวเราะเบาๆ ของเพื่อนๆ ที่แว่วๆ เข้ามายังโสตประสาท :'(
โชคดีที่ kitty ช่วยออกเสียงเบาๆ พอให้ผมเอาตัวรอดมาได้เคล้าไปด้วยเสียงหัวเราะของเพื่อนๆ ในห้อง

ผ่านไปอีกวันพร้อมกับได้ยินเสียงเล่าอ้างถึงเด็กชายผู้เลี้ยงปลาวาฬน้ำจืด
ใจนึกสงสัยว่าใครกันนะที่เป็นผู้เลี้ยง ใครกัน
ความสงสัยที่ก่อให้เกิดจินตนาการอันมากมาย
อยากรู้จังว่าใครกัน ???
(ตูจาโดนไหมเนี้ยะ พาดพิงแล้วอ่ะ เจ้าตัวอยู่ในเวปนี้ซะด้วยอ่ะ
ไม่ว่ากันเนอะเรื่องมันผ่านมานานแล้วเล่าเอาแบบหนุกหนานนะ)
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ สิงหาคม 13, 2007, 09:35:57 PM
เลิกเรียน ผมพกความสงสัยในใจกลับไปด้วย
เมื่อลุงและพ่อมารับตัวไปซื้อของแถวๆ กาดหลวง
และพาไปหอพักที่ชีวิตใหม่ของผมกำลังจะเริ่มเปลี่ยนไป
เป็น เด็กหอ 177 นี่แหละที่มาของชื่อแรกในเวปบอร์ด
ผมพักที่หอพัก บ้านมั่นศิลป์ ลุงและน้าของผมก็เคยอยู่ที่นี่กันมาก่อน
ที่นี่ผมพบว่ายังมีเพื่อนที่เรียนห้องเดียวกับผมอยู่ด้วย
ใครเอ่ยถ้าไม่ใช่เพื่อนคนแรกในห้องที่นั่งกับผม kitty อีกนั่นแหละครับ
นอกจากนี้ยังมี โอฬาร ด้วยอีกคน เสียดายนะครับที่เพื่อนมาด่วนจากพวกเราไปก่อน :'(

คืนแรกในหอพัก โอ้ว... พระเจ้าจอร์จมันยอดมาก
สมัยนั้นมีคนพักเยอะมากๆ เรียกได้ว่าล้นจริงๆ
ผมต้องนอนกลางทางเดิน เตียงผมตั้งอยู่กลางทางเดิน :-\
คืนนั้นจากเตียงกว้างๆ 6 ฟุต ต้องมานอนเตียง 3 ฟุต
พระเจ้าจอร์จ... ตึงๆๆ





ไม่ใช่เสียงอะไรหรอกครับ
เสียงผมนอนตกเตียงทั้งคืน :'(
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ สิงหาคม 13, 2007, 10:21:52 PM
เช้าวันต่อมาตื่นตามเสียงกระดิ่งที่ไม่คุ้นเคยในเวลา 6.00 น.
โอ้ว...เช้าจัง ตื่นมาทำไมฟ่ะ แต่เช้าขนาดนี้
ล้างหน้าแปรงฟัน แต่งตัว เตรียมพร้อมสำหรับมื้อเช้ากับข้าว 3 อย่าง
ช้าหมดอดกิน ของอร่อย รุ่นใหญ่กวาดเรียบ
เศษๆ รุ่นเล็กรับไป ไม่อิ่มก็หิ้วท้องไปที่โรงอาหารที่โรงเรียนต่อ

พกความสงสัยและคาใจของบุรุษปริศนาเด็กชายปลาวาฬ
วันนี้ผมต้องไขให้กระจ่างว่าเขาเป็นใครกันนะ อืม...
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก๋ ยอดดอย ที่ สิงหาคม 13, 2007, 10:29:32 PM

ตอนบ่ายชั่วโมงแรกเป็นของครูประจำชั้นของเรา 4/1 ใตรจำได้บ้างว่าครูชื่ออะไรอ่ะ
ผมจำได้นะ แต่อยากทบทวนว่าเพื่อนคนอื่นจะจำได้หรือปล่าว น้าเก๋ เสี่ยหมอ หรือว่าเฮียมาลองความจำกันหน่อยดีป่ะ

อ้างถึง

เวลากิ๋นเบียร์ (ขวดแรก) ความจ๋ำฮาจะดีมาก เก่ง  :angel:
....
คุณครู สุวภีร์ (ขออภัยครับถ้าสะกดผิด) นามสกุลท่านผมจำไม่ได้  ???
ตอนนั้นผมยังเป็นท่านรองฯ (หัวหน้า) อยู่ ก่อนจะถูกปลด อิอิ  >:D
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ สิงหาคม 13, 2007, 10:36:47 PM
เมื่อถึงโรงเรียน มีเพื่อนในห้องเข้ามาทักทายมากขึ้น
มายกะปิตัน หัวหน้าตลอดกาลของพวกเรา
น้าเก๋ในสมัยนั้น เป็นเหรัญญิก แล้วใช่ป่ะ
รองหัวหน้าห้องใครหว่า  ??? ช่วยนึกกันหน่อยดิ
ความจำใครดีนึกออกบ้าง
หรือว่าจะเป็น ดร.เต้ย หว่า ใช่ป่ะ
คุ้นเคยกับชาว 4/1 มากขึ้นห้องอื่นยังไม่รู้จัก แค่ห้องตัวเองก็จำไม่หมดแว้ว...

ในที่สุดก็มีเสียงเข้ามาทักทาย
แล้วผมก็ค้นพบแล้วว่าเขาคือใคร เด็กชายผู้เลี้ยงปลาวาฬ
เขาคนนั้นเข้ามาทักทายพูดคุยกับผม
พร้อมกับมีเพื่อนเข้ามาบอกเล่าถึงเรื่องราวของเขา
เพื่อนๆ บอกว่าเขาชื่อ บ๊วย
แต่เขาบอกกับผมว่า "เฮ้ย!!! นั่นชื่อป้อฮาโว้ย ฮาชื่อกรานต์ สงกรานต์ คิงจำไว้ จะไปฮ้องจื่อป้อฮา"
แล้วผมก็ถามกลับไปว่า เพื่อนเลี้ยงปลาวาฬจริงๆ เหรอ
เขาตอบกลับมาอย่างมั่นใจว่า

"ใช่แล้วเพื่อน เดี๋ยวตอนที่ย้ายไปมงฟอร์ตใหญ่ ฮาจะขี่มาโรงเรียนทุกวันเลย
ฮาจะขี่มันทวนน้ำปิงขึ้นมาจากบ้านฮาที่ป่าซาง แล้วตอนแลงฮาก็จะขี่มันกลับบ้าน"

โอ้ว...สายตาผมที่มองเขาด้วยความทึ่ง เอ่ยย้อนถามไปเบาๆ
"แล้วตอนนี้มันตัวขนาดไหนแล้ว คิงเลี้ยงมันไว้ที่ไหน"

เขาเล่าให้ผมฟังต่อไปว่า
"ป้อฮาขุดสระขนาดใหญ่เอาไว้ใกล้น้ำปิง ตัวมันก็ใหญ่แล้วเหมือนกันนะ
แต่ตอนนี้ยังขี่บ่ได้ตื้อ ต้องรอขึ้น ม.1 ก่อน ถึงจะขี่ได้แล้วฮาจะขี่มาหื้อหมู่คิงดู"

ผมนิ่งฟังพร้อมกับครุ่นคิดไปว่าเพื่อนเราช่างมีจินตนาการได้สูงส่งจริงๆ
(เฉลยนิดนะ ผมไม่เชื่อตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ยินแล้วล่ะครับ) ^-^
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ สิงหาคม 13, 2007, 10:38:06 PM

ตอนบ่ายชั่วโมงแรกเป็นของครูประจำชั้นของเรา 4/1 ใตรจำได้บ้างว่าครูชื่ออะไรอ่ะ
ผมจำได้นะ แต่อยากทบทวนว่าเพื่อนคนอื่นจะจำได้หรือปล่าว น้าเก๋ เสี่ยหมอ หรือว่าเฮียมาลองความจำกันหน่อยดีป่ะ

อ้างถึง

เวลากิ๋นเบียร์ (ขวดแรก) ความจ๋ำฮาจะดีมาก เก่ง  :angel:
....
คุณครู สุวภีร์ (ขออภัยครับถ้าสะกดผิด) นามสกุลท่านผมจำไม่ได้  ???
ตอนนั้นผมยังเป็นท่านรองฯ (หัวหน้า) อยู่ ก่อนจะถูกปลด อิอิ  >:D
ถูกต้องนะคร๊าบ ตอนหลังท่านแต่งงานกับมาสเซอร์สุรพงษ์ หรือปล่าวหว่า ???
ที่สอนพวกเราตอน ป.5
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ สิงหาคม 13, 2007, 10:40:50 PM
อ้อ...ท่านเก๋มาบอกแล้วว่าเป็นรองหัวหน้านี่เอง
แล้วยังจำสาเหตุที่ถูกปลดได้หรือปล่าวล่ะ :laugh:

ยังจำมื้อกลางวันที่พวกเราต้องรีบวิ่งไปเข้าแถวซื้อได้หรือปล่าว
ของอร่อยที่ต้องแย่งกันอย่างเอาเป็นเอาตายทุกวัน
ช้าหมดอดกินอ่ะ :P
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก๋ ยอดดอย ที่ สิงหาคม 13, 2007, 10:52:41 PM
อ้อ...ท่านเก๋มาบอกแล้วว่าเป็นรองหัวหน้านี่เอง
แล้วยังจำสาเหตุที่ถูกปลดได้หรือปล่าวล่ะ :laugh:

ยังจำมื้อกลางวันที่พวกเราต้องรีบวิ่งไปเข้าแถวซื้อได้หรือปล่าว
ของอร่อยที่ต้องแย่งกันอย่างเอาเป็นเอาตายทุกวัน
ช้าหมดอดกินอ่ะ :P

ละอ่อน ป.4 สมัยนั้นยังบ่มี ตำแหน่งเหรัญญิก แค่เรียนภาษาไทยกับภาษาอังกฤษ ก็จะต๋ายแล้ว
มาฮู้จักคำว่า เหฯ ก็ตอม ม.ต้น แล้วล่ะเพื่อน
ส่วนเรื่องตี้ฮาถูกปลดนั้น ก็จ๋ำบ่ค่อยได้
สงสัยจะไปจ๋ดหัวเพื่อนคนใดคนนึงรึป่าวก็ยังบ่แน่ใจ๋  ::)
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ สิงหาคม 14, 2007, 08:36:18 AM
เหอะๆ ตกลงห้องเรานี่มันโหดตั้งแต่เด็กกันทั้งนั้นเลยอ่ะนะ
เดี๋ยวตอนค่ำมาเล่าต่อให้นะ
กลางวันมันไม่ต่อเนื่อง ทำงานไปด้วยอ่ะ
นึกภาพความหลังได้ไม่ต่อเนื่อง :'(
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: pongsatorn/27 ที่ สิงหาคม 14, 2007, 05:22:04 PM
เฮาจำได้แล้วตอนนั้นมีใผ่ก็บ่อฮู้ใส่เตี่ยวบ่อเหมือนชาวบ้านแต่ว่าอยู่กัยคนละห้องเฮาอยู่ป.4/2ใกล้ๆกันยังคุยกับพิทักษ์ เขื่อนคำ ว่าบ่านี่แปลกดีเด่นขนาดเตี่ยวน้ำตาล.....555
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ สิงหาคม 14, 2007, 09:12:44 PM
อ้อ มีป๋าพงศ์จำผมได้อีกคนเหรอเนี้ยะ :laugh:

หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: Mor-Rim-Doi ที่ สิงหาคม 14, 2007, 10:59:11 PM
ตอนนั้นคิงไม่เชื่อเรื่องปลาวาฬหรือวะ
ตรงข้ามกะฮาเรยยย

ปล.ชื่อมาสเซอร์สิทธิพงศ์ครับ ดูคล้ายกอริลล่า
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ สิงหาคม 15, 2007, 10:28:13 PM
อ้าว... เหรอ สงสัยว่าคิงคงได้ยินก่อนฮาว่ะ
เพราะฮาได้ยินช่วง ป.4 ก็เลยไม่เชื่ออ่ะนะ :laugh:

ยินดีที่ช่วยเหลือเรื่อง ม.สิทธิพงศ์

ช่วงที่เข้า ป.4 ใหม่ๆ เป็นอะไรที่โหดร้ายมาก
ไหนจะเรื่องภาษาอังกฤษ แล้วยังต้องมานั่งท่องลูกน้ำที่เป็นเสียงดนตรีอีก
สำหรับผมแล้วเหมือนเป็นเรื่องแปลกใหม่ในชีวิตจริง
ผ่านพ้น ป.4 ขึ้น ป.5 ครูประจำชั้นของพวกเราก็เป็นผู้หญิงที่แกร่งและเก่ง
แถมยังสอนภาษาอังกฤษอีกแหละ ครูระวิวรรณ หยิกเจ็บอีกต่างหาก
เหตุการณ์ในความทรงจำชั้น ป.5 ของผมก็คือ...

วันที่มายกะปิตันมีเรื่องวิวาทกับเจ้าต่าย ธนชาติ ถึงขั้นขอลาออกจากการเป็นหัวหน้า
ร้อนถึงครูประจำชั้นต้องมาไกล่เกลี่ย
โดยยื่นให้เจ้าต่ายเป็นหัวหน้าห้องแทน เจ้าต่ายก็ไม่เอา
ครูก็ถามว่าแล้วจะให้ใครเป็น มันก็ตอบกลับมาแบบหน้าตายว่า
ให้ ศิริพงษ์ เป็นนะดีแล้วแต่ผมไม่ยอมรับเค้าเป็นหัวหน้าครับ
เอากะมันดิ ???

แล้วยังมี ม.พิชัย ที่สอนประวัติศาสตร์ ที่พกพาอาวุธเป็นไม้หวาย
ถึงขั้นมีคำร่ำลือว่า หวายมาสเซอร์นะแช่เยี่ยวด้วยอ่ะ ยี้ :-[

เล่ามาถึงตรงนี้แล้วก็ลืมนึกไปอีกว่า ที่หอพักตอนนี้ผมก็มีเพื่อนใหม่ๆ เข้ามาแล้ว
พวกที่อยู่ห้องเดียวกับเสี่ยปิงนั้นแหละครับ
ได้แก่ จารย์โกย หมอเจียง ถัง หมี เอ(นพดล เคยเข้ามาในเวปนี้แว๊บๆ หายไปไหนแล้วหว่าเพื่อน)
อืม...ใครอีกน้า... ช่วยมาเคาะถังความทรงจำกันหน่อยดิ เพื่อนปุ๊ย กับจารย์โกย
นึกออกแล้วต้องไปขุดกระทู้เก่า...ไอ้จึ่ก แอร์(จักกฤษณ์ หายไปอีกคนแว้ว) พี่กี๊อีกคน อันนี้ล๊อตแรกๆ ในมั่นศิลป์กรุ๊ป
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ สิงหาคม 16, 2007, 09:12:02 AM
ขอเอาภาพจากกระทู้เก่าๆ มาปากอบให้หน่อย
(http://www.montfort27.com/forum/index.php?action=dlattach;topic=165.0;attach=3977;image)
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ สิงหาคม 16, 2007, 09:14:08 AM
อธิบายเพิ่มน้อยหรือไอ้น้อย(ยุทธพงษ์) จริงๆ ก็เป็นรุ่นเดียวกับเรา
แต่บังเอิญพื้นฐานไม่ค่อยดีก็เลยเรียนซ้ำ ป.4 หรือ ป.5 อีกรอบ
กลายไปเป็นรุ่นเดียวกับเจ้าเล็กในรูปก่อน
(http://www.montfort27.com/forum/index.php?action=dlattach;topic=165.0;attach=3977;image)
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: Mor-Rim-Doi ที่ สิงหาคม 16, 2007, 09:14:34 PM
ผ่านพ้น ป.4 ขึ้น ป.5 ครูประจำชั้นของพวกเราก็เป็นผู้หญิงที่แกร่งและเก่ง
แถมยังสอนภาษาอังกฤษอีกแหละ ครูระวิวรรณ หยิกเจ็บอีกต่างหาก

ขอแจมประเด็นนี้หน่อยนะ
ครูระวิวรรณคนนี้ (ปัจจุบันเป็นแม่ยายของบอย พงษ์ธาดา)
เคยถามหน้าชั้นว่า
"ใครไม่ได้ใส่กางเกงใน ยกมือขึ้น"

ด้วยความไร้เดียงสา จึงมีคนยกมือประมาณเกือบสิบคน
รวมทั้งข้าพเจ้าด้วย
(เขกหัวตัวเองตลอด 20 ปีต่อมา ว่าเสือกยกทำไม)
ครูจึงสั่งให้คนที่ยกมือ ออกมายืนเรียงแถวหน้าชั้น
หันหน้าเข้ากระดาน
แล้วให้ปลดกางเกงลง
โชว์ตูดให้เพื่อนดู
(เขกอีกทีซิ ยกมือทำไม๊)

เมื่อไม่เหลือทางเลือกอื่นใด
ท่องคาถาหายตัวหลายรอบ ก็ไม่ได้ผล
ต้องตัดสินใจครั้งใหญ่หลวงในชีวิต
ชะแว๊บบบบ...

ปล่อยกางเกงลงถึงเข่า
แล้วรีบดึงกลับขึ้นมา
สายลมเย็นวาบถึงทุกอนูขุมขน
เสียงหลังห้องโห่ร้องเกรียวกราวอย่างชื่นชม
"หยั๋งมาดำบะ"

หันหลังเดินคอตก หมดสิ้นแล้วเกียรติยศศักดิ์ศรี
กลับมานั่งประจำที่
เหลือเพียงคนเดียวที่นั่งด้วยกันวันนั้น
ที่คอยปลอบประโลม ให้กำลังใจ

ทศพร ไชยประคอง (อ.อั๊ก) ค่อยๆเอามือลูบหลัง
ส่งสายตาอ่อนโยน แล้วปลอบใจว่า
"ไม่ต้องคิดมากนะหมอ ถึงจะดูดำไปนิด
  แต่ก็กลมกลึง และดูเฟิร์มมาก"
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ สิงหาคม 16, 2007, 09:21:52 PM
หมอเอ๋ย อ่านของคิงแล้ว เหล้าพุ่งเลยว่ะเพื่อน
วันนี้มา count down หน้าจอจนถึงวันใหม่ ครบรอบเวป ไปเลยดีกว่า
เรื่องวันวาน ไว้ว่างๆ มาเล่าต่อกันใหม่ดีกว่า

อีกอย่างมิน่าจารย์ทศถึงได้ชื่นชมคิงเป็นกรณีพิเศษ ที่มามันเป็นจั๋งซี้นี่เอง :laugh:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: donggy ที่ สิงหาคม 16, 2007, 09:35:36 PM
นี่ขนาดอาจารย์อั๊กเห็นตางหลังนา
ถ้าเห็นตางหน้า....อือบ่อยากกึด :P
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ สิงหาคม 16, 2007, 09:53:04 PM
ทำไมน้าเก๋เมาแล้วนึกเรื่องเก่าๆ ออกฟ่ะ
ทีตูเมาแล้วนึกอะไรไม่ออกสักอย่างอ่ะ
วันนี้ขอ count down คนเดียวไปพลางๆ ก็ได้ฟ่ะ
หายไปทีละคนสองคนอ่ะ >:(
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: Lion King ที่ สิงหาคม 16, 2007, 10:22:12 PM
สนับสนุน เรื่องครูระวีวรรณครับ
ที่ถามว่าใครไม่ใส่กางเกงในยกมือขึ้นครับ
  "จำได้ครับ
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ สิงหาคม 16, 2007, 10:26:43 PM
แล้วเฮียยกมือโตยก่อหา
ผมนะเด็กหออย่างใดก็ต้องใส่ เลยบ่ได้ยกคร๊าบ :laugh:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: donggy ที่ สิงหาคม 16, 2007, 10:29:15 PM
บ่อได้เฮียนต่วยครูระวีวรรณคับ เพราะผมอยู่ห้องสอง
แต่เกยโดยหยิกคับ..เจ็บแต้ ๆ
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: Lion King ที่ สิงหาคม 16, 2007, 10:55:50 PM
บ่ได้ยก แต่ฮาบ่ได้ใส่ 555
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: กระบี่อยู่ที่ใจ ที่ สิงหาคม 16, 2007, 10:59:02 PM
จำได้ว่าเคยไปเรียนพิเศษกับครูที่ชั้นล่างของธนาคารออมสิน หน้าพุทธสถาน

ครูมีลูกสาว 2 คน แต่รู้สึกจะผิวคล้ำอ่ะเป่า?

ตอนนั้นกำลังบ้าวิทยายุทธกรงเล็บขย้ำ......สาว
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ สิงหาคม 16, 2007, 10:59:35 PM
ฮิ้ว เฮียเจ้าเล่ห์แต่เล็กอ่ะ
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: Lion King ที่ สิงหาคม 16, 2007, 11:00:29 PM
แม่นแล้ว ฮาก้เกยไปเฮียน  ลูกครูคนหนึ่ง
เป็น ภรรยาไอ่บอย ครับ
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก๋ ยอดดอย ที่ สิงหาคม 16, 2007, 11:23:59 PM
 ;D ฮาใส่เตี่ยวในตางปิ้น ฮาตึงบ่ยกมือ 555
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: กระบี่อยู่ที่ใจ ที่ สิงหาคม 16, 2007, 11:27:08 PM
จำได้แต่ตอนอยู่ป 1

มีวิชาเลขคิดในใจ คิดๆยังไงก็บวกเลขในใจไม่ได้ซักที

ก็ตอนนั้นเป็นเด็กโง่อ่ะ

อุ อุ รักนะ เด็กโง่
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ สิงหาคม 16, 2007, 11:28:02 PM
ดีๆ ครับ ผมมึนนึกเรื่องเก่าๆ ไม่ออกแย้วอ่ะ ???
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก๋ ยอดดอย ที่ สิงหาคม 16, 2007, 11:34:47 PM
 ;D ช่าย คิดเลขในกระดาษก็จะแย่แล้ว ยังมีวิชาเลขคณิตคิดในใจอีก ฮา...เจ็บหัวง่าว  :-\
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ สิงหาคม 16, 2007, 11:35:44 PM
เล่าไปเรื่อยๆ คร๊าบผมจะรอฟัง
มันส์ดี มีนว่ะ
เริ่มหายมึนบ้างแล้วอ่ะ
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: กระบี่อยู่ที่ใจ ที่ สิงหาคม 16, 2007, 11:40:09 PM
ยังจำวิชาอังกฤษเสริมที่บราเดอร์สอนให้อ่านภาษาอังกฤษจากแผ่นเสียงฝรั่งได้เป็นอย่างดี

บราเดอร์บอกให้ออกเสียงเหมือนแผ่นเสียง ทุกคำ

ก็มาถึงคำว่า Chiang Mai ซึ่งในแผ่นเสียงมันออกเสียงว่า เชง หม่าย

ตูก็ออกเสียงให้เหมือนในแผ่นเสียงเดี่ยะๆ

หนอย โดนเพื่อนๆโห่ซะ เพราะเพื่อนๆออกเสียงเป็นสำเนียงไทยว่า เชียงใหม่ เจยๆ

จำฝังใจ
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: กระบี่อยู่ที่ใจ ที่ สิงหาคม 16, 2007, 11:52:54 PM
ตอนคัดตัวนักวิ่งกีฬาสี ก็ไปคัดตัวกะเค้าทุกปี

แต่ก็ไม่เคยได้แข่งอารายกับเขาซักปี

ม่ายรู้ว่าวิ่งผิดหลักอากาศพลศาสตร์ยังไง
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: กระบี่อยู่ที่ใจ ที่ สิงหาคม 16, 2007, 11:55:56 PM
เคยจำได้ว่าตอนป1- ป3 แย่งกันเป็นที่ 1 กัน 3 คน

เต้ย เสริมสกุล ข้อยเอง

ทำไมโตมามีตูโง่อยู่คนเดียวอ่ะ
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: Lion King ที่ สิงหาคม 17, 2007, 12:14:59 AM
ตอนคัดตัวนักวิ่งกีฬาสี ก็ไปคัดตัวกะเค้าทุกปี

แต่ก็ไม่เคยได้แข่งอารายกับเขาซักปี

ม่ายรู้ว่าวิ่งผิดหลักอากาศพลศาสตร์ยังไง

ผิดอย่างไงรู้หรือเปล่า

ขายาวเกินไปไง 555
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ สิงหาคม 17, 2007, 08:29:53 AM
ต่อๆ ให้หน่อยดีกว่า
จำได้ว่าจะเล่าข้ามวีรกรรมที่บังเอิญได้ทำกับพี่ชายเจ้าเพื่อน love kitti ไปอ่ะนะ
ช่วงนั้นเข้าไปอยู่หอใหม่ๆ ด้วยวัยกำลังซ่า
พี่แชมป์พี่ชายของปุ๊ย เหตุบังเอิญให้มาตั้งโต๊ะมื้อดึกบนหลังตู้เสื้อผ้าผม
ขอร้องให้พี่แกช่วยย้ายไปนิดผมจะเปิดตู้ พี่ก็บอกว่า ตูไม่ย้าย เอ็งอยากเปิดตู้ก็ต้องรอให้ตูกินเสร็จก่อน
พร้อมส่งสายตาที่...มายังผม
ความที่กำลังอารมณ์ร้อนในสมัยนั้น
ผมตัดสินใจถึงถุงผ้าที่พี่แกเอารองชามมาม่าไว้บนหลังตู้ออกก็แค่นั้นเองนะ แค่นั้นจริงให้ดิ้นตาย
แต่....










พี่แกร้อง จ๊าก... อย่างแรง พร้อมทั้งเต้นเร่าๆ ชี้หน้าผมอย่างจะเอาเรื่อง










ก็จะอะไรซะอีกล่ะ มาม่ามื้อดึกร้อนๆ ที่แกกำลังตั้งท่าจะโซ้ย คว่ำพรวดลงบนหน้าอกของพี่แกแค่นั้นเองจริงๆ
ส่วนผมจะรึจะอยู่รอสิ่งที่ตามมา มองหน้าพี่เค้าแบบยิ้มน้อยๆ แล้วโกยเถอะโยม...

นึกมาถึงตอนนี้แล้วก็เสียใจอยู่เหมือนกันนะ
เพื่อนปุ๊ยถ้าได้อ่านฝากขอโทษแชมป์ แทนตูด้วยว่ะ
ความคะนองสมัยนั้นเป็นเหตุจริงๆนะ _/|\_    (^/\^) :'(
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: บาย603 ที่ สิงหาคม 17, 2007, 08:56:41 AM
ขอแจมวิชาอังกฤษในห้อง Sound หน่อย เป็นวิชาที่ทำให้ข้าพเจ้าเป็นโรคจิตอ่อนๆจนถึงทุกวันนี้เลย จำประโยคนี้ได้มั๊ย
Wake up Peter Wake up เสียงนี้จะสะท้อนเข้าโสตประสาทผมทุกครั้งตอนรุ่งเช้า โอย น่ากลัวจริงๆ ;D ;D ;D
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: KITTI ที่ สิงหาคม 17, 2007, 09:38:18 AM
ต่อๆ ให้หน่อยดีกว่า
จำได้ว่าจะเล่าข้ามวีรกรรมที่บังเอิญได้ทำกับพี่ชายเจ้าเพื่อน love kitti ไปอ่ะนะ
ช่วงนั้นเข้าไปอยู่หอใหม่ๆ ด้วยวัยกำลังซ่า
พี่แชมป์พี่ชายของปุ๊ย เหตุบังเอิญให้มาตั้งโต๊ะมื้อดึกบนหลังตู้เสื้อผ้าผม
ขอร้องให้พี่แกช่วยย้ายไปนิดผมจะเปิดตู้ พี่ก็บอกว่า ตูไม่ย้าย เอ็งอยากเปิดตู้ก็ต้องรอให้ตูกินเสร็จก่อน
พร้อมส่งสายตาที่...มายังผม
ความที่กำลังอารมณ์ร้อนในสมัยนั้น
ผมตัดสินใจถึงถุงผ้าที่พี่แกเอารองชามมาม่าไว้บนหลังตู้ออกก็แค่นั้นเองนะ แค่นั้นจริงให้ดิ้นตาย
แต่....










พี่แกร้อง จ๊าก... อย่างแรง พร้อมทั้งเต้นเร่าๆ ชี้หน้าผมอย่างจะเอาเรื่อง










ก็จะอะไรซะอีกล่ะ มาม่ามื้อดึกร้อนๆ ที่แกกำลังตั้งท่าจะโซ้ย คว่ำพรวดลงบนหน้าอกของพี่แกแค่นั้นเองจริงๆ
ส่วนผมจะรึจะอยู่รอสิ่งที่ตามมา มองหน้าพี่เค้าแบบยิ้มน้อยๆ แล้วโกยเถอะโยม...

นึกมาถึงตอนนี้แล้วก็เสียใจอยู่เหมือนกันนะ
เพื่อนปุ๊ยถ้าได้อ่านฝากขอโทษแชมป์ แทนตูด้วยว่ะ
ความคะนองสมัยนั้นเป็นเหตุจริงๆนะ _/|\_    (^/\^) :'(

;D  :laugh: ;D
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: sahai ที่ สิงหาคม 17, 2007, 10:42:08 AM
ขึ้นต้นมาดีครับ
แต่กระทู้เริ่มเลี้ยวออกนอกเส้นทางละครับพี่
เจ้าของกระทู้รีบกลับมาเขียนต่อเร็ว
ยังเล่าไม่ถึงชั้นมัธยมเลย

ขอติงนิดนึง
เรื่อง กกน เป็นสมัย ครูสุวภีร์ ครับ
เรื่อง คุ้มเกล้า เป็นสมัย ครูระวีวรรณ ครับ

เรื่องภาษา english เนี่ย ฮาฝังใจกับมาสเซอร์พินัย มากกว่า
พอตอนท้ายชั่วโมง ก็จะเดินมาที่โต๊ะฮา แล้วพูดว่า
" ไอ่หัวหน้า คิงปอละ บ่ต้องเฮียนต่อละ
ลงไปซื้อเข้าห่อ ตี้โฮงอาหาร แล้วเอามาห้อยตี้
แฮนด์รถเครื่องมาสเซอร์กำ "

เอาเป็นว่าฮาปุดตืนไปครึ่งชั่วโมง ทุกคาบ ของวิชามาสเซอร์พินัย
ฮาก่ว่า ฮาจ่ายค่าเทอมครบน้า
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: อุเทน47 ที่ สิงหาคม 17, 2007, 10:48:44 AM
 ;D 555 เป๋นหัวหน้าเกิดมาต้องรับกรรมแบบนี้แหละ ฮาเป็นแค่รองฯ สบายกว่าเยอะ  :angel:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: อุเทน47 ที่ สิงหาคม 17, 2007, 11:11:45 AM
คุณบ๊วย ปลาวาฬ ออนไลน์แล้วครับเพื่อนๆ
คุณสงกรานต์ ช่วยเข้ามาแก้ตัว เอ้ย เข้ามาเล่าให้เพื่อนๆฟังหน่อย
สนุกดี ..ยังจำได้มั้ยว่าสมัยนั้นเล่าว่าไงมั่ง เพื่อนๆถึงเชื่อสนิทใจ
นายแน่มาก....แม้...มมม...ทำไปด้ายยยยย  :laugh:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: ปี๋ใหม่เมือง ที่ สิงหาคม 17, 2007, 11:52:26 AM
เอาแบบหนุกหนานก้อแล้วกันนะเพื่อนๆ

ตรูคงจินตนาการเยอะมากไปหน่อย

ก้อคงมีเพื่อนบางคนที่มีจินตนาการสอดคล้องคล้อยตามตรู

ตอนนี้มีลูกมีเต้าทั่วถึงกันแล้ว ก้อเอาแต่พอหอมปากหอมคอนะคร้าบ
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ สิงหาคม 17, 2007, 04:19:41 PM
แหม...พี่บ๊วยเล่นออกตัวเอี้ยดแบบนี้ก็ไม่หนุกหนาน แว้วอ่ะดิ

จินตนาการวัยเยาว์เป็นเรื่องสร้างสรร
ส่วนจินตนาการวัยดึกเป็นเรื่องตอแหล
ที่เรามักถูกสาวหน้อยๆ ทั้งหลายล่อลวงได้เน้อ
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ สิงหาคม 17, 2007, 10:24:40 PM
ขึ้นต้นมาดีครับ
แต่กระทู้เริ่มเลี้ยวออกนอกเส้นทางละครับพี่
เจ้าของกระทู้รีบกลับมาเขียนต่อเร็ว
ยังเล่าไม่ถึงชั้นมัธยมเลย
คร๊าบๆ มายกะปิตัน ตอนนี้กำลังตันอยู่เพื่อน
เริ่มมึนผสมกับง่วงนอนอ่ะ
นอนดึกติดกันมาหลายคืนแว้ว มัวแต่ search หา น้อง miyabi คนสวยอ่ะ
ยังไงเริ่มต้นแล้วจะเล่าต่อไปเรื่อยๆ จนจบ ม.6 ให้ได้ก็แล้วกันคร๊าบ
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ สิงหาคม 17, 2007, 10:28:09 PM
เอาว่ะจะพยายามเล่าต่อนะ
ถึงไหนแล้วหว่า
อืม...กลับไปดูก่อนนะ เพราะดันตัดตอนมาเล่าเรื่องพี่แชมป์ซะได้อ่ะ
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ สิงหาคม 17, 2007, 10:42:08 PM
อืม...ป.5 นึกออกแล้วมีอีกเรื่องที่จำได้เกี่ยวกับคุณสมปอง
ชั่วโมงเรียนดนตรีในห้องที่พวกเราต้องไปเรียนร่วมกันหมดทั้งชั้น
คุณสมปองหรือโด่ง(นี่ก็เป็นหนึ่งในมั่นศิลป์กรุ๊ปเหมือนกัน)ของพวกเราเข้ามาตอน ป.5 นี่แหละ
ต้องออกไปท่องโน๊ต หน้าห้องแล้วถูกทำโทษ
มาสเซอร์วินัยก็ถามว่า เธอย้ายมาจากโรงเรียนอะไร
เจ้าโด่งก็ตอบอย่างชัดถ้อยชัดจำว่า พานวิทยาคมครับ
แล้วอยู่ที่ไหน อำเภอพานครับ
จังหวัดอะไร พานครับ
แล้วจังหวัดพานนี่อยู่ประเทศอะไร เจ้าโด่งก็ยังตอบกลับด้วยความมั่นใจเต็มปากเต็มคำว่า ประเทศพานครับ
อืม...แล้วเสียงหัวเราะก็ดังขึ้นทั้งห้องดนตรี พร้อมตัวที่เล็กลีบลงของเจ้าโด่ง
ผมถามมันทีหลังมันก็ตอบแผ่วๆ ว่า ฮานึกอะหยั่งบ่ออก ก็เลยได้ก่าตอบว่า พานครับ ??? :laugh:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: qpgmr ที่ สิงหาคม 17, 2007, 11:28:23 PM
เอ...สมปอง นามสกุล หวังรุ่งวิชัยศรี  อะไรทำนองนี้หรือเปล่า  น่าจะเคยเรียนด้วยกัน 

สจ.ปิง ถ้ามาอ่านเจอตรงนี้  ช่วยไล่รายชื่อเพื่อนหน่อยได้ไหม  ตั้งแต่ ป.5 ถึง ม.3ก็ได้

เพราะคิงกับฮาอยู่ห้องเดียวกันมาตลอด และคิงก็เคยเป็นหัวหน้าชั้น  หรือ อ.โก้ก็ได้นะ อย่างน้อยสมัย ม.1-3

ก็เคยอยู่ห้องเดียวกัน ลองเคยไล่รายชื่อเพื่อน 304 ดูแล้ว มันเกิน 57-58 คน ว่ะ สงสัยจะนับ

รวมเอาพวก ป.6 มารวมด้วย 
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ สิงหาคม 17, 2007, 11:35:21 PM
เอ...สมปอง นามสกุล หวังรุ่งวิชัยศรี  อะไรทำนองนี้หรือเปล่า  น่าจะเคยเรียนด้วยกัน 


ถ...ถูกต้องนะคร๊าบ
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ สิงหาคม 18, 2007, 09:10:52 AM
เอาล่ะครับกลับมารายงานตัวกันต่อ

นอกจากกรณีคุ้มเกล้าที่ทำให้พวกเราโดน bad note เป็นบาปบริสุทธิ์ กันไปหลายคนนั้น
(กรณีนี้ผมจำได้ว่าอุดหนุนไปหลายใบเหมือนกันอ่ะ ToT มีแต่ซื้อ ไม่เห็นจะได้รางวัลเลยอ่ะ)

ใครยังพอจำได้ว่าปีนี้เรามีการแสดงในงานโรงเรียนด้วยง่ะ
ประกอบเพลงภาพยนต์จีนชุดที่ดังมากในสมัยนั้น
ที่พวกเราอยากเป็นพระเอกกันแทบทุกคนใครพอจะนึกออกบ้าง
นี่ไงครับพระเอกของเรื่องดังกล่าวที่เพื่อนเราคนหนึ่งได้มีโอกาสถ่ายรูปร่วมกับเขาจนได้เมื่อเวลาผ่านไปอีกกว่า 10 ปี

(http://www.montfort27.com/forum/index.php?action=dlattach;topic=13.0;attach=122;image)
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ สิงหาคม 18, 2007, 09:20:53 AM
ส่วนเพื่อนที่อยากฟังเพลงดังกล่าวเพื่อรำลึกความหลังเชิญได้ที่นี่ครับ

http://www.bangkokcity.com/2003/service/board/detail.php?home=c&boid=38762 (http://www.bangkokcity.com/2003/service/board/detail.php?home=c&boid=38762)

ยังพอจำท่ากันได้มั๊ยเอ่ย :laugh:
ฟังแล้วหลับตานึกภาพประกอบไปด้วย
ความทรงจำลางๆ เริ่มปรากฎชัดเจนขึ้น :laugh:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ สิงหาคม 18, 2007, 09:50:20 AM
ส่วนเพื่อนสาวๆ ยังจำได้มั๊ยเอ่ย
ที่งานโรงเรียนของทั้ง เรยีนา พระหฤทัย
ยังพอมีความทรงจำสีจางๆ ในเรื่องนี้มั๊ยครับ
ผมยังจำความตื่นเต้นที่ต้องไปแสดงให้กับสาวน้อยๆ
ในยุคนั้นได้ไม่เปลี่ยนแปลง :angel:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: อุเทน47 ที่ สิงหาคม 18, 2007, 09:55:33 AM
คนทางซ้าย ฉี่เฉี่ยวหัว เอ๊ย ฉี เส้า เฉียน จากกระบี่ไร้เทียมทาน
คนทางขวา แจ๊ค จง หัว จากฤทธิ์ปังตอทื่อ ภาคพิศดาร
 ;D
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: sahai ที่ สิงหาคม 19, 2007, 12:37:37 AM
และที่โรงเรียน ก็มักจะมีงานประจำปีตอนกลางคืนด้วย
ฮาไม่เคยได้แสดงอะไรกะเขาเลย
หน้าตาเทสกล้องไม่ผ่าน >:(
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ สิงหาคม 19, 2007, 10:21:32 AM
มายกะปิตัน คิงสับสนหรือปล่าวฟ่ะ
ฮาจำได้ว่าการแสดงมีแต่ตอนกลางวันนะเฟ้ย
 :-X ร้อนตับแล่บ แต่ต้องมาแสดงกังฟู O0
หัวก็เขียว ฮ้อนก็ฮ้อน หน้าปอจะมืดเป็นกำเป็นกำ เฮ้อ!!!
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: อุเทน47 ที่ สิงหาคม 19, 2007, 01:03:15 PM
 ;) ช่ายรำมวยจีนตอนกลางวัน เหมือนจะมีรูปนะ ใส่ชุดเตี่ยวขาสั้นสีขาวเสื้อสีขาวมีปลอกข้อมือสีแดง  เดี๋ยวไปค้นดูก่อน  :D
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ สิงหาคม 20, 2007, 09:30:41 AM
ดีครับ จะอดใจรอดูภาพปากอบ จากน้าเก๋นะ
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: korokoso ที่ สิงหาคม 21, 2007, 09:47:14 AM
ข้าวกลางวันตอนประถม ขนมปังหวาน + แฟนต้าน้ำองุ่น อร่อยที่ซู๊ดดดดดดด
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: กระบี่อยู่ที่ใจ ที่ สิงหาคม 21, 2007, 03:04:35 PM
และที่โรงเรียน ก็มักจะมีงานประจำปีตอนกลางคืนด้วย
ฮาไม่เคยได้แสดงอะไรกะเขาเลย
หน้าตาเทสกล้องไม่ผ่าน >:(

ม่ายสับสนแน่นอน การแสดงภาคกลางคืนเป็นการแสดงบนเวทีครับ

จำได้ว่านำเรื่องราวในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล มาแสดงโดยนักเรียน

เช่นตอนลูกอับราฮัมคนสุดท้องถูกพี่ๆจับโยนลงบ่อน้ำร้าง

แล้วตอนหลังก็กลับมาแก้เผ็ดพวกพี่ๆ

แสดงกันเป็นตอนๆ ระหว่างตอนก็จะมีการแสดงคั่น

จำได้อีกว่า บิ๊ก บุรินทร์ เคยขึ้นไปเซิ้งกระติ๊บข้าว ด้วยง่ะ
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: Lion King ที่ สิงหาคม 21, 2007, 03:56:55 PM
มี ๆๆ ยืนยันตามที่กานต์บอก รู้สึกจะป็นงานวันคริสมาสต์นะ
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ สิงหาคม 21, 2007, 08:43:47 PM
จำได้แต่ว่าช่วง ป.4-ป.6 มันบ่มีนะ
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: sahai ที่ สิงหาคม 22, 2007, 12:25:42 AM
ตั้งเวทีกลางสนามฟุตบอลเลย
มีพวกเล่น อังกะลุง ด้วยนะ
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ สิงหาคม 22, 2007, 08:43:28 PM
ครับ...ช่วงนี้วุ่นๆ นิดหนึ่งขอพักชั่วคราวนะคร๊าบพี่น้อง
เขียนไม่ออกอ่ะนะ ???
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ สิงหาคม 24, 2007, 09:45:41 AM
ข้าวกลางวันตอนประถม ขนมปังหวาน + แฟนต้าน้ำองุ่น อร่อยที่ซู๊ดดดดดดด
ส่วนของผม ข้าวนึ่ง จิ้นทอด 2 ไม้ สุดยอดแว้ว

ยกเว้นก็แต่หนมจีนน้ำยา มื้อกลางวันที่หอ โอ้ว...พระเจ้าช่วยกล้วยทอด
ถ้าไม่มีมาม่าหมูสับตูจะมีชีวิตรอดมั๊ยละนั่น

โดยเฉพาะมื้อดึกนะ มาม่าหมูสับเติมด้วยข้าวสวยชืดๆ
แล้วมาลงข่วงกันสุดยอดเนอะจารย์เนอะ
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: กระบี่อยู่ที่ใจ ที่ สิงหาคม 24, 2007, 04:03:50 PM
ข้าวกลางวันตอนประถม ขนมปังหวาน + แฟนต้าน้ำองุ่น อร่อยที่ซู๊ดดดดดดด

จำได้ว่าข้าวกลางวัน เคยผูกปิ่นโตเจ้าไหนไม่รู้ที่ต้องไปนั่งกินที่หน้าน้ำพุ ที่มีรูปปั้นนักบุญหลุยส์

ตรงประตูทางเข้าโรงเรียน รู้สึกว่าข้าวคลุกกะปิ จาอาร่อย
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ สิงหาคม 25, 2007, 08:56:37 AM
นอกเรื่องนอกราว และม่ายได้เขียนต่อไปหลายวัน
เอ้ามาต่อกันดีก่านะ

ความทรงจำในชั้น ป.5 ยังมีอีกเรื่องที่ผมยังจำมาถึงทุกวันนี้นั้นก็คือ

จำได้ว่าชั่วโมงศิลปะครูผู้หญิง(ขออภัยที่ผมจำชื่อไม่ได้แล้ว)
ได้ให้งานมาในหัวข้อให้ใช้จินตนาการเรื่องโลกของเรา
แล้วผลงานที่สวยครูจะส่งเข้าประกวดในงานฤดูหนาวของจังหวัด
โอ้ว...แม่เจ้างานศิลปะกับผมช่างถูกโรคกันจริงๆ
อืม...แล้วตูจาวาดรูปอะไรดีอ่ะ T0T
กลับหอพัก นั่งคิด นอนคิด อืม...
ในที่สุดตัดสินใจวาดฉากสงครามกลางเวหารบด้วยเครื่องบินสุดอลังการ
ปรึกษากับจารย์โกยในสมัยนั้นชอบสะสมหนังสือ สงคราม สมรภูมิ เต็มไปด้วยรูปเครื่องบิน เจ๋งแน่ๆ
วาดรูปพร้อมระบายสีอย่างสวยงามในสายตาผม
ให้เด็กรุ่นน้องที่หอพักช่วยกันละเลงสีอย่างหนุกหนาน
ออกมาช่างสมใจนัก ส่งงานให้ครู อย่างหวาดกลัวว่างานนี้จะได้สักกี่คะแนน
จากนั้นผมก็ไม่ได้สนใจอะไรอีกเลย

เวลาผ่านไปจนขึ้นปีใหม่ เสียงเจ้าเพื่อนสนิท kitti แว่วมา
"เฮ้ย...เก่งๆ นายไปดูที่บอร์ดหรือยัง"
"ทำมายง่ะ"
"ก็งานวาดรูปนายที่ส่งครูอ่ะ ครูเค้าส่งเข้าประกวดด้วยได้รางวัลที่ 2 อ่ะ"
รีบวิ่งไปดูที่บอร์ด โอ้ว...พระเจ้าช่วยกล้วยทอด
งานของผมปรากฏอยู่บนบอร์ดจริงๆ แล้วมีโบว์ติดว่าได้ที่ 2
แบบนี้ตูก็ต้องได้รางวัลด้วยดิ รีบไปหาครูเพื่อรับรางวัล

 :-[ "เอ...เมื่อวานมีเพื่อนเธอมารับไปให้แล้วนิ" เสียงครูแว่วมา -*-  >:(

ครายเอารางวัลของผมไปเอามาคืนผมด้วย
ผ่านมาเกือบ 30 ปีแล้วผมยังไม่รู้เลยว่ารางวัลที่ผมได้หน้าตาเป็นยังไงอ่ะ
>:(
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ สิงหาคม 25, 2007, 09:01:29 AM
 >:( >:( >:(

ปล. งานนี้ผมอยากรู้ตัวผู้สวมรอยรับรางวัลของผมไปจริงๆ นะ

ครายรู้หรือจำได้ว่าครายสวมรอยรับรางวัลผมไปสารภาพมาซะดีๆ

 >:( >:( >:(
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: sahai ที่ สิงหาคม 26, 2007, 04:33:38 PM

ความทรงจำในชั้น ป.5 ยังมีอีกเรื่องที่ผมยังจำมาถึงทุกวันนี้นั้นก็คือ

จำได้ว่าชั่วโมงศิลปะครูผู้หญิง(ขออภัยที่ผมจำชื่อไม่ได้แล้ว)

" นมเยาวนิจ ใหม่สดเสมอ ขาวข้นหวานมัน "
จำเพลงนี้ได้รึปล่าวครับ
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ สิงหาคม 26, 2007, 09:01:32 PM
ช่ายแล้วนึกออกแย้วจิน มายกะปิตัน จำสับสนกับครูเยาวพันธุ์คนสวยสมัย ม.ต้น
เลยม่ะค่อยแน่จายอ่ะนะ ขอบคุณงามๆ คร๊าบพี่น้อง
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ สิงหาคม 26, 2007, 09:02:33 PM

ความทรงจำในชั้น ป.5 ยังมีอีกเรื่องที่ผมยังจำมาถึงทุกวันนี้นั้นก็คือ

จำได้ว่าชั่วโมงศิลปะครูผู้หญิง(ขออภัยที่ผมจำชื่อไม่ได้แล้ว)

" นมเยาวนิจ ใหม่สดเสมอ ขาวข้นหวานมัน "
จำเพลงนี้ได้รึปล่าวครับ
ว่าแต่ว่าเพลงนี้มีที่มาอย่างไรอ่ะ
 สมัยนั้นผมเป็นเด็กบ้านนอกไม่ค่อยรู้ประสีประสาอะไรอ่ะครับ
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: อุเทน47 ที่ สิงหาคม 26, 2007, 09:41:06 PM
 ;D ผมจำได้ว่า มีน้าเป็นเพื่อนกับ พงษพัฒน์ วชิรบรรจง ที่เป็นดาราและผู้กำกับละครปัจจุบันนี้ เป็นเพื่อนร่วมรุ่นกันในสถาบันแห่งหนึ่ง...(ไม่ขอสงวนนาม)
 สมัยนั้นยังเป็น วิทยาลัยพละศึกษา จ.เชียงใหม่ อยู่ (ปัจจุบัน... สถาบันการพละศึกษา วิทยาเขตเชียงใหม่)
น้าสาสาวเคยมาสอนร้องเพลงว่า ...

นมตราพะ..ละ ใหญ่และสด
ทุกๆ.. หยด...รส ดีเสมอ
นม...ตา พะละ ขาวข้น..หวานมัน

ผมยังไม่เข้าใจจนกระทั่ง...ไม่นานมานี้
ผมมีโอกาสได้เจอน้าสาวคนเดิม
....
....
คุณน้ามีลูกสาม สามียังรักใคร่ปรองดองดีมาก
และ...นมตราพะละ....ยังใหญ่อยู่เสมอ  ;D
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: Mor-Rim-Doi ที่ สิงหาคม 26, 2007, 09:43:56 PM
พวกบ้า....ลาม๊ก

มีรูปประกอบมั้ย?
แผล็บๆ
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ สิงหาคม 27, 2007, 09:27:48 PM
เริ่มจะนอกเรื่องนอกราวกันไปอีกล่ะ
เรื่องแบบนี้ยังมีอีกไว้ให้ถึงเวลาจะค่อยๆ แฉออกมาก็แล้วกันคร๊าบพี่น้อง

ผ่าน ป.5 ขึ้นป.6 ครูประจำชั้นพวกเราใครจำได้บ้าง
คนที่เข้ามาแล้วให้เรายืนอ่านหนังสือเรียงไปเรื่อยๆ
แล้วตัวมาสเซอร์ก็นั่งสัปหงกฟังพวกเราไปในยามบ่าย
ในยุคนี้เองที่พวกเราหลายคนได้รับคัดเลือกให้เป็นนักดุริยางค์รุ่นเล็ก
และมีพวกเราอีกหลายคนที่ได้พาสชั้นไปเป็นนักดุริยางค์รุ่นใหญ่
ยังจำคราวที่พวกเราต้องฝึกกันอย่างหนักในวันเสาร์-อาทิตย์
เพื่อไปประกวดที่สนามกีฬาเทศบาล เพื่อนที่หอพักทยอยกันออกจากวงดุริยางค์ไปทีละคนสองคน
จนมาวันหนึ่งเมื่อซ้อมเสร็จก็มีเหตุให้ผมต้องเดินกลับหอจากโรงเรียน
คิดดูครับจากถนนช้างคลานไปหมู่บ้านศิริวัฒนา หนอง< ตรู๊ด > โอ้ว...แม่เจ้า
โชคของเด็กหล่ายดอยคนนี้ยังมีเมื่อบังเอิญมีคุณครูสุดสวยของพวกเราในสมัยนั้น(สอนภาษาไทย)
ใครจำได้บ้างเอ่ย ขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านมาเห็นเข้า
เด็กหล่ายดอยก็เลยได้มีโอกาสซ้อนรถของคุณครูใจดีไปส่งถึงหน้าหมู่บ้านการเคหะ
พร้อมกับความทรงจำดีๆ ที่ได้มีโอกาสซ้อนรถคุณครูที่นอมอหญ่าย คริ คริ (สมัยนั้นยังเด็กครับไม่ได้คิดอะไรนะ)
มารู้ประสาเอาก็ตอนที่มีโอกาสได้รับการสั่งสอนจากเสี่ยหมอตอน ม.ต้น นั่นแหละครับ
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ สิงหาคม 27, 2007, 09:41:21 PM
แล้ววันที่ฟ้ากำหนดให้ผมต้องได้รับ bad note เป็นบาปบริสุทธิ์มาถึงในวันหนี่ง
เมื่อมีเหตุให้โรงเรียนต้องปิดต่อเนื่องประมาน 4-5 วัน
จำได้ว่าช่วงนั้นฝ่ายมัธยมปิดต่อเนื่อง 4-5 วัน แต่ประถมไม่ปิด
และบราเดอร์อันโตนิโอ ของพวกเราก็ได้สั่งให้มีการซ้อมวงขลุ่ยอย่างเข้มข้น
แต่มาสเซอร์ประเสริฐ เจ้าของหอนั้นได้ให้พวกเด็กหอกลับบ้านหมด
ผมเป็นเด็กหล่ายดอยไม่มีที่พักอื่นก็จำต้องกลับบ้านกับพวกพี่ๆ เขาไปด้วย
เมื่อเปิดเรียนก็มีการประกาศโทษนักเรียนที่ต้องขึ้นไปโชว์ตัวบนเวที
เหล่าบรรดาเด็กหอทั้งหมดก็ต้องขึ้นไปโชว์ตัวกันบนเวทีทั้งหมด
แต่ทำไมผมโดนสลักหลังสมุดพกอยู่คนเดียวว่า

Bad Note 9 หนีเรียนและไม่มาซ้อมขลุ่ย  ToT >:( :'(

พร้อมกับโทษนั้นก็คือไล่ออกจากวงดุริยางค์วงเล็ก
แต่ผมก็ได้รับโอกาสอันดีกลับมาโดยมาสเซอร์วินัย ผู้ควบคุมวงใหญ่
ท่านกรุณายื่นโอกาสให้ผมเข้าวงใหญ่ โดยเรียกผมไปพบที่ห้องดนตรีในวันเดียวกันนั้นเอง
เป็นความทรงจำดีๆ ที่ผมมีกับวงดุริยางค์ แต่ผมก็ไม่ได้ใช้โอกาสที่ผ่านเข้ามา
เพราะว่าที่หอพัก มาสเซอร์ประเสริฐ ท่านไม่สนับสนุน และที่บ้านผมเองก็ไม่สนับสนุนด้วยเหมือนกัน ToT
ไม่อย่างนั้นผมคงได้ไปร่วมงานกับเพื่อนๆ หลายคนที่ได้เป็นแชมป์โลกวงแรกของประเทศไทยในอีก หลายปีต่อมา

ยังมีเรื่องลูกเสือและการเดินทางไกลไปวัดพระธาตุดอยคำ
ที่พวกเราหลายๆ คนยังคงจำกันได้นะครับ
ผมขอเว้นไปเพราะมีกระทู้เหล่านี้อยู่บ้างแล้ว
จำได้ว่าหลายกลุ่มต้องกินข้าวไหม้ ไม่ก็ข้าวดิบ ไม่อีกทีก็แฉะไปเลย
หรือไม่ก็ได้กินทุกรสชาติในหม้อเดียวกันมาแล้ว
อย่างน้อยพวกเราก็เคยได้ชื่อว่ากินข้าวหม้อเดียวกันมาก่อนนะครับ ;D :laugh:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: korokoso ที่ สิงหาคม 27, 2007, 09:48:38 PM
แก่แล้วก้อรำลึกความหลังแบบนี้แหละว่ะ ทำมัยตรูจำอะไรช่วงนั้นไม่ได้เลยว่ะ
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ สิงหาคม 27, 2007, 09:49:35 PM
ยังมะแก่เฟ้ย ส่วนเอ็งนะอัลไซเมอร์แล้วรู้ตัวป่ะ  >:D
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: korokoso ที่ สิงหาคม 27, 2007, 09:51:20 PM
เสียจัย ตรูจำเบอร์+ไซด์ของเด็กๆได้หมด แล้วตรูจะอัลไซเมอร์ได้งัยฟะ 555 >:D
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ สิงหาคม 27, 2007, 09:52:17 PM
คร๊าบพี่ว่าแต่ว่า น้องmiyabi เมื่อไหร่พี่จะส่งให้กระผมซะทีอ่ะ :laugh:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: korokoso ที่ สิงหาคม 27, 2007, 09:53:31 PM
เอาน้อง"กินกะปิ"ไปก่อนป่ะ ได้เลยนะ
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ สิงหาคม 27, 2007, 09:54:57 PM
มะเอาคร๊าบอยากได้น้องมิยาบิ มะอยากได้น้องกินกะปิอ่ะ
ไอ้บ้า ตูจาเอามาทำมายฟ่ะ น้องกินกะปิอ่ะ
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: korokoso ที่ สิงหาคม 27, 2007, 09:56:05 PM
อ้าวววว นึกว่าชอบของคาว  ;D555
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ สิงหาคม 27, 2007, 09:56:47 PM
-*- เครียดเลยเพื่อนเครียดเลย
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: korokoso ที่ สิงหาคม 27, 2007, 09:59:28 PM
ดม"กะปิ"แล้วดู"มิยาบิ"พร้อมกับกิน"วาซาบิ"ดิ คาวเสียวเผ็ดดี 555
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ สิงหาคม 27, 2007, 10:01:16 PM
กรรม...เริ่มออกนอกเรื่องไปไกลอีกแว้ว
ไปต่อกันที่กระทู้น้องวาซาบิ เอ้ย มายกระปิ เอ้ย มิยาบิกันดีก่าว่ะ
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: korokoso ที่ สิงหาคม 27, 2007, 10:05:01 PM
โอเคไม่มีปัญหา แต่..................(ครายเอารางวัลของผมไปเอามาคืนผมด้วย
ผ่านมาเกือบ 30 ปีแล้วผมยังไม่รู้เลยว่ารางวัลที่ผมได้หน้าตาเป็นยังไงอ่ะ ) ไอ้ตอนที่เอ็งได้ที่ 2 อ่ะ ครั้งนั้นตรูได้ที่ 1 นะโว้ย เอ็งจำได้ป่ะ ของตรูเป็นรูปโลกใต้ทะเล ก้อทำด้วยกันกับเอ็งแหละ 555
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ สิงหาคม 27, 2007, 10:07:39 PM
ก็ช่ายอ่ะดิ แล้วที่ 1 ได้อะไรฟ่ะ
ของตูที่ได้ที่ 2 ไม่รู้เลยจริงๆ ว่าได้อะไร
อยากรู้อ่ะ อยากรู้

ครายเอาของผมไปช่วยบอกผมด้วยคร๊าบพี่น้อง
ไม่เอาเรื่องแล้วก็ได้ผ่านมาเกือบ 30 ปีแล้ว
ขอแค่สารภาพก็พอคร๊าบพี่น้อง >:(
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: korokoso ที่ สิงหาคม 27, 2007, 10:11:08 PM
ได้กระดาษประกาศเกียรติคุณ ตอนนี้ยังใส่กรอบอยู่ที่'หวันโลกเลยนะเนี้ย มึงจำได้ป่ะ ตั้งแต่นั้นมาตรูชอบศิลปะเลยง่ะ
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ สิงหาคม 27, 2007, 10:14:46 PM
เฮ้อ...ของตูแม้แต่กระดาษประกาศเกียรติคุณก็ยังไม่เห็น
นั่นแหละก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ตูเกลียดศิลปะ
เพราะทำให้ไม่แน่ใจว่าได้ที่ 2 จริงๆ หรือว่ามีใครเอาโบว์ที่ 2 มาแกล้งปะไว้ที่ผลงานของตู -.-"
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: korokoso ที่ สิงหาคม 27, 2007, 10:22:29 PM
หลังจากได้รางวัลนั้นมา ก้อตามล่าได้มาอีกหลายเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: กระบี่อยู่ที่ใจ ที่ สิงหาคม 27, 2007, 10:29:40 PM
รูปข้างบนนี่ มีนักเรียนมงฟอร์ตร่วมงานกับนาซ่า

ในตำแหน่งมนุษย์อวกาศด้วยเหยอ
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: korokoso ที่ สิงหาคม 27, 2007, 10:37:06 PM
เก่ง..มึงจำได้เป่าว่ะว่าไอ้หมีมันขาหักเพราะอะไร ตอนประถมน่ะ
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ สิงหาคม 27, 2007, 10:39:26 PM
ไม่ค่อยแน่ใจว่าจะเป็นแตะบอลกันที่สนามหน้าหอหรือหลังหมู่บ้านอ่ะนะ
คงไม่ใช่ที่โรงเรียนแน่ๆ เพราะมาสเซอร์เป็นคนเอามันไปใส่เฝือกอ่ะ
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: korokoso ที่ สิงหาคม 28, 2007, 10:49:49 PM
ตรูนึกออกแล้ว มันกระโดดแปลงร่างเป็นอะไรสักอย่างที่โรงเจหลังโรงเรียนงัย ใช่ป่ะว่ะ???
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ สิงหาคม 29, 2007, 09:29:20 AM
จำมะค่อยได้แล้วเหมือนกันว่ะ
เพราะไอ่หมีมันหักหลายรอบหง่ะ ???
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ กันยายน 13, 2007, 09:44:52 PM
หายไปนานทั้งเวปร่วงและภาระกิจรัดตัว
แล้วจะมาต่อให้นะครับ ช่วงนี้โทษทีที่หายตัวไป :laugh:
และนอกเรื่องไปกับหนานโกยซะหลายข้อความทีเดียวครับ
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: นิชคุณ ป๋ายดอย ที่ ตุลาคม 08, 2007, 11:12:57 AM
มึงน่าจะเล่าเรื่องสมัยตอนอยู่หอมั่นศิลป์ด้วยนะเก่ง...ว่ามึงผจญวิบากกรรมอย่างไรตอนเล่นกันหลังอาหารเย็น ที่เค้ารุมเอาลูกปิงปองโจ่งใส่น่องคิงอ่ะ...555
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ ตุลาคม 08, 2007, 05:37:42 PM
จำได้ครับอ้ายเนิน  :-X คนอื่นมีตั้งเยอะเสือกบ่ฮ้อง ฮ้องก่าฮาคนเดียวหาตายหยังก่อบ่าฮู้บ่ะ
เล่นเมื่อใดฮาโดนตลอด แต่อย่างน้อยลูกรอดหว่างน่องแล้วโดนอีกรอบยาก
บ่เหมือนอ้ายรถถัง ขานั้นโดนขว้างเมื่อใด โอกาสโดนขว้างซ้ำสูง
เพราะน่องดันไม่ชิด ขามันโก่ง :laugh:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: korokoso ที่ ตุลาคม 08, 2007, 06:50:52 PM
ลอด 5 คา 10 โว้ยยยยย 555 :laugh:
ปล.ตรูก้อหนึ่งในพวกรุมมรึงเหมือนกัน  >:D
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: PingTherdsak ที่ ตุลาคม 09, 2007, 11:30:26 AM
ไอ่พวก...หมู่ เห็นคนอื่นโดนรุมแกล้งแล้วสะใจ
พวกมงฟอร์ตเป็นกันอย่างนี้ทุกห้องเลย..ฮาว่านะ
โยนลูกปิงปองแล้วเรียกชื่อนี่แหละฮาจ๋ำได้
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: นิชคุณ ป๋ายดอย ที่ ตุลาคม 11, 2007, 06:26:17 PM
ปกติผมไม่สะใจนะ ตาเทิด...อย่ามาว่าแบบนี้เด๋วผมจะฟ้องข้อหาหมิ่นฟุตบาท...สมัยเด็กๆ ผมว่า ไม่มีใครน่าแกล้งไปกว่าไอ่เก่งหัวบะเต้า ลูกลุงเอี่ยมเกีย แล้วล่ะครับ...แต่ส่วนดีมันก้อมีนะ ไอ่เก่งเป็นคนมีน้ำใจ...แบ่งขนมให้พวกเพื่อนที่หอกินอย่างสม่ำเสมอ...แท้งค์กิ้วหลายๆ เว้ยเก่ง...
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ ตุลาคม 12, 2007, 12:08:20 PM
ใคร่จังก่อจังบ่าลง ใคร่ฮักก่อฮักบ่าได้มันผิดธรรมชาติ บ่าฮ้าปันต๋ายนี่
ตบหัวแล้วมาลูบหลังฮา วันที่ 19 เจอกันเพื่อน
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: นิชคุณ ป๋ายดอย ที่ ตุลาคม 12, 2007, 01:14:09 PM
โอเค 19 นี้ ไปแฮปปี้เบิ๊ดเด่ เจ้าโทนี่ กัน เจอกันที่วัด ตอนทุ่มนึงเน้อ...
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: donggy ที่ ตุลาคม 12, 2007, 01:15:49 PM
ฮาจะบอกบ่าโทนี่ฮือมานั่งกินเลี้ยงกับคิงคนเดียวเน้อ บ่าฮาเนิน
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ ตุลาคม 12, 2007, 03:06:37 PM
ครับอ้ายด้องจะไปลืมบอกบ่าโทนี่เน้อ
ส่วนกระผม ถ้าเป็นจะอั๋นคงต้องบาย เ :-X ๊ยะล่ะก่า
ถ้าอ้ายโทนี่เปิ้นมาแต้ ก่อตัวใครตัวมันละเน้อ :laugh:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: นิชคุณ ป๋ายดอย ที่ ตุลาคม 13, 2007, 11:52:56 AM
ดีนะว่า อ้ายเนินบ่ค่อยสนิทกะอ้ายโทนี่...ไม่งั้น คงจะ...บรื๋อส์..
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ พฤศจิกายน 15, 2007, 09:01:01 PM
ห่างหายไปนาน ไม่รู้ว่ายังอยากฟังผมเล่าต่อหรือปล่าว
เอาเป็นว่าผมทำเป็นบันทึกความจำเอาไว้ต่อไปก็แล้วกันนะครับ

จาก ป.6 ถึง ม.1 ไม่มีอะไรที่เป็นกรณีพิเศษ นอกจากว่าเมื่อขึ้น ม.1 ก็มีเพื่อนใหม่จาก ป.6/2 เข้ามาปนอีกครึ่งห้อง
หลายคนที่ยังติดต่อกันจนถึงวันนี้ หลายคนที่ห่างหายกันไป ส่วนชีวิตเด็กหอของผมมันก็เรื่อยๆ ไม่มีอะไรแปลกใหม่

จนเมื่อขึ้น ม.2 ก็มีกรณีที่เพื่อนหลายคนยังคงจะจำกันได้ดี สำหรับชาว 302/27
นั่นก็คือ กรณีประตูหน้าประตูหลัง
จุดเริ่มต้นจะเป็นอย่างไรผมเองก็จำไม่ได้รู้แต่ว่ามีส่วนร่วมกับเขานิดเดียวก็คือเข้าไปร่วมจับต้องกับเขานิดเดียวเท่านั้นจริงๆ ครับ
ส่วนเหยื่อในเหตุการณ์นั้นก็คือ หนูเม้า หรือ สมบัติ ชาวชะไว ของพวกเรา
จำได้ว่าเพื่อนๆ เกือบค่อนห้องต้องลงไปเขียนคำรับสารภาพกับ ม.อนันต์ อาจารย์ประจำชั้นของพวกเรา
ผมเองก็เกือบรอดแล้วถ้าไม่ดันทะลึ่งร้อนตัวไปถามเพื่อนที่ไปเขียนคำสารภาพที่ทะยอยกันขึ้นมา
จน ม.สมบูรณ์ ก็จัดให้ตามความต้องการคือ เอ็งลงไปเขียนซะป่ะถามอยู่ได้ ToT ซวยไปจริงๆ ครับ  :'(

อีกกรณีในชั้น ม.2 นี้ที่ผมจำได้ก็คือการได้อ่านหนังสือนอกเวลาก็ท่านหมอริมดอยในช่วงพักสิบในห้องเรียน
แล้วคราวซวยก็มาเยือน เมื่อบังเอิญให้ ม.สมบัติ (ที่สอนวิชาพละ) ดันผ่ามาสอนแทนในคาบถัดไป
แล้วแกก็เข้ามาก่อนเวลาในห้องซึ่งก็จะเอ๋ กับพวกผมพอดี หนังสือนอกเวลาของท่านหมอก็เลยถูกยึดไป
พร้อมกับการสอนของ มาสเซอร์เพียงขึ้นเวลา แล้วปล่อยให้พวกเราอ่านหนังสือกันเอง
แล้วมาสเซอร์ลุกออกจากห้องไป พร้อมกับสอดหนังสือนอกเวลาของท่านหมอเข้าในกองหนังสือที่แกเตรียมมาด้วย
บอกกับพวกเราให้อ่านหนังสือไปจนหมดคาบ แกจะไปเข้าห้องน้ำ  :laugh:
ส่วนผมกับท่านหมอก็ได้แต่สบสายตากันแบบยิ้มๆ >:D
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ พฤศจิกายน 15, 2007, 09:13:00 PM
อีกสักกรณีสำหรับช่วง ม.2 ที่จำฝังใจก็คือ....

มีเหตุให้ผมกับเด็กชายปลาวาฬ ต้องมีเรื่องผิดใจกันด้วยสาเหตุใดผมจำไม่ได้ซะล่ะ
เพื่อนพอจะได้หรือปล่าวคร๊าบ เอาเป็นว่าระหว่างที่คลุกวงในกันอยู่ พร้อมกับเสียงเชียร์และเสียงฝีเท้าเพื่อนๆ ที่เข้ามามุง
อยู่ๆ คุณสงกรานต์ก็ตะโกนออกมาว่า "เฮ้ย...หยุดก่อน บ่ะต๊าเตื้อ..."
ผมก็หยุดและ งง ว่าเกิดอะไรขึ้น "สายนาฬิกาฮาหลุด...ฮาขอถอดนาฬิกาก่อน"
โอ้ว...แม่เจ้า ผมได้แต่ยืนตะลึง และเมื่อสงกรานต์ถอดนาฬิกาเสร็จก็กวักมือเรียกให้ผมไปคลุกวงในกันต่อ
แต่เพื่อนหลายคนก็เข้ามาล๊อคตัวทั้งผมและสงกรานต์เอาไว้
ขอสารภาพเลยนะครับว่า......
จริงๆ ผมน่ะเลือกที่จะเลิกคลุกวงในต่อตั้งแต่ได้ยินคำว่า "บ่ะต๊าเตื้อ สายนาฬิกาฮาหลุด" แล้วล่ะครับ
มันอยากจะลงไปนั่งหัวเราะมากกว่าซะแล้วตอนนั้นอ่ะ :laugh:
ก็คนกำลังคลุกวงในกันอย่างไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร พวกดันทะลึ่งผลักผมออกแล้วบอกว่า "บ่ะต๊าเตื้อ" ^_^
ไม่ว่ากันนะเพื่อนยังพอจะจำได้หรือปล่าวหว่า... :laugh:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: Mor-Rim-Doi ที่ พฤศจิกายน 16, 2007, 08:20:42 PM
ข้าพเจ้าจำได้เรื่องโดนยึดหนังสือโป๊
เจ็บใจมาก เพราะ
1.ยังอ่านไม่จบ
2.อดขายต่อ (ลูกค้ารอซื้ออยู่แล้ว)

ส่วนเรื่อง "บ่ะต๊าเตื้อ..."
ถ้ากับเพื่อนนี่ จำไม่ได้ครับ
แต่กับภรรยาแล้ว  ได้ยินบ่อย
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ พฤศจิกายน 16, 2007, 10:03:44 PM
ข้าพเจ้าจำได้เรื่องโดนยึดหนังสือโป๊
เจ็บใจมาก เพราะ
1.ยังอ่านไม่จบ
2.อดขายต่อ (ลูกค้ารอซื้ออยู่แล้ว)

ส่วนเรื่อง "บ่ะต๊าเตื้อ..."
ถ้ากับเพื่อนนี่ จำไม่ได้ครับ
แต่กับภรรยาแล้ว  ได้ยินบ่อย
ที่ว่ากับภรรยาได้ยินบ่อยนี่ เสี่ยหมอ หรือว่าเสี่ยบ๊วยล่ะคร๊าบ

เรื่องหนังสือที่อ่านไม่จบก็น่าเสียดายเหมือนกันเนอะ
จำได้ว่าเพิ่งจะเปิดอ่านกันไปได้ไม่กี่หน้าเองอ่ะ ToT  :laugh:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ พฤศจิกายน 30, 2007, 10:47:59 PM
เดี๋ยวขอเวลาอีกรอบจะมาต่อ ม.3 ให้ครับ ขอเวลานึกสักหน่อย
ม.3 นี่มันมีหลายกรณีมากๆ ทั้งเรื่องที่ถูกกระทำ และกระทำกับคนอื่น ไว้บ้าง
โดยเฉพาะคู่กรณีผมมีหลายคน
ยังจำวันที่ต้องถูกพวกเฮียและเสี่ยหมอ จับถอดกางเกงได้ครับที่ซอกตึกหลังห้องดนตรีไทยครับ
ยังมีเรื่องที่ไปทำรายงานกับเสี่ยบาย แล้วถูกหลอกอีกครับ
ไม่รู้ว่าเล่าแล้วมันจะเข้าข่ายประจานตัวเองไปด้วยหรือปล่าวอ่ะคร๊าบ ToT
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ ธันวาคม 07, 2007, 10:28:08 PM
เรื่อง ม.3 นี่วีรกรรมของหมู่เฮาก่อใช่ย่อยนะ
เฉพาะ 302 ก่อแล้วกั๋นเน้อ
ตั้งแต่เรื่องท่านผู้จัดการอารยะ อ้ายแม็ค เสี่ยอ๋า เทวินทร์ และท่านกุณฑี รวมหัวกั๋นเผาโต๊ะเล่นก่อเรื่องหนึ่งล่ะ
เสียดายที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์

เรื่องต่อมาก่อที่ได้อู้กั๋นไปบ้างแล้วกรณี เคาะล่องป้อคิงกา ของท่านบอย พงศ์ธาดา และน้าเก๋
ที่ ม.เรวัติ ได้บอกต่อมาว่า บอกป้อคิงเปลี่ยนจื่อห้องเป็นห้องสันทนาการ :-X ะป่ะ
วันต่อมาชั่วโมงเลข เฮียหรือน้าเก๋ นี่แหละ ที่ทำป้ายไปปิดไว้หน้าห้อง ตรงที่ชั้น ม.3/2 พอดีว่า ห้องสันทนาการ
อันเป็นเหตุหื้อทั้งห้องต้องลงไปวิ่งเล่นรอบสนามบาส ยกเว้นก่อแต่ผมกับท่านสงกรานต์ เพราะ เลขที่ 15 กับ 30
ต้องอยู่จ่วยมาสเซอร์เรียงการบ้าน ผมได้แต่ชะเง้อคอดูเพื่อนๆ วิ่งด้วยความอิจฉา
จนมาสเซอร์หมั่นไส้ บอกว่า คิงใคร่วิ่งกับเขากา ไปเลยลงไปวิ่งกับเปื้อนคิง :-X ะป่ะ
พอมาสเซอร์ พูดไม่ทันขาดคำ ผมรีบวิ่งลงไปด้วยความยินดี
แต่กลับได้ยินเสียงถามมาจากเพื่อนๆ ที่กำลังวิ่งอยู่จำไม่ได้ว่าเป็นใคร
ตะโกนถามมาว่า เฮ้ยมาสเซอร์หื้อคิงมาฮ้องขึ้นห้องแล้วกา
พอผมบอกว่า บ่ใจ๋ฮาลงมาวิ่งกับหมู่สูน่ะ
ก็ได้ยินเสียงปรบมือกันอย่างครื้นเครง เย้ \o/
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ ธันวาคม 07, 2007, 10:39:56 PM
ไหนๆ ก็พูดถึงวิชาเลขแล้วก็ขอเล่าต่อไปอีกหน่อยก็แล้วกัน
สมัยนั้นใครลอกการบ้านเลขผมยกมือขึ้น
จำได้ว่าหลายคนเลยนะนั้น
เสี่ยบอยนี่ขาประจำเลยล่ะ การบ้านผมเสร็จต้องให้เสี่ยบอยลอกเป็นคนแรก
เคยขัดขืนอยู่ครั้งหนึ่งด้วยความปรารถนาดีอยากให้เพื่อนหัดทำการบ้านเอง
ผลที่ได้รับ ผมถูกอัดอยู่หลังห้องคร๊าบ ยังจำประโยคอมตะวาจาได้ดีคร๊าบ
คิงจะหื้อฮาลอกการบ้านก่อ
อื้อ... ผลัวะ
ว่าใด การบ้านแล้วล่ะยังคิงจะ :-X ้อฮาลอกก่อ
อื้อ... ผลัวะ
สรุปจากหน้าห้องถึงหลังห้อง จำไม่ได้ว่าโดนไปกี่ที
ผลสุดท้ายลงไปกองที่หลังห้อง
พร้อมกับว่า แลงนี้คิงไปเอาที่หอก่อแล้วกั๋น... :'(
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: sahai ที่ ธันวาคม 08, 2007, 12:02:38 AM
แลงนี้คิงไปเอาที่หอก่อแล้วกั๋น... :'(

มาจ้วยขยายความ เตือนความจำกันหน่อย
หอมั่นศิลป์ของเก่ง หล่ายดอย
อยู่ในหมู่บ้านเดียวกับบ้าน บอย พงษ์ธาดา ครับ
หัวข้อ: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: อุเทน47 ที่ ธันวาคม 08, 2007, 06:29:30 PM
 ;) อยู่ในหมู่บ้านเดียวกับบอยจริงๆครับ ผมขอยืนยัน เก่งหล่ายดอยต้องกล่ำกลืนฝืนใจให้ลอก..การบ้าน อย่างเสียไม่ได้ จะหนีไปไหนก็ไม่พ้น หอดันอยู่หมู่บ้านเดียวกับบอย 555  :laugh:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: sahai ที่ ธันวาคม 09, 2007, 02:14:17 PM
เวรกรรม ทำบุญร่วมกันมา  ;D
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ ธันวาคม 09, 2007, 10:45:32 PM
ท่าจะแต้ล่ะว่ะ :'(
ขอเวลาไปเรียบเรียงความคิดอีกนิด แล้วจะมาต่อให้คร๊าบ
วีระเวรเยอะนะเรา 302/27 เนี้ยะ :laugh:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ ธันวาคม 10, 2007, 08:49:31 PM
จบเรื่องราวระหว่างผมกับท่านบอยไป
แต่ยังมีเรื่องประทับในความทรงจำของผม เรื่องของบอยอีกเรื่องหนึ่ง
ไว้ผมจะเล่าให้ฟังเมื่อเรื่องไปอยู่ที่ ม.4

มาต่อเรื่องที่ผมโดนกระทำต่อกันดีกว่า
เรื่องก็มีอยู่ว่าวันหนึ่งในช่วงพักเที่ยง จำได้ว่าผมก็บังเอิญเดินผ่านไปที่ห้องดนตรีไทย
ไปเลียบๆ เคียงๆ ดูไปอย่างนั้นแหละ
ก็บังเอิญเหลือเกินที่ว่าพวกเฮีย เสี่ยหมอ อ้ายบอย(สหรัฐ) อ้ายชิน ตลอดจนเพื่อนร่วมก๊วนในขณะนั้น
กำลังทำตัวลับๆ ล่อๆ อยู่บริเวณระเบียงด้านท้ายตึก คาดว่าคงทำการอะไรอย่างใดอย่างหนึ่งอยู่
ด้วยความอยากรู้อยากเห็นของเด็กในสมัยนั้นว่าเพื่อนๆ กำลังสุมหัวทำอะไรกันอยู่
ก็เดินเข้าไปถามว่า เฮ้ย หมู่สูทำอะหยั่งกั๋นอยู่ว่ะ
เสียงเฮียก็แว่วเข้ามาในโสตประสาทว่า คิงใค่ฮู้ก็เข้ามาดูนี่ดิ
ด้วยความเดียงสาในสมัยนั้น ตลอดจนไม่คิดว่าเพื่อนจะทำกันได้
ผมก็เดินเข้าสู่กับดักอย่างง่ายดาย
เฮ้ย ไอ่รัฐคิงกำแขนมัน ไอ่หมอจับขามันไว้ ไอ้ชินอุดปาก :-[
มานจาทำอารายตูฟ่ะ






















ผลที่ตามมา.... ToT 


























ผมถูกจับปล้ำถอดกางเกงคร๊าบ :'(
หัวข้อ: Re: วันหนึ่งที่บวกครก
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ ธันวาคม 10, 2007, 09:05:53 PM
เรื่องตะกร้อ กับ การประท้วงผมขอเว้นไปแล้วกันนะ เพราะได้เล่าไปแล้วในกระทู้อื่นแล้ว

หลังจากเมื่อตอน ม.2 ได้รับการเรียนนอกตำราจากอาจารย์ หมอริมดอย ไปแล้ว
ผมก็หาโอกาสได้รับการศึกษาเพิ่มเติม แต่ความที่อยู่หอ ทำให้การศึกษาในเรื่องนี้เป็นไปด้วยความลำบาก
จนกระทั่งมีเหตุการณ์หนึ่งที่ผมต้องจำไว้จนวันตายกับภาพติดตา
ณ บ้านบวกครก บ้านของท่านเกียรติชาย บริบาลบรรพตเขต
ผมจำชื่อนี้ได้ขึ้นใจ ตลอดจนสถานที่เกิดเหตุได้อย่างแม่นยำ
เป็นอีกครั้งที่ผมมีโอกาสได้รับการศึกษาหนังสือนอกตำรา และเรื่องที่อยู่ในความทรงจำ
เมื่อมีเหตุให้ผมต้องไปทำรายงานร่วมกับ ปูด ชาย บาย และ ขอบ แก็งค์เล็กๆ อีกแก็งค์ ใน 302/27

ครั้งนั้นผมเองก็จำไม่ได้แล้วว่าเป็นรายงานวิชาอะไร
แต่ที่แน่ๆ หนังสือนอกตำราของท่านชายเยอะมาก
แล้วก็เปิดโอกาสให้ผมได้ศึกษาได้ตามใจชอบ
ด้วยความที่ทุกอย่างก็เปิดโอกาสให้ แล้วผมก็อีกแล้วไว้ใจเพื่อนครับ
ขณะที่ผมกำลังศึกษาพร้อมทั้งกำลัง... ไปด้วยในห้องน้ำบ้านท่านชาย
ด้วยความรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไป เนื่องจากเสียงพูดคุยเงียบลง
ตลอดจนความรู้สึกว่าเหมือนมีใครกำลังมองอยู่
สายตาของผมก็ชำเลืองขึ้นไปที่ขอบกำแพงห้องน้ำ
โอ้ว...มายก็อด สายตาสี่คู่จ้องเป็งลงมาอย่างใสแจ๋ว
เออ...






ขออภัยเพื่อนผู้หญิงที่หลวมตัวอ่านมาถึงตรงนี้ครับ ที่เรื่องเล่าติดเรท.... :laugh:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: korokoso ที่ ธันวาคม 13, 2007, 09:27:04 AM
ทำไปด้ายยยยยยย................ :laugh:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: อุเทน47 ที่ ธันวาคม 13, 2007, 12:24:13 PM
วีรกรรมเยอะจริงๆ น้าเก่ง แต่ส่วนใหญ่จะเป็นฝ่ายถูกกระทำนะ น่าสงสารจัง  ;D
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ ธันวาคม 19, 2007, 08:20:37 AM
อย่างที่น้าเก๋พูดแหละนะ ว่าวีรกรรมมันเยอะ คู่กรณีก็เยอะ
โดยเฉพาะที่หอ ถ้าเล่าเดี๋ยวมันจะพาดพิงถึงคู่กรณีหลายคน
ส่วนของที่หอเอาเป็นว่าขอเก็บไว้ในความทรงจำดีกว่า
 :laugh: :angel: :laugh:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: korokoso ที่ ธันวาคม 19, 2007, 03:24:35 PM
อารายว่ะ เล่าเรื่องที่หอด้วยดิ.......เพราะตรูจำอะไรไม่ค่อยได้เลยง่ะ จำได้แต่ขาวๆอวบๆขาวๆอวบๆ  >:D กับ"ผีไอ้ตาล"
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ ธันวาคม 19, 2007, 08:52:13 PM
อืม...หรือว่าจบเรื่องนี้แล้วค่อยเป็นเรื่องเล่าจากชาวหอต่อดีป่ะ
มาช่วยๆ กันเติมเต็มความทรงจำที่ขาดหายไปด้วยกัน
เพื่อนๆ ชาวหอคิดว่ายังไงดีล่ะคร๊าบ
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: นิชคุณ ป๋ายดอย ที่ ธันวาคม 20, 2007, 02:03:00 PM
อย่าให้กูเล่าเลยนะไอ้เก่ง...เรื่อง สมัยหอมั่นศิลป ของแต่ละคน  ฮาจำได้ไม่มีผิดเพี้ยน...และมักจะเป็นเรื่องเฮียๆ ของแต่ละคนซะด้วย...โดยเฉพาะเรื่องของมึง...ดังนั้น...ถ้าไม่อยากจะถูกแฉให้ล่อนจ้อนกลางเวปบอร์ดนี้  เหล้าเบล็กสักขวด...ส่งตรงจากจอมทองฝากรถเหลืองถึง ผจก. ใหญ่ โรงงานแท้งค์น้ำตราเพชร...ก่อนรุ่งสางของวันที่ 29 ธันวาคม 2550 นี้...มิเช่นนั้น...หุ หุ หุ...จะมีโครงการจับมือกับพันธมิตร จากอุดดิต บ่าปุ๊ย กิตติ มาแฉ คิงให้เละเป็นโจ๊ก...
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ ธันวาคม 20, 2007, 08:20:47 PM
เอาก่อเอาว่ะ ใคร่ฟังเรื่องเล่าของคิงเหมือนกั๋นว่ะ
ถ้าจะมันส์ดีนะ :laugh:
ฮาจะได้ฮู้เบื้องลึกเบื้องหลังที่หมู่คิงทำอะหยั่งกับฮาไว้
ปริศนาคาใจมานานแล้ว โดยเฉพาะเรื่องอ้ายวิน กำแพงดิน ที่อ้ายโอภาส 305/27
ปามาไถ่เงินฮา เพราะโอภาสมันสารภาพมาใน Friend Ship แล้ว
อยากฮู้ว่าใครเป็นต้นคิด หรือว่าคิงจะอยู่เบื้องหลังกรณีนี้
สารภาพ แล้วยก gold หรือ blue lebel สักขวดมาขอขมาจะยกโทษทั้งหมดที่ได้ล่วงเกินให้
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: korokoso ที่ ธันวาคม 21, 2007, 09:21:16 AM
 :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ มกราคม 08, 2008, 08:25:18 PM
เพื่อนทั้งหลายยังจำข้าวหน้าโรงเรียนได้หรือปล่าวครับ
ที่ว่าพวกเราต้องจดรายการตอนพักสิบช่วงเช้า
เพื่อที่จะได้โยนรายการอาหารให้ร้านหน้าโรงเรียน
หลายคนคงได้เคยลิ้มชิมรสกันมา เนื่องด้วยว่าข้าวโรงอาหารของพวกเรามันรสชาติ ม.ม.ด. จริง
ทำให้พวกเราต้องปฏิบัติการณ์เย้ยบราเดอร์ ด้วยการสั่งซื้อข้าวหน้าโรงเรียน
กิจกรรมดังกล่าวเป็นไปได้ด้วยดีมาตลอด
จนกระทั่งวันหนึ่งที่พวกเราต้องอดกันมาถึงเมื่อบราเดอร์สืบทราบและย้อนรอยมาดักชิงอาหารกลางวันของพวกเราไป
ยังจำวันนั้นได้ดีครับ เพราะกำลังรออาหารมาส่งอยู่ ก็มีคนมาสะกิดข้างหลัง
ก็บอกไปว่า ยังไม่มา รอแป๊ปหนึ่ง ก็ได้รับการสะกิดอีก
เมื่อหันไปดูก็ต้องรีบยกมือไหว้ แล้วเดินหลบไป ให้บราเดอร์รับถุงข้าวกล่องสามัคคี  :-\
แล้วเดินจากไปเข้าห้องพักอธิการ เฮ้อ...  :'(
ไอ้คนไหนดูต้นทางตอนนั้นนะ สารภาพมาโดยพลันครับ >:(
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ มกราคม 13, 2008, 04:12:45 PM
จากการที่ได้เจอเนิน เมื่อวานนี้ยอมรับแล้วว่าเนินมีความจำเกี่ยวกับเพื่อนชาวหอได้ดีกว่าผมจริงๆ
เนิน คิงมาตั้งกระทู้เผาเพื่อนชาวหอเหอะว่ะ  ยกให้เป็นหน้าที่คิงไปเลยดีกว่า
แล้วฮาจะช่วยเสริมให้ด้วยช่วยกันดีป่ะ  ;)
เพราะเพื่อนบ้างคนฮาเองก็ลืมๆ ไปบ้างก็มีว่ะ
ยั่งเมื่อวานที่คิงพูดถึงไพศาล ถ้าคิงบ่อู้ออกมาฮายังลืมไปเลยนะนั่น
หรือแม้แต่เรื่องเสี่ยโด่งที่ย้ายไปต่อที่เชียงราย
แล้วเราได้อ้ายคมน์กับอ้ายอดิศร เข้ามาแทน ฮาเองก็เกือบลืมไปแล้วนะนั่น
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: นิชคุณ ป๋ายดอย ที่ มกราคม 15, 2008, 12:59:03 PM
รอให้ดีกรีความน่ารักของฮาลดลงกว่านี้นิดนึงก่อนนะเก่ง...ขืนเล่าตอนนี้...พวกเพื่อนๆ จะหมั่นใส้ หาว่าขายหน้าตามากกว่าเนื้อหา...กร๊ากกกกกกก!!! :laugh:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: Yai P5/6 ที่ มกราคม 15, 2008, 06:41:12 PM
 ;D
วันหลังไปเจียงใหม่
สงสัยต้องยืมหน้าตาอ้ายเนินซักเตื้อ
เผื่อมีเรื่อง
อ้ายได้รับไปเน่อ
............
 ;D
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: นิชคุณ ป๋ายดอย ที่ มกราคม 16, 2008, 10:56:32 AM
จากการที่ได้เจอเนิน เมื่อวานนี้ยอมรับแล้วว่าเนินมีความจำเกี่ยวกับเพื่อนชาวหอได้ดีกว่าผมจริงๆ
เนิน คิงมาตั้งกระทู้เผาเพื่อนชาวหอเหอะว่ะ  ยกให้เป็นหน้าที่คิงไปเลยดีกว่า
แล้วฮาจะช่วยเสริมให้ด้วยช่วยกันดีป่ะ  ;)
เพราะเพื่อนบ้างคนฮาเองก็ลืมๆ ไปบ้างก็มีว่ะ
ยั่งเมื่อวานที่คิงพูดถึงไพศาล ถ้าคิงบ่อู้ออกมาฮายังลืมไปเลยนะนั่น
หรือแม้แต่เรื่องเสี่ยโด่งที่ย้ายไปต่อที่เชียงราย
แล้วเราได้อ้ายคมน์กับอ้ายอดิศร เข้ามาแทน ฮาเองก็เกือบลืมไปแล้วนะนั่น


ก้อ จริงๆ แล้วกำลังรวบรวมข้อมูลอยู่นะ มีอยู่หลายเรื่องที่น่าจดจำ และไม่น่าจดจำแต่น่าจะเขียนระบายแก้กลุ้ม...เร็วๆ นี้ อาจจะบ่ายนี้ ถ้า ฮาพอจะมีเวลา ช่วงนี้ขายของม่วน...อิ อิ อิ
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: นิชคุณ ป๋ายดอย ที่ มกราคม 16, 2008, 10:57:19 AM
;D
วันหลังไปเจียงใหม่
สงสัยต้องยืมหน้าตาอ้ายเนินซักเตื้อ
เผื่อมีเรื่อง
อ้ายได้รับไปเน่อ
............
 ;D



ง่า....เนิน เพื่อน เต๋า นะ...ไม่กลัวใครอยู่ล้าวว :laugh:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: นิชคุณ ป๋ายดอย ที่ มกราคม 16, 2008, 03:25:03 PM
แล้ววันที่ฟ้ากำหนดให้ผมต้องได้รับ bad note เป็นบาปบริสุทธิ์มาถึงในวันหนี่ง
เมื่อมีเหตุให้โรงเรียนต้องปิดต่อเนื่องประมาน 4-5 วัน
จำได้ว่าช่วงนั้นฝ่ายมัธยมปิดต่อเนื่อง 4-5 วัน แต่ประถมไม่ปิด
และบราเดอร์อันโตนิโอ ของพวกเราก็ได้สั่งให้มีการซ้อมวงขลุ่ยอย่างเข้มข้น
แต่มาสเซอร์ประเสริฐ เจ้าของหอนั้นได้ให้พวกเด็กหอกลับบ้านหมด
ผมเป็นเด็กหล่ายดอยไม่มีที่พักอื่นก็จำต้องกลับบ้านกับพวกพี่ๆ เขาไปด้วย
เมื่อเปิดเรียนก็มีการประกาศโทษนักเรียนที่ต้องขึ้นไปโชว์ตัวบนเวที
เหล่าบรรดาเด็กหอทั้งหมดก็ต้องขึ้นไปโชว์ตัวกันบนเวทีทั้งหมด
แต่ทำไมผมโดนสลักหลังสมุดพกอยู่คนเดียวว่า

Bad Note 9 หนีเรียนและไม่มาซ้อมขลุ่ย  ToT >:( :'(

พร้อมกับโทษนั้นก็คือไล่ออกจากวงดุริยางค์วงเล็ก
แต่ผมก็ได้รับโอกาสอันดีกลับมาโดยมาสเซอร์วินัย ผู้ควบคุมวงใหญ่
ท่านกรุณายื่นโอกาสให้ผมเข้าวงใหญ่ โดยเรียกผมไปพบที่ห้องดนตรีในวันเดียวกันนั้นเอง
เป็นความทรงจำดีๆ ที่ผมมีกับวงดุริยางค์ แต่ผมก็ไม่ได้ใช้โอกาสที่ผ่านเข้ามา
เพราะว่าที่หอพัก มาสเซอร์ประเสริฐ ท่านไม่สนับสนุน และที่บ้านผมเองก็ไม่สนับสนุนด้วยเหมือนกัน ToT
ไม่อย่างนั้นผมคงได้ไปร่วมงานกับเพื่อนๆ หลายคนที่ได้เป็นแชมป์โลกวงแรกของประเทศไทยในอีก หลายปีต่อมา

ยังมีเรื่องลูกเสือและการเดินทางไกลไปวัดพระธาตุดอยคำ
ที่พวกเราหลายๆ คนยังคงจำกันได้นะครับ
ผมขอเว้นไปเพราะมีกระทู้เหล่านี้อยู่บ้างแล้ว
จำได้ว่าหลายกลุ่มต้องกินข้าวไหม้ ไม่ก็ข้าวดิบ ไม่อีกทีก็แฉะไปเลย
หรือไม่ก็ได้กินทุกรสชาติในหม้อเดียวกันมาแล้ว
อย่างน้อยพวกเราก็เคยได้ชื่อว่ากินข้าวหม้อเดียวกันมาก่อนนะครับ ;D :laugh:



ง่า...เก่ง  มาสเซ่อร์ที่คุมวงฯ นั้นชื่อ มาสเซอร์ พินัย ไม่ใช่เหรอ?  เห็นคุณมึงปั๊ดว่า มาสเซอร์ วินัย?....คนเดียวกันก่อวะ?


มาสเซอร์พินัยที่สอบขลุ่ยตอน ป 6 ด้วยอ่ะ...สอนภาษาอังกฤษอีกต่างหาก...


ไอ้กระผมก็มาจาก รร อื่น โน้ตก้ออ่านไม่เป็น.. :-X ..ต้องมาสอบขลุ่ย โดยให้มาสเซอร์เปิดสมุดเลือกเพลงให้เป่าตาม...


ไม่รู้ทำไงดี ท่องมา ฝึกมาเพลงเดียว เกิดเฮง มาสเซอร์พินัยเปิดสมุดโน้ตมาตรงกับที่ผมฝึกมาก็รอดตัวไป...


พอถึงเวลา เปิดปุ๊บ ท่านเนินเป่าปั๊บ...(เป่าผิดเพลง)... จะเหลือไหมวะนั่น...เจอซะ...ป้าบบบ...
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ มกราคม 20, 2008, 09:00:41 PM
พาดพิงถึงหอมาเยอะแล้วเอาลานประหาร ลอด 5 คา 10 ปิงปองมหาสนุกมาประกอบซะหน่อย
พี่ถังโดนประหารทีไร คา 10 ซะเกือบทุกที อิอิ :laugh:
ปัจจุบันเป็นแบบนี้ไปแล้ว สมัยนั้นถ้ามีแบบนี้มาสเซอร์ถ้าจะได้เปลี่ยนทุกปีแน่ๆ

(http://www.montfort27.com/forum/index.php?action=dlattach;topic=497.0;attach=10275;image)
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ มกราคม 23, 2008, 10:34:15 PM
ข่าวที่ได้รับวันนี้ทำผมเศร้าครับ
เพิ่งไปเยี่ยมมาสเซอร์มาเมื่อวันที่ 12-1-2551 ที่ผ่านมา
บรรยากาศเก่าๆ ภาพเก่าๆ ที่แล่นเข้ามาในหัวในช่วงเวลาที่ได้พูดคุยกับท่าน
เหมือนกับได้ย้อนเวลาไปเมื่อ 20 กว่าปีก่อนที่ผ่านมา
ท่านยังมองพวกเราเป็นเด็กเล็กๆ เป็นลูกศิษย์ตัวน้อยๆ ของท่านเสมอ
ยังจำคำพูดในวันประกาศผลสอบเข้า ม.4 ที่ท่านประกาศรายชื่อให้เด็กหอรู้ก่อนว่ามีใครติดบ้าง
ท่านพูดว่า "ในจำนวนที่ติดก็เท่าที่มาสเซอร์คิดเอาไว้พอดี 7 คน แต่ไอ้คนที่ 8 ที่ได้มาก็ดีเหมือนไม่คิดว่ามันจะได้นะ"
คำพูดท่านในเวลานั้นเหมือนส่งตรงมาที่ผมเต็มๆ
เพราะพวกเรารู้กันดีว่า 7 คนที่มาสเซอร์คิดเอาไว้มีใครบ้าง
ส่วนผมนั้นผมเองก็ยัง งงๆ ว่าติดกับเขาได้อย่างไร
มาถึงวันนี้ผมรู้แล้วครับ ว่ามาสเซอร์ส่งข้อความให้ผมขยันให้มากขึ้น
แต่ผมก็ไม่ได้ทำตัวให้ดีขึ้นเลย ในช่วงเวลาที่เรียนมัธยมปลาย
ผลการเรียนคาบเส้นตลอดมา ถ้าเป็นปัจจุบันนี้ที่จะจบ ม.6 ได้ต้อง 2.0 เท่านั้น
ผมคงต้องหาที่เรียนใหม่แล้ว

หลับเถอะครับมาสเซอร์ พักผ่อนให้สบาย
ท่านเหนื่อยกับพวกเรามามากแล้ว
วันนี้ท่านได้พักแล้ว ขอให้มาสเซอร์หลับให้สบาย อย่าได้มีห่วงกังวลใดๆ
ผมจะนำคำสอนของมาสเซอร์มาใช้กับชีวิตประจำวันให้ดีที่สุด
ถึงผมจะไม่ร่ำรวย หรือประสบความสำเร็จมากมาย
แต่ขอสัญญาว่าจะเป็นคนดี และจะขยัน ใฝ่รู้ ให้มากขึ้น
สมกับที่เป็นลูกศิษย์ของท่านครับ
ศิษย์คนนี้ขอวันทา กราบอำลาท่าน ขอมาสเซอร์สู่สุขติด้วยดีครับ
จะขอเป็นศิษย์ใกล้ชิดท่านทุกชาติไปครับ

ขออนุญาตไว้อาลัยแด่พ่อคนที่สองของผม
เด็กหอ 177 เก่ง หล่ายดอย
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: korokoso ที่ มกราคม 24, 2008, 10:15:39 AM
เก่ง...เปิดกระทู้เรื่องเล่าชาวหอเลยดีก่า
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: jackthairath39 ที่ มกราคม 24, 2008, 11:29:32 AM
ขอรำลึกถึงอาจารย์ตลอดไปครับ

มีพาดพิงถังด้วย
ไม่อยากเชื่อว่า เรียนกับถัง มาตั้งแต่ประถมจน ม.6 อยู๋ห้องเดียวกันตลอด
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: jackthairath39 ที่ มกราคม 24, 2008, 11:32:40 AM
คิดถึงถังเหมือนกัน เจอบังเอิญที่รถใต้ดินหลายเดือนก่อน ผมทำเบอร์เขาติดไปกับหนังสือพิมพ์เล่มหนึ่ง ใครมีเขียนมาแปะในบอร์ดนี้หน่อย
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: นิชคุณ ป๋ายดอย ที่ มกราคม 28, 2008, 09:21:33 AM
คิดถึงถังเหมือนกัน เจอบังเอิญที่รถใต้ดินหลายเดือนก่อน ผมทำเบอร์เขาติดไปกับหนังสือพิมพ์เล่มหนึ่ง ใครมีเขียนมาแปะในบอร์ดนี้หน่อย

ถัง ดุษฎี  กิจสุวรรณ์  ผจก. ทั่วไป กิจการค้าวัตถุดิบภาคอิสาน บ. กรุงเทพโปรดิวส์ จำกัด (มหาชน)  081-4536656
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ กุมภาพันธ์ 13, 2008, 09:16:47 PM
เว้นวรรคไปซะนาน มาต่อกันดีกว่า
วีรกรรมที่ขึ้นชื่อของชาว 302/27 อีกเรื่องก็คือเรื่องส่งเสียงดังในเวลาเรียน
ยังจำกันได้หรือปล่าว วันที่ ม.เรวัติ ส่งพวกเราลงไปวิ่งรอบสนามพร้อมกับสายฝนพร่ำ
ใครจำได้บ้างว่าสาเหตุมาจากเรื่องอะไรนะ
จำได้แต่ว่าผม กับ สงกรานต์ ต้องอยู่ช่วยมาสเซอร์จัดสมุดการบ้านอยู่ในห้อง  :cry2:
เฝ้าส่งสายตามองเพื่อนๆ ที่วิ่งรอบสนามบาส พร้อมกับละอองสายฝนบางๆ
แบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนว่าทำไมตูม่ายได้ลงไปวิ่งด้วยฟ่ะ   -13
มองแล้วมองเล่าจนสายตามาสเซอร์ส่งมายังผมพร้อมกับคำพูดที่ว่า

"คิงใคร๋ลงไปวิ่งกับหมู่นั้นกา ไปเลย ไปโวยไวยเลย"

เปรียบเหมือนเสียงสวรรค์ที่ส่งตรงมายังผม  :cry5:
รีบวิ่งตรงลงไปอย่างไม่รอช้า
พร้อมกับเสียงเพื่อนทั้งหลายที่ถามมาว่า มาสเซอร์ให้มาตามเหรอ

"บ่อใจ๋ มาสเซอร์หื้อฮาลงมาวิ่งกับหมู่คิง"

 \o/  เสียงไชโยโห่ร้องก้องมา ไม่เว้นแม้แต่ มายกะปิตัน(หัวหน้าห้องตลอดกาล) ดร.เต้ย

จนมาสเซอร์ต้องออกมาดู และให้สงกรานต์มาตามขึ้นห้อง
เมื่อเสียงของพวกเราไม่ยอมหยุดในสายฝนพร่ำ
วันนั้นมีความสุขจริงๆ ครับสำหรับผมที่ได้ร่วมชะตากรรมด้วยกัน
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: sahai ที่ กุมภาพันธ์ 14, 2008, 01:24:54 AM
วันนั้น พวกเราวิ่งกันช้ากว่าเต่าอีก
เพราะไม่อยากขึ้นไปเรียนหนังสือต่อ
เฮ้อ คิดแล้วบาป

บาป ไม่บาป บาป ไม่บาป .....
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: กระบี่อยู่ที่ใจ ที่ กุมภาพันธ์ 14, 2008, 02:11:42 AM
สิ่งนี้กระมัง ที่เรียกว่า Spirit
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ กุมภาพันธ์ 14, 2008, 08:34:34 PM
กลับไปอ่านหน้าก่อน เฮ้อ... เคยเขียนไปแล้วรอบหนึ่งนี่หว่า  -07
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: อุเทน47 ที่ กุมภาพันธ์ 15, 2008, 08:53:36 AM
โถ น้าเ่ก่ง ขนาดผมยังจำไม่ได้เลยครับว่าน้าเก่งเคยเล่าไปแล้ว แต่ยังไงก็ยังสนุกอยู่ครับ  -11
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ กุมภาพันธ์ 18, 2008, 09:13:23 PM
ยังมีเรื่องราวอีกมากมายจริงๆ ในช่วง ม.ต้น จำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง หรือว่าความทรงจำมันเลอะเลือน  -06

อีกเรื่องที่จำได้ก็คือเรื่องเรียนต่อ ในสมัยนั้น จริงๆ แล้วผมอยากเรียนสายอาชีพมากกว่านะ
จำได้ว่ารุ่นเราเป็นรุ่นแรก ที่ บราเดอร์บัญญัติ อธิการของพวกเราในตอนนั้นจัดให้มีการสอบเข้า ACC
ตอนนั้นก็สมัครสอบไปด้วยความหวังว่าอยากไปเรียนต่อที่ กทม. (จริงๆ แล้วอยากไปอยู่ใกล้สาว อุอุ) :angry2:
ในห้องเราก็มีคนสอบอยู่หลายคนนะ ใครสอบบ้างยกมือขึ้น เอ้ย รายงานตัวกันหน่อย
จำได้แน่ๆ ก็มีท่านกระบีคนหนึ่งล่ะ ที่จำได้เพราะอยากสอบติดแต่ไม่ติด แต่ท่านกระบี่สอบติดอ่ะดิ  :cry2:
เฮ้อ... SAD ครับ.... :cry1:

ต่อมาก็มีอีกโรงเรียนหนึ่งซึ่งเปิดรับพวกเราเป็นรุ่นแรก LCC พวกเราหลายคนไปเรียนต่อกันที่นี่
แน่ๆ ก็อาจารย์ทศพร คนหนึ่งล่ะ ชุดสีขาวผูกเนคไทด์ แหม...มันช่างดูเท่ห์เหลือหลายในสมัยนั้น  :smile7:
ผมเองก็อยากเป็นรุ่นแรกคนหนึ่งเหมือนกันนะ อืม.... ต้องไปเรียนที่นี่ให้ได้ล่ะ  :cry5:

แต่แล้ว.....





เมื่อการสอบเรียนต่อมาถึงและวันประกาศผลสอบ
หลายคนคงจำได้ที่โรงพละวันนั้น....  -09
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: sahai ที่ กุมภาพันธ์ 19, 2008, 11:27:09 PM
ตอนจบ ม.3
กระผมเคยพยายามจะหนีจากรั้ว มว เหมือนกั๋น
ตั้งใจไปลองสอบเข้า ปริ้นส์ กับ ยุพราชด้วย
ผลสอบเข้าปริ้นส์ได้ครับ แต่วันมอบตัว
ดันลืมเอาบัตรประจำตัวผู้สอบไปด้วย
ทาง รร เลยไม่รับ

กำลังจะไปสอบเข้า ยุพราช ต่อ
แต่มีใครบางคนบ่น
คิงจะไปลู่ตี้นั่งคนอื่นยะหยัง
เลยไม่ได้ไปสอบครับ

ผลสุดท้าย ก็อย่างที่เห็น
ได้มาเผชิญเวร เผชิญกรรม ร่วมกับหมู่สูต่อ
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ มีนาคม 03, 2008, 10:24:17 PM
หายไปหลายวัน มาต่อกันดีกว่าครับ
วันประกาศผลสอบ เหรอครับ ผลก็คือผมติดรอบแรกคร๊าบ  -07  :angry8:  :no:

เฮ้อ....ทำไม ผมคิดในใจเวลานั้นว่าผมจะสละสิทธิ์ครับ
เพราะอยากเรียนสายอาชีพมากกว่า (อยากเท่ห์ ใส่กางเกงสีเทา เสื้อเชิ้ต ผูกไทด์แบบท่านเนิน เสี่ยปุ๊ย และเพื่อนๆ อีกหลายคน)  :cry2:

แต่เมื่อนำเรื่องกราบเรียนนายแม่ทางบ้านก็ถูกด่าอย่างแรง
ว่ามีแต่คนอยากเรียนต่อ ม.4 มงฟอร์ต แต่เมริงสอบติดแต่เสือกจะสละสิทธิ์ซะงั้น  -25

จำใจก้มหน้าเข้าไปเรียน ม.4 แต่ใจยังขัดขืนว่ารอจบ ม.6 ก่อนเถอะพ่อจะเลือกไปเรียนไกลๆ ซะเลย  :cry5:

วันแรกในรั้วโรงเรียนใหม่ พร้อมกับเพื่อนร่วมห้องใหม่ๆ
ที่มีสาวๆ เข้ามาด้วย จะเป็นอย่างไรกันนะ  ????
อืม....รอเปิดเทอมใหม่ด้วยใจระทึก
จะมีน่ารักๆ หรือว่าแบบไหนกันบ้างนะ  ????
ปิดเทอมแล้ว ม.4 จะเป็นอย่างไรกันนะ  ????
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: นิชคุณ ป๋ายดอย ที่ มีนาคม 04, 2008, 04:09:05 PM
  -07  :angry8:  :no:

เฮ้อ....ทำไม ผมคิดในใจเวลานั้นว่าผมจะสละสิทธิ์ครับ
เพราะอยากเรียนสายอาชีพมากกว่า (อยากเท่ห์ ใส่กางเกงสีเทา เสื้อเชิ้ต ผูกไทด์แบบท่านเนิน เสี่ยปุ๊ย และเพื่อนๆ อีกหลายคน)  :cry2:



ดีแล้วครับน้าเก่ง ตัดสินใจถูกแล้วล่ะครับ...ขืนท่านเก่งมาเรียนสายอาชีพแบบพวกผม...ห้องนึงมีผู้ชายอยู่แค่ 7-8 คน (แถมอีก 2-3 ใน 7-8 คนนี่ยังเป็นพวกผู้หญิงมีไข่เสียด้วย) อีก 30กว่าคนเป็นสาวๆ ทั้งน้าน...น้าเก่งจะไม่มีเมียเสียเด้กไปตั้งแต่ ตอนอายุ 18 ขวบหรือครับ ไอ่ว่อก :smile9:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: Yai P5/6 ที่ มีนาคม 05, 2008, 08:44:42 PM
เวลาเป็นสิ่งโหดร้าย
มันย้อนไม่ได้
.........
แต่เราสามารถ
ชดเชยอดีตได้ด้วยอนาคต
ขาวอวบ ขาวอวบ (ลูกบอล)
ฮ่าๆๆๆๆๆๆ
บ้าไปแล่ว
 :laugh1:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ มีนาคม 19, 2008, 10:59:25 AM
  -07  :angry8:  :no:

เฮ้อ....ทำไม ผมคิดในใจเวลานั้นว่าผมจะสละสิทธิ์ครับ
เพราะอยากเรียนสายอาชีพมากกว่า (อยากเท่ห์ ใส่กางเกงสีเทา เสื้อเชิ้ต ผูกไทด์แบบท่านเนิน เสี่ยปุ๊ย และเพื่อนๆ อีกหลายคน)  :cry2:



ดีแล้วครับน้าเก่ง ตัดสินใจถูกแล้วล่ะครับ...ขืนท่านเก่งมาเรียนสายอาชีพแบบพวกผม...ห้องนึงมีผู้ชายอยู่แค่ 7-8 คน (แถมอีก 2-3 ใน 7-8 คนนี่ยังเป็นพวกผู้หญิงมีไข่เสียด้วย) อีก 30กว่าคนเป็นสาวๆ ทั้งน้าน...น้าเก่งจะไม่มีเมียเสียเด้กไปตั้งแต่ ตอนอายุ 18 ขวบหรือครับ ไอ่ว่อก :smile9:
น่านดิเนอะ มิน่าอ้ายเนินเปิ้นถึงมีเมียเด็ก คริ คริ :smile10:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: korokoso ที่ มีนาคม 19, 2008, 11:04:50 AM
น่าจะเป็นแม่มากกว่าเมียนะ....เห็นกลัวจนหัวเนินหดขนาดนั้น  :laugh1:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: นิชคุณ ป๋ายดอย ที่ มีนาคม 19, 2008, 11:11:12 AM
น่าจะเป็นแม่มากกว่าเมียนะ....เห็นกลัวจนหัวเนินหดขนาดนั้น  :laugh1:


แม่บ้านป้าคิงก่ะหน้าหยั่งกะน้องแพนเค้ก... -08
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ มีนาคม 19, 2008, 11:13:35 AM
มาต่อกันดีกว่าครับ เปิดเทอมวันแรกกับเพื่อนใหม่หน้าเดิม
ชาว 302/27 ที่มาร่วมชะตากรรมกันอีกครั้ง และเพื่อนสาวหน้าใหม่
ทั้งจากเรยีนาเป็นส่วนใหญ่และพระหฤทัยเป็นส่วนน้อย ตลอดจนจากจังหวัดใกล้เคียงอีกเล็กๆ น้อยๆ
คราวนี้การเรียงห้องเป็นไปตามตัวอักษรทำให้เพื่อนคละเคล้ากันไปทั้งใหม่และเก่า
มีภาพปลากรอบให้ดูหน่อยดีก่าอ่ะ
เอกราช คาน 302/27
ดร.เต้ย 302/27
ท่านประธานคนปัจจุบัน อารยะ 302/27
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ มีนาคม 19, 2008, 11:14:11 AM
น่าจะเป็นแม่มากกว่าเมียนะ....เห็นกลัวจนหัวเนินหดขนาดนั้น  :laugh1:


แม่บ้านป้าคิงก่ะหน้าหยั่งกะน้องแพนเค้ก... -08
หึ หึ หึ  :x
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: korokoso ที่ มีนาคม 19, 2008, 11:25:19 AM
ฮาบ่ได้หมายถึงหน้าตาโว้ย......ฮาหมายถึงความหัวหดของคิงอ่ะดิ 55555555555555555555 :laugh1:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ มีนาคม 19, 2008, 11:26:47 AM
เล่าถึงท่านประธาน ผมมีความทรงจำเกี่ยวกับท่านประธานอารยะ อยู่ 2 เรื่อง
ในช่วง ม.ปลาย
เรื่องแรกเกี่ยวข้องกับผมโดยตรง ก็คือ เรื่องยาวิเศษ รักษาแผลภายนอกที่ท่านปรุงขึ้นเอง
ส่วนเรื่องส่วนประกอบคงต้องสอบถามท่านเอง หาเพื่อนที่เป็นเภสัชกรสนใจนะครับ
เรื่องก็มีอยู่ว่า ยังจำม้าหินใต้ตึกเรียนเราได้หรือปล่าวครับ
ไอ้กระผมมักจะขึ้นไปยืนด้วยปลายเท้า แล้วปล่อยตัวลงมาจากม้าหินเล่นเป็นประจำ
ทีนี้ก็มีอยู่คราวหนึ่งที่มันพลาด ร่วงลงมาแล้วหน้าแข้งไปครูดกับขอบม้าหินซะเห็นกระดูก
ด้วยความรักเพื่อนของท่านประธานรีบนำเสนอยารักษาแผลภายนอกให้กับผมทันที  :cry5:
ผลหรือครับความปวดแสบปวดร้อน  024
จนท่านประธานต้องหอบหิ้วผมไปส่งที่ห้องพยาบาล
ให้ครูประจำห้องทำแผลให้ในที่สุด  -08
แต่ไม่เป็นไรครับรับรู้ และเข้าใจถึงความรัก ความห่วงใยเพื่อนของท่านประธานในคราวนี้แหละคร๊าบ
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ มีนาคม 19, 2008, 11:42:43 AM
ส่วนอีกเรื่องไม่ได้เกี่ยวกับผมโดยตรง
แต่ว่าผมอยู่ร่วมเหตุการณ์ด้วย (ทำไมเวลามีเรื่องแบบนี้มักมีผมอยู่ด้วยตลอดอ่ะ  :smile6: )

เรื่องก็มีอยู่ว่า ด้วยความคึกคะนองของท่านในสมัยนั้น ยังจำหนังเรื่องหนึ่งได้มั๊ยครับ
ที่ตัวพระเอกจะเอามือวางไว้แล้วสลับกับตัวโกง เอามีดไล่จิ้มหว่างนิ้วของกันและกัน
นั่นแหละครับ วันหนึ่งท่านประธานกับสหายคู่ใจ คนที่ชื่ออ่านยากที่สุดในรุ่นเรา อนรรฆพจน์ ระมิงค์วงศ์ (อ๋า) 302/27 605/30
ก็มานั่งเล่นกันในห้องเรียน ระหว่างที่สลับกันทำด้วยว่าใครเป็นพระเอก ใครเป็นตัวโกง ก็สุดที่กระผมจะทราบได้  :smile7:
ด้วยว่ามีเดิมพันเป็นคนที่ทั้งคู่แอบปลื้มอยู่ด้วยกันหรือปล่าวก็สุดปัญญาของผมเช่นกันครับ   022
(อยากรู้ว่าเป็นใคร ก็สอบถามกันเอาเองนะคร๊าบ)  :smile9:
แต่ที่แน่ๆ เพื่อนหลายคนก็แอบลุ้นกันตัวโก่ง ไม่ใช่ตัวโกงคร๊าบ
และแล้ว ฉึก... พร้อมกับ โอ๊ย...  :no:
อีกแล้วคร๊าบท่าน มีดปักอยู่บนหลังมือของท่าน....










อ๋า ครับ ไม่ใช่ท่านประธาน เพราะเป็นรอบของท่านประธานแทง
คราวนี้ยาวิเศษรักษาแผลภายนอกก็เอาไม่อยู่ พร้อมกับเลือดที่พุ่งกระฉูดออกมา  -07  -03
ทั้งสองยุติเดิมพันทั้งหมด รีบกุมมือกันและกัน มุ่งตรงสู่ห้องพยาบาลอย่างรวดเร็ว  -03
งานนี้เย็บไปกี่เข็มคงต้องสอบถามท่านประธานเองแล้วละคร๊าบพี่น้อง  -07
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: นิชคุณ ป๋ายดอย ที่ มีนาคม 19, 2008, 11:51:23 AM
เล่าถึงท่านประธาน ผมมีความทรงจำเกี่ยวกับท่านประธานอารยะ อยู่ 2 เรื่อง
ในช่วง ม.ปลาย
เรื่องแรกเกี่ยวข้องกับผมโดยตรง ก็คือ เรื่องยาวิเศษ รักษาแผลภายนอกที่ท่านปรุงขึ้นเอง
ส่วนเรื่องส่วนประกอบคงต้องสอบถามท่านเอง หาเพื่อนที่เป็นเภสัชกรสนใจนะครับ
เรื่องก็มีอยู่ว่า ยังจำม้าหินใต้ตึกเรียนเราได้หรือปล่าวครับ
ไอ้กระผมมักจะขึ้นไปยืนด้วยปลายเท้า แล้วปล่อยตัวลงมาจากม้าหินเล่นเป็นประจำ
ทีนี้ก็มีอยู่คราวหนึ่งที่มันพลาด ร่วงลงมาแล้วหน้าแข้งไปครูดกับขอบม้าหินซะเห็นกระดูก
ด้วยความรักเพื่อนของท่านประธานรีบนำเสนอยารักษาแผลภายนอกให้กับผมทันที  :cry5:
ผลหรือครับความปวดแสบปวดร้อน  024
จนท่านประธานต้องหอบหิ้วผมไปส่งที่ห้องพยาบาล
ให้ครูประจำห้องทำแผลให้ในที่สุด  -08
แต่ไม่เป็นไรครับรับรู้ และเข้าใจถึงความรัก ความห่วงใยเพื่อนของท่านประธานในคราวนี้แหละคร๊าบ


อยากรู้สูตรยารักษาแผลภายนอกของท่านประธานยะจัง
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ มีนาคม 19, 2008, 12:11:22 PM
พยายามค้นหารูปของอ๋าอยู่นานก็ประสบความสำเร็จได้มาดังรูปนี้แหละคร๊าบ  022

เนินครับสนใจส่วนประกอบยาติดต่อท่านประธานโดยตรงได้เลยคร๊าบ  -11

จำได้คร่าวๆ ว่ามี ทิงเจอร์ ยาแดง ยาหม่อง ฯลฯ อื่นๆ อีกหลายขนานรวมกันเน้อ
ที่เหลือสอบถามจากท่านประธานเอาเองก็แล้วกั๋นเน้อ  :smile6:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ มีนาคม 19, 2008, 12:17:36 PM
ใบ้ให้นิดครับว่าหนึ่งในสองคนนี้แหละคร๊าบ
ที่เป็นคนที่ท่านประธานและเพื่อนสนิทแอบปลื้มในยุคนั้น  022
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: อารยะ ที่ มีนาคม 20, 2008, 11:36:02 PM
พยายามค้นหารูปของอ๋าอยู่นานก็ประสบความสำเร็จได้มาดังรูปนี้แหละคร๊าบ  022

เนินครับสนใจส่วนประกอบยาติดต่อท่านประธานโดยตรงได้เลยคร๊าบ  -11

จำได้คร่าวๆ ว่ามี ทิงเจอร์ ยาแดง ยาหม่อง ฯลฯ อื่นๆ อีกหลายขนานรวมกันเน้อ
ที่เหลือสอบถามจากท่านประธานเอาเองก็แล้วกั๋นเน้อ  :smile6:

หวัดดีๆ อยากโดนเป็นแผลอีกคนมั๊ยๆ  :laugh2:

รู้สึกจะเอาทิงเจอร์ ผสมกับยาแดง มีพกไว้ในกล่องเอนกประสงค์ ประจำโต๊ะ

จำได้ว่าเมื่อก่อน พวกเราชอบเล่นอะไรกัน ซนๆ แรงๆ ว่างๆก็มางัดข้อกันอะไรทำนองนั้น

กล่องเอนกประสงค์นี่ก็เพราะพวกทหารเขาใช้กัน

และก็บ้าสงครามกันมาก ในก๊วนแนวความคิดเดียวกัน ก็มีท่านเทวินทร์ ท่านแม็ค ท่านศิริพงษ์ ท่านปริญญา วาทกิจตอนนี้ไม่รู้ไปอยู่ไหน สรเชษฐ ไอ่ลิง วิทยานี่ครึ่งๆ ไม่รู้จะบ้าสงครามกันทำไมตอนนั้น (อาจจะเพราะโหยหาความเข้มแข็งทางจิตใจ :D ) เรียกกันสหายๆ เกือบเข้าป่ากันแล้วไหมล่ะ   ..ไม่สิ เคยเดินเข้าป่ากันไปแล้ว จะได้ว่าเดินไปกันเป็นกลุ่มทางน้ำตกขึ้นดอยสุเทพ ไปนอนกางเต้นท์ที่มณฑาธาร ..สนุกดี เห็นไหมเมื่อก่อนเป็นเอามาก  -10

และก๊วนนี้เองก็เข้าชมรมดาบไทย ซ้อมทุกเย็น ฟันเสาจนปิ่น เล่นกันใต้ถุนตึก จนเจอท่านเก่งวันนั้นน่านแหละ แผลเก่งน่ากลัวมาก ตกใจเลยราดเข้าไป ทิงเจอร์เลยเอาไม่อยู่

ท่านอ๋าตอนนี้สบายดี ไม่ค่อยออกมาพบปะเพื่อนๆ มีภรรยาสวย บ้านหลังงามอยู่แลนด์แอนด์เฮาส์ ทำธนาคารออมสินครับ

...
จำได้อีกช๊อต ด้วยอารมณ์บ้าสงครามนี่แหละ เลยประดิษฐ์กับระเบิด ไอ่ซิตี้นี่แหละลองซื้อไปใช้ และฉลาดมาก เอาไปให้เพื่อนอีกคนทดลอง เหยียบให้ระเบิด มันดันบ่ระเบิด เพื่อนคนนั้นก็เลยใช้ไม้ตีๆ คราวนี้มันระเบิดคามือ เจ็บไปเลย ฮาต้องรับผิดชอบผลงานอีก.. แต่จำไม่ได้ว่าเพื่อนคนนั้นใคร  คิงรึเปล่าวะเก่ง หรือไม่ก็นาคิน..
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: อารยะ ที่ มีนาคม 20, 2008, 11:42:58 PM
ใบ้ให้นิดครับว่าหนึ่งในสองคนนี้แหละคร๊าบ
ที่เป็นคนที่ท่านประธานและเพื่อนสนิทแอบปลื้มในยุคนั้น  022

 -19 -20 รู้ไหมเก่ง วันนี้นายมาเตือนเมสเซสให้ตอบข้อความนี้
วันนี้ตอนเช้าเราเจอเธอคนนี้พอดี ธนาคารไปบรรยายให้คณะเภสัช มช. เจอในรอบเกือบสิบปี คุยกันนาน ถามทุกข์สุขดิบ ในใจนึกขำในอดีต ทำไมสมัยก่อนโลกมันหมุนช้าจังวะ เลยทำอะไรไม่ถูกหรือยังไง เรากะไอ่อ๋าแย่งกันชะเง้อมอง ..เฮ่อ เด็กสมัยก่อนมันเรียบร้อยจริงๆ

วันนี้เธอลูก1 เป็นอาจารย์ที่คณะเภสัช Happy & nice เหมือนเดิม ชวนมาสังสรรค์วันเสาร์นี้แล้ว แต่ไม่รู้อาจจะไม่ได้มา แต่คงได้ติดต่อกันบ่อยขึ้น.. นี่แซวแล้วหามาซ่อมให้ด้วยนะเว่ย :D

หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ มีนาคม 21, 2008, 08:39:40 AM
(http://www.montfort27.com/forum/index.php?action=dlattach;topic=352.0;attach=11684;image)

:smile4: คราวนี้หลายคนคงพอเดาๆ ได้แล้วนะคร๊าบว่าคนไหน
ท่านประธานเข้ามาแถลงไขซะขนาดนี้แล้ว
เสียดายนะที่ช่วง ม.4 - ม.5 ผมเป็นเด็กหอ
ม่ายงั้นคงมีเรื่องได้เล่นสนุกกับท่านประธานเยอะเลย
ยังมีอีกหลายเรื่องครับกับความประทับใจที่มีต่อท่านประธานในช่วง ม.6  :cry5:
เอาไว้ค่อยๆ เล่ากันไปก็แล้วกันเนอะ  :smile2:

ด้วยอารมณ์บ้าสงครามนี่แหละ เลยประดิษฐ์กับระเบิด ไอ่ซิตี้นี่แหละลองซื้อไปใช้ และฉลาดมาก เอาไปให้เพื่อนอีกคนทดลอง เหยียบให้ระเบิด มันดันบ่ระเบิด เพื่อนคนนั้นก็เลยใช้ไม้ตีๆ คราวนี้มันระเบิดคามือ เจ็บไปเลย ฮาต้องรับผิดชอบผลงานอีก.. แต่จำไม่ได้ว่าเพื่อนคนนั้นใคร  คิงรึเปล่าวะเก่ง หรือไม่ก็นาคิน..
สำหรับอันผมไม่ใช่เหยื่อคร๊าบ คงจะเป็นนาคิน เรียบร้อย ที่ไม่เรียบร้อยเหมือนนามสกุลมากกว่าที่เป็นเหยื่อ
ถึงนาคินจะไม่เรียบร้อย แต่นาคินเป็นคนที่รักเพื่อนมากนะครับ
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: Yai P5/6 ที่ มีนาคม 22, 2008, 07:53:40 AM
ตอนนั้น
ใต้โต๊ะนอกจาก
เพ็ญพักตร์ หนุ่มสาวแล้ว
ก็มีแต่ไอ้ สมรภูมิ กะสงครามนี่แหละ
บางคนก็บ้าปืน
บางคนเครื่องบิน
แต่ฮาชอบรถถังอ่ะ
..........
เพิ่มเติม
นี่เลยเป็นเหตุให้พี่ยะของเราเป็นโสดจนทุกวันนี้
ตอนนั้นไอ้กระผมลำบากใจเวลายืนระหว่างเพื่อนสองคนนี่
ถ้ามีมีด
หันหลังเมื่อไหร่
ตายไปแร้วววว
 :laugh2:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: กระบี่อยู่ที่ใจ ที่ มีนาคม 22, 2008, 05:10:12 PM
-19 -20 รู้ไหมเก่ง วันนี้นายมาเตือนเมสเซสให้ตอบข้อความนี้
วันนี้ตอนเช้าเราเจอเธอคนนี้พอดี ธนาคารไปบรรยายให้คณะเภสัช มช. เจอในรอบเกือบสิบปี คุยกันนาน ถามทุกข์สุขดิบ ในใจนึกขำในอดีต ทำไมสมัยก่อนโลกมันหมุนช้าจังวะ เลยทำอะไรไม่ถูกหรือยังไง เรากะไอ่อ๋าแย่งกันชะเง้อมอง ..เฮ่อ เด็กสมัยก่อนมันเรียบร้อยจริงๆ

วันนี้เธอลูก1 เป็นอาจารย์ที่คณะเภสัช Happy & nice เหมือนเดิม ชวนมาสังสรรค์วันเสาร์นี้แล้ว แต่ไม่รู้อาจจะไม่ได้มา แต่คงได้ติดต่อกันบ่อยขึ้น.. นี่แซวแล้วหามาซ่อมให้ด้วยนะเว่ย :D

โธ่ แอบชอบอยู่ก็มะบอก ตอนเรียนมหาลัย นั่งเรียนติดกันทุกชั่วโมง

เคยถามเหมือนกัน ว่าทำไมชอบมานั่งข้างๆ ได้ความว่า

"มานั่งใกล้ๆเธอแล้วไม่ง่วงดี"

โอ้ว นี่ตัวเรา เร้าใจขนาดนั้นเรยเหรอ

"เพราะเธอชวนคุยไม่หยุด ขนาดอาจารย์สอนอยู่หน้าชั้นยังคุยไม่รู้แล้ว เลยไม่รู้สึกง่วงเรย"

อ้าว ซะงั้น
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ มีนาคม 23, 2008, 08:31:49 AM
โย่ว โย่ว ไม่รู้ว่าเจ้าตัวที่ท่านประธานแอบปลื้ม จะเข้ามาอ่านมั๊ยเอ่ย  :smile6:
แต่ที่แน่ๆ ในบรรดาสาวๆ ห้อง 5 นั้น เธอเป็นคนที่มีคนแอบปลื้มเยอะมาก
ช่วงที่ได้รู้จักกันใหม่ๆ ช่วงเย็นๆ เธอมักจะไปเยี่ยมยาย ที่อยู่ในหมู่บ้านศิริวัฒนาแทบทุกวัน
ตอนเย็นๆ เวลาที่ผมไปเดินเล่นก็มักจะได้ทักทายพูดคุยกันอยู่ประจำ
แต่ก็อยู่ๆ ก็ห่างๆ ไม่ได้คุยกันเหมือนเดิม ไม่รู้ว่าเพราะอะไร มาคุยกันอีกทีจะจบ ม.6 ซะแล้วอ่ะ
สำหรับผมแล้วคนที่คุยได้เพลินที่สุดคงเป็นคนนี้มากกว่านะ
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ มีนาคม 23, 2008, 08:40:04 AM
ครับ สำหรับเฉลย คนที่ท่านประธาน อ๋า และเพื่อนๆ อีกหลายคนแอบปลื้มในสมัยนั้น
คือ เธอ.......

















































หน่อย อุษณีย์  โตวิจักษณ์ชัยกุล  คนนี้นี่เอง
สำหรับผมแอบปลื้มใครเหรอ ไว้ผมจะเล่าให้ฟังต่อไปครับ  :smile4: :smile8: :smile3:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: อารยะ ที่ มีนาคม 23, 2008, 05:49:55 PM
เก่งๆ ใหญ่ๆ กานต์นั่งใกล้กันก็ไม่บอก
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา 21/3/51 เหมือนกับ ท่านเก่วเรียกเธอด้วยกระทู้ เจอกันครั้งที่สองในรอบกว่าสิบปี
เราก็บรรยาย ..หน่อย กับอาจารย์ท่านอื่นๆก็ถามๆ หนึ่งในคำถามนั้นทำให้วิทยากรเหงื่อซึม... นี่ยังโสดหรือคะ?

เรานึก.. มันเกี่ยวกับ Startegy&KPI หยั่งไงหว่า

พอจบสัมมนา หน่อยเดินมาคุย ประโยคแรกเธอทักว่า ...."เดี๋ยวนี้พูดเก่งขี้นเน๊าะ"  ....
... เพื่อนรัก คิงว่า ฮาจะตอบว่ายังไงดี
 -123

.. แล้วเราก็คุยกันต่ออีกครึ่งครึ่งชม. ชวนหน่อยมาเจอเพื่อนๆ ถามถึงลูก เพื่อนคนอื่น หน่อยถามถึงวิหคด้วยว่ามันคืออะไร คุยเรื่องงานฯลฯ คงมีอะไรช่วยกันต่ออีกมาก นี่ล่ะ เพื่อนเราชาวมงฟอร์ต
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: thisis_ayre ที่ มีนาคม 23, 2008, 09:33:23 PM
เฮ้อ  ก็มัวแต่เล่นแทงหลังมือกัน เลยขาดดุลให้รุ่นพี่เลย 
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: อุเทน47 ที่ มีนาคม 23, 2008, 09:43:53 PM
 :laugh1: ยังไม่สายเกินไปครับ
ในรุ่นเรายังมีคนที่รักความเป็นโสด.แต่อยากจะกลับใจ(เป็นตุ๊ด..เป็นทอม...เป็น..)
บางที..วันเวลาที่สูญเสียไป...
อาจจะค้นพบว่า..
สิ่งดีๆก็อยู่ใกล้ตัวเรานี่เอง....เหมือน เพื่อนเราหลายๆคู่ที่กลับมาพบกัน..หลังจากที่ดูหนังเรื่องแฟนฉัน  :cry5:
(http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/newmovie/)
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ มีนาคม 24, 2008, 11:43:41 AM


พอจบสัมมนา หน่อยเดินมาคุย ประโยคแรกเธอทักว่า ...."เดี๋ยวนี้พูดเก่งขี้นเน๊าะ"  ....
... เพื่อนรัก คิงว่า ฮาจะตอบว่ายังไงดี
 -123


เข้ามารอฟังคำตอบของท่านประธานครับ

:laugh1: ยังไม่สายเกินไปครับ
ในรุ่นเรายังมีคนที่รักความเป็นโสด.แต่อยากจะกลับใจ(เป็นตุ๊ด..เป็นทอม...เป็น..)
บางที..วันเวลาที่สูญเสียไป...
อาจจะค้นพบว่า..
สิ่งดีๆก็อยู่ใกล้ตัวเรานี่เอง....เหมือน เพื่อนเราหลายๆคู่ที่กลับมาพบกัน..หลังจากที่ดูหนังเรื่องแฟนฉัน  :cry5:


ส่วนเรื่องที่ป๋าเก๋พูดนี่ ผมเองเมื่อดูหนังเรื่องนี้ก็นึกย้อนไปถึงตอน ม.4 เหมือนกันครับ
กับสาวผมบ๊อบ เสื้อไหมพรมสีชมพู ที่ผมแอบปลื้มอยู่เหมือนกันครับ
แต่อย่างน้อยผม ก็เจ๋งกว่าท่านประธานนะ ที่ได้ทำความรู้จักและพูดคุยกับเธอ  :smile3:

แต่ก่อนจะเล่าถึงเรื่องนั้น ผมจะเล่าเรื่อง
กฎเหล็กห้อง 5 กับ จดหมายรักปริศนา
ให้ฟังก่อนก็แล้วกันครับ
หัวข้อ: กฎเหล็กห้อง 5 กับ จดหมายรักปริศนา
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ มีนาคม 25, 2008, 08:57:12 AM
จำได้ว่าสมัยที่ขึ้น ม.405 นั้น เนื่องจากว่ามีการเรียนร่วมระหว่างชาย-หญิงเป็นครั้งแรกของพวกเราหลายคน
ดังนั้นเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย ม.ยุทธพงษ์ ครูประจำชั้นของพวกเราจึงได้มีการร่างข้อตกลงระหว่างพวกเรากันขึ้น
ส่วนว่าจะมีกี่ข้อ อะไรบ้าง ผมขอยอมรับตามตรงว่าจำไม่ได้จริงๆ ครับ  -09
แต่ที่แน่ๆ แทนที่มาสเซอร์จะร่างเป็น MOU แผ่นเล็กๆ แล้วติดไว้ที่บอร์ดหน้าห้อง
ท่านถึงกับลงทุนเขียนเป็นประกาศใบใหญ่ติดที่หน้าชั้นข้างกระดานดำ  :angry4:
ที่นี่เรื่องมันมีอยู่ว่า...

















ในบ่ายวันหนึ่งหลังพักเที่ยง... วันนั้นคงเป็นวันที่ชาว 605/30 ทั้งหลายยังจำกันได้ดีนะครับว่าเกิดอะไรขึ้น

มีจดหมายรักปริศนาได้มาปะไว้ที่หน้าห้อง
จดหมายเจ้ากรรมนั้นมีที่ให้ติดเยอะแยะแต่ไม่ติด ดันทะลึ่งมาปะเอาบนกฎเหล็กของมาสเซอร์  :smile6:
ที่นี่ด้วยความที่มาสเซอร์เป็นคนขยันที่มักจะขึ้นไปรอในห้องเรียนก่อนเวลาเสมอ
ท่านก็ไปเจอะเจอกับจดหมายรักฉบับนี้เข้าพอดี คงเดาได้นะครับว่าอะไรจะเกิดขึ้น  -03
เพื่อนหลายคนคงจำได้แล้วนะครับที่วันนั้นชาว 605/30 หรือ 405 ในขณะนั้นทำอะไรบ้างในวันนั้น  -07






























วันดื่มน้ำร่วมสาบาน ของพวกเราไงล่ะคร๊าบพี่น้อง  -03

รายละเอียดเป็นยังไง ขอเสียงชาว 605/30 ที่ยังจำเหตุการณ์ได้เข้ามาช่วยเล่ากันหน่อยครับ
มาแชร์มุมมองกันครับ  :cry5:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: Yai P5/6 ที่ มีนาคม 26, 2008, 08:58:12 AM
กูไม่น่ามาอ่านก่อนกินข้าวเลย
เวร
...........
ฮอลล์ของใคร
............
ไข่ดาวของกูกะเจเอ็กซ์
ฮากกกกกกกกกกกแตก
............
ไม่ค่อยอยากจำแต่มัน
ติดตา
ไม่ตรึงใจ
 :smile6:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ มีนาคม 30, 2008, 09:22:55 PM
มาเล่าต่อให้ครับ  -08 กับความหลังความทรงจำไม่อยากจำสักเท่าไหร่
แต่เป็นเรื่องตราตรึงในความทรงจำของชาว 605/30 ทุกคน...

การสอบสวนเริ่มขึ้นจากการหาตัวเจ้าของจดหมายก่อน ซึ่งไม่ยากครับ
พิสูจน์ลายมือได้ไม่ยาก เจ้าของจดหมายก็คือ คุณเสรี ครับ
เรื่องคุณเสรีนี่ผมก็มีเรื่องส่วนตัวจะเล่าให้ฟังตอนท้ายๆ อีกทีก็แล้วกันครับ
เมื่อเจ้าของจดหมายรับสารภาพแล้ว ก็ต้องหาตัวคนติด ความสนุกมันกำลังจะเริ่มจากตรงนี้แหละครับ
สารพัดวิธีที่มาสเซอร์จะขุดค้นมาให้พวกเรารับสารภาพ และเนื่องจากวันนั้นเป็นวันฝึก รด. ด้วย
การทรมาณให้รับสารภาพจึงเป็นเรื่องง่าย ทั้ง วิดน้ำ วิดพื้น กลิ้งไปมา
จนพวกเราทั้งเหนื่อยและกระหายน้ำกันเป็นอย่างยิ่ง
ที่นี้จะให้พวกเราสารภาพกันได้อย่างไร ในเมื่อคนติดไม่ได้อยู่ห้อง 5
คนติดก็คือ คุณวีรยุทธ (กบ) 604/30 ที่เป็นญาติกับ คุณเสรี นั้นแหละครับ
บังเอิญว่าทั้งคู่ก็เป็นสมาชิกชาวหอมั่นศิลป์เหมือนกับผมนั่นแหละ (เรื่องคุณกบเป็นคนติดผมมารู้ภายหลังนะครับ)
จดหมายที่ว่าก็เขียนถึงสาวเจ้าที่อยู่หอมั่นศิลป์เหมือนกันแต่อยู่คนละห้องกันนะครับ (ห้องเดียวกับเสี่ยหมอริมดอย + Mr. กระบี่อยู่ที่ใจ และป้าฉัตร์)

ที่นี้ไคล์แม็กซ์ กำลังจะมา ด้วยความเหนื่อยและกระหาย มาสเซอร์ก็ดูเหมือนจะเห็นใจพวกเรา
จึงบอกให้พวกเราคนหนึ่งไปหยิบแก้วน้ำของมาสเซอร์ในห้องพักครู และรองน้ำมาให้เต็มแก้วด้วย...

ด้วยความดีใจพวกเราจึงจิบกันคนละเล็กละน้อย บางคนก็มาก บางคนก็น้อย... -09
ทีนี้ด้วยแก้วที่เล็ก น้ำก็น้อย มาถึงครึ่งทางน้ำเจ้ากรรมก็ดันหมดแก้ว  -07

พวกเราก็คิดว่ามาสเซอร์คงใจดีให้ไปเติมน้ำในแก้วใหม่...
แต่...
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: อุเทน47 ที่ มีนาคม 30, 2008, 09:30:55 PM
 -06 โถ ต้องติดตามตอนต่อไป...เมื่อไหร่เนี่ย น้าเก่ง เดี๋ยวนี้เชี่ยวชาญการเขียนบท เหมือนหนังซีรีส์เลยยยยนะ น่าติดตามๆๆๆ
เล่าต่อเลยครับๆๆๆๆๆๆ  -11
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ มีนาคม 30, 2008, 09:59:52 PM
อุ อุ ขอบคุณน้าเก๋ ที่สนใจติดตาม แต่เพื่อน 605 ผมนี่ดิหายเรียบเลย  -08
มีแต่อ้ายใหญ่ไข่เป็ดที่เข้ามาอ่าน  -16
เอ้า...สนองให้น้าเก๋ด้วยการเล่าต่อก็แล้วกันครับ...

เสียงมาสเซอร์ก็แว่วมาว่า...

"ทำไมพวกเธอไม่รักกันเลย เพื่อนคนอื่นๆ ที่อยู่หลังๆ ยังไม่ได้กิน
พวกเขาก็หิวน้ำเหมือนเธอนะ ทำไมไม่รู้จักคิดถึงเพื่อนคนอื่นๆ ด้วย
เอาแบบนี้ก็แล้วกัน... พวกเธอช่วยกันคายน้ำที่กินลงไปคืนออกมาให้เต็มแก้วเหมือนเดิม"  :angry4:

คราวนี้ความสนุกก็บังเกิดล่ะครับ หิวน้ำก็หิว น้ำลายก็แห้ง แล้วจะทำยังไงให้น้ำมันกลับคืนมาเต็มแก้วได้เหมือนเดิมล่ะหว่า  ????

โอ๊ยๆ ชักไม่ไหว ภาพเก่าๆ เล่นงาน ขอเบรคก่อนได้ป่ะครับ  -13































































อิ อิ ล้อเล่น เฉลยให้ก็ได้ครับ แต่เป็นกระทู้ถัดไปดีกว่าไหม....  -021

ล้อเล่นน่า ล้อเล่น
สารพัดน้ำที่พวกเราช่วยกันคืนออกมาครับ ทั้งน้ำมูก น้ำลาย บางคนก็เป็นเสรด(สะกดถูกหรือปล่าวหว่า)
ช่วยกันทุกน้ำทุกอย่างสุดที่จะพรรณาครับ
เวียนเทียนกันก็หลายรอบอยู่....จนในที่สุด...
น้ำก็กลับคืนเต็มแก้วเหมือนเดิม พร้อมฟองฟอดเหมือนเบียร์ แต่สีนี่... -03
ยังครับความสนุกจะเริ่มจากนี้ไปล่ะครับ...

คำสั่งต่อมาของมาสเซอร์ก็คือ.......  -14
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: thisis_ayre ที่ มีนาคม 30, 2008, 10:10:58 PM
แหวะ 

สงสัยว่ามาสเซอร์เก็บแก้วนั้นไว้ หรือว่าทิ้งไปเลย    :no1:

มีใครไม่สบายหลังงานนี้ มั่งไหมเนี่ย
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ มีนาคม 30, 2008, 10:26:57 PM
เอ้า...แม่หญิงแอ้ เข้ามาแจมก็ต่อให้จบตอนนี้ไปเลยก็แล้วกันครับ
ส่วนแก้วที่ว่าเดี๋ยวมีคำตอบตอนท้ายเรื่องครับ


..."นี่ไงน้ำแก้วใหม่สำหรับพวกเธอทุกคน แบ่งกันกินให้หมดนะ"  :งง: -03 -16 -02 -14

คำถามแรกที่โพล่งออกมาคือ "มาสเซอร์ครับ..."
แต่ไม่ทันได้จบคำถาม "ปฏิบัติและให้หมดในรอบเดียวครบทุกคน" คือคำตอบสุดท้ายครับ...
คงเดาได้นะครับว่าอะไรตามมา...  :cry6: :cry6: :cry6:

แต่ครั้งนั้นเป็นการพิสูจน์จิตใจของเพื่อนหลายคนได้ดีทีเดียวครับ
เพื่อนผู้เสียสละบางคนได้ยอมดื่มเป็นจำนวนมาก  :cry5:
แต่มีอยู่ 2-3 คนที่ไม่ได้อยู่ร่วมดื่ม... สาเหตุอะไร ใครบ้างผมไม่ขอพูดถึงนะครับ (ผมจำได้ครับ)
ในจำนวนเพื่อนที่ดื่มไปเยอะมากๆ ต้องยกนิ้วให้ สำเร็จ ศิริ เจ้าพ่อของพวกเรา เสียดายที่เพื่อนมาด่วนจากพวกเราไปก่อน  :cheer2:
คนต่อมาคือ บักน่อง หรือ พี่น่อง โสภณ ยศพันธ์ในปัจจุบัน ท่านประธาน พี่ใหญ่ไข่เป็ดด้วย ขออภัยที่อาจตกหล่นเพื่อนคนอื่นๆ อีก -11
ที่เหลือก็คนละเล็กละน้อย จนหมดแก้วในที่สุด
ผมประทับใจในเพื่อนทุกคนที่ร่วมชะตากรรมกันมากๆ ครับ  -11

อยากบอกพวกเราทุกคนที่ร่วมชะตากรรมกันในวันนั้นว่า พวกนายทุกคนแน่มากเพื่อน   :cry5:

ส่วนแก้วนะหรือครับ มาสเซอร์ให้เอาไปล้าง และเก็บไว้ที่โต๊ะมาสเซอร์เหมือนเดิม
และไม่มีใครไม่สบายหลังจากเหตุการณ์นี้ครับ ทุกคนสบายดีครับ

ส่วนเรื่องหาตัวคนผิด ผลก็คือ ไม่ได้ครับ และเหตุการณ์ไม่ได้จบลงเพียงเท่านี้
ยังมาเรื่องต่อเนื่องอีก จนเมื่อขึ้น ม.5 และ ม.6 พวกเราหลายคนถูกหมายหัวว่าเป็นพวกนอกคอกและแหกกฏ
เรื่องนี้ผมได้รับทราบภายหลังจาก มาสเซอร์ประจำชั้นของพวกเราตอน ม.5 และ ม.6 อีกทีครับ
เหตุการณ์ต่อเนื่องนั้นเดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังอีกที ตอนนี้ขอไปอาบน้ำแล้ว ดูเป็ดแดงย่างเกลือ จิ้มเบียร์ช้าง ก่อนคร๊าบพี่น้อง  022
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: อุเทน47 ที่ มีนาคม 30, 2008, 11:17:56 PM
เคยแต่ดื่มเบียร์แกล้มเสลด ไอ่เฮียตี้แบบไม่รู้ตัว หนูไม่ได้ตั้งใจกิน หนูไม่ได้ตั้งใจกิ้นนนนนน  :angry8:
ถ้าเจอแบบนี้ก็คง...
แหวะ....
เหมือนแอ้ล่ะวะ น้าเก่ง
605...ทำไปด้ายยยยยย  :cry7:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: korokoso ที่ เมษายน 01, 2008, 12:51:37 PM
 001 รับไม่ด้ายยยยยยย
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: Poramet ที่ เมษายน 01, 2008, 01:40:54 PM
มาสเซอร์เปิ้นเป๋นทหารเก่า แนวทางของเปิ้นจะเป๋นแนวทหาร ผม,ออด,กิ๊,มี่ หรือฉายาขณะนั้น ป็อก,หลอ,หยิก,ย่อย จะฮู้ดี
เพราะหมู่ผมเกยไปอยู่ในความดูแลของเปิ้นในห้องขนาด 3*5ม.ล้อมรอบด้วยเหล็กดัดต๋อนเทอม2เกือบทั้งเทอม
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: Chat601 ที่ เมษายน 01, 2008, 08:44:53 PM
แทนที่จะสามัคคีกันดื่ม ทำไมตอนนั้นไม่สามัคคีกันบอกไปว่า "บอยไม่ดื่ม"  :angry6:
ผ่อลอมาสเซอร์จะว่าจะใด
รุ่นเฮานี่กลั๋วครูบาอาจ๋ารย์เนาะ เป๋นบ่าเดี่ยวท่าจะบ่ได้แล้ว
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ เมษายน 01, 2008, 09:15:07 PM
อู้งานไป 2 วันกลับมาต่อให้เรื่องเหตุการณ์ต่อเนื่องจากน้ำสาบาน
ขอบคุณที่ติดตามเรื่องราว และร่วมแสดงความคิดเห็นกันครับ



หลังจากที่หาตัวคนติดจดหมายไม่ได้ และเหตุดังกล่าวทำท่าจะบานปลาย
เนื่องจากว่ามาสเซอร์ คงจะรู้ว่าพวกเราไม่ได้ทำแน่ๆ มาสเซอร์จึงจัดประชุมนอกรอบกับพวกเราทั้งหมด
โดยอ้างว่าเพื่อเป็นการปรับปรุง และแสดงความคิดเห็นต่างๆ ว่าอยากให้มีการปรับปรุงแก้ไขเรื่องใดๆ กันบ้างในห้อง
(ส่วนตัวผมคิดว่าเป็นการแก้เก้อของมาสเซอร์มากกว่าครับ)
ครั้งนั้นเป็นการแสดงความคิดเห็นที่ว่าดุเดือดที่สุดนะครับ จากพวกเราแทบทุกคน
เพราะความไม่พอใจในเหตุการณ์ ก่อนหน้านี้ ผมเองก็ได้แสดงความคิดเห็นไปหลายอย่างหนัก ก็หลายข้ออยู่
จนมาสเซอร์เองก็คงไม่คิดว่าพวกเราจะไม่พอใจกันมาก
เรื่องนี้มาสเซอร์เรียกรายการนี้ว่า มาเปิดใจกันนะ แต่จริงๆ แล้วมันมีเบื้องหลังแอบแฝงที่พวกเราไม่รู้ตัวอยู่ครับ
บทสรุปทั้งหมดมาเฉลยตอน ม.5 และ ม.6 ครับ
ครูประจำชั้น ม.5 และ ม.6 บอกกับผม ไม่ทราบว่าเพื่อนคนอื่นได้รู้ข้อมูลนี้เหมือนกันหรือปล่าว
ว่างานนี้พวกเราถูกหลอกครับ มาสเซอร์ทำบันทึกถึงครูประจำชั้นรุ่นถัดไปของพวกเรา
โดยมาร์กชื่อพวกที่แสดงความคิดเห็นกันในวันนั้นทุกคน ว่าเป็นพวกนอกคอกหัวรุนแรงครับ  -07
โดยเฉพาะผมเองโดยหมายหัวมากสุด เพราะวันนั้นคิดว่าเป็นเรื่องเปิดใจจริงๆ เลยอัดเรื่องแรงๆ ไปหลายเรื่องครับ
 -123
จำได้ว่ามาสเซอร์โถ(ครูประจำชั้น ม.6) และครูปทุมรัตน์ (ครูประจำชั้น ม.5) เคยเรียกผมไปคุย และบอกกับผมว่า
ผมถูกมาสเซอร์ยุทธพงษ์ ทำบันทึกต่อเนื่องถึงมาสเซอร์และครูว่าเป็นคนหัวรุนแรงครับ  -09 -07 -08
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: thisis_ayre ที่ เมษายน 02, 2008, 01:11:42 AM
วุ้่ย เหมือนอ่านนิยายเลยวุ้ย  แล้วทั่นนักเขียนก็ชอบทิ้งท้ายไว้ให้อยากอ่านต่อ  ทั่นเก่ง รีบกลับมาเขียนต่อให้จบเร็ว

สงสัยจังว่าการที่ถูกหมายหัวแบบนี้ มีผลต่อการใช้ชีวิตในโรงเรียนตอนนั้นอย่างไร

เรื่องถ่มน้ำลายใส่แก้วเนี่ย เราได้ยินจากปากเพื่อนห้องห้า  แต่เค้าไม่ได้บอกว่า แก้วมันไม่ได้ถูกวนแค่รอบเดียว แต่มีการวนแก้วรอบที่สองด้วย  เฮ้อ  ขอไปอ้วกก่อนน้า.....
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: Yai P5/6 ที่ เมษายน 02, 2008, 07:59:52 AM
ตอนนั้นไอ้โสมันเปงหัวหน้าห้อง
มานบอกว่า
จบแค่นี้เหอะ
ม่ายงั้น
ชิ...หายแน่
............
เพิ่งกินข้าวเช้ามาด้วยดิ
 -06
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ เมษายน 02, 2008, 09:06:56 AM
จะพยายามต่อให้จบก่อนครบรอบขวบปีเวปปีที่ 3 ครับ
เรื่องการถูกหมายหัวมีผลต่อการใช้ชีวิตในโรงเรียนมั๊ยนั้น
ขอตอบว่ามีน้อยครับ ผมว่าพวกเราโชคดีที่ทั้งครูและมาสเซอร์ท่านดูความประพฤติของเราในแต่ละช่วงชั้นนะครับ
จำได้ว่าหลังจากที่ถูกเรียกไปคุยด้วยทั้ง ครูปทุมรัตน์ และมาสเซอร์โถ ท่านชมพวกเรานะครับ
สำหรับผมนั้นท่านบอกสั้นๆ ว่า เท่าที่ครูดูเธอก็ไม่ได้เป็นแบบบันทึกที่ว่านี่นา


ป.ล. เรื่องเล่าจะพยายามเล่าให้จบและต่อเนื่องครับ แต่ภาระกิจรัดตัวจริงๆ ครับช่วงนี้
ว่างก็แต่ช่วงค่ำๆ บางทีก็ต้องใช้เวลาเคาะความทรงจำในช่วงนั้นด้วยอ่ะครับแม่หญิงแอ้

ตอนต่อไปเป็นเรื่องของ เด็กหล่ายดอยกับ สาวผมบ๊อบเสื้อไหมพรมสีชมพู  ดีมั๊ยครับ  :smile3:
ว่าแต่ว่าชักจะเขินๆ อ่ะ  :smile4: เจ้าตัวเค้ามาสมัครสมาชิกด้วยแล้วอ่ะ  :smile8:
เธอจะเข้ามาอ่านมั๊ย แล้วเธอจะจำเด็กหล่ายดอยคนนี้ได้หรือปล่าวหว่า  :smile4:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: Yai P5/6 ที่ เมษายน 02, 2008, 10:03:30 AM
ทำไมมึงถนัดแต่เรื่องชวนอ้วกวะเก่ง
 :smile10:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ เมษายน 02, 2008, 04:03:48 PM
มันน่าอ๊วกตรงไหนฟ่ะ  -18
ไอ้คุณมรึงนี่ก็ ทำมาด้วยกัน กินมาด้วยกัน
ใครใช้ให้ตอนที่มาสเซอร์ให้กินน้ำรอบแรก แมม่มแดกซะหมดแก้วอ่ะ
ไม่งั้นคงไม่ต้องมีความประทับใจแบบแปลกๆ หรอกน่า
 -123
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: Yai P5/6 ที่ เมษายน 02, 2008, 06:46:53 PM
ป่าวๆ
เรื่องน้ำแก้วนั้นน่ะโอเคเพื่อน
จริงใจอยู่แล้ว(งก)
...........
กูหมายถึง
"เด็กหล่ายดอยกับความรู้สึกดีๆ ที่มีให้สาวผมบ๊อบเสื้อไหมพรมสีชมพู"
จะอ้วก
 :laugh2:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ เมษายน 02, 2008, 08:44:05 PM
เดี๋ยวกูเปลี่ยนเรื่องใหม่ก็ได้
ความรู้สีกของเด็กหล่ายดอย ที่สนใจสาวเจ้า แต่สาวเจ้าไม่สนดีป่ะ  -04

แม่มม เปลี่ยนเรื่องให้ก็ได้ฟ่ะ  -15
เฮ้อ... ป๊อดว่ะ ไม่แน่ใจว่าจะเล่าดีป่ะอ่ะ -25
ขอเวลาตั้งสติและทำใจก่อนอ่ะ
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: thisis_ayre ที่ เมษายน 03, 2008, 04:46:47 AM
เล่า เล่า เล่า  น้า เก่ง น้า...

เหมือนติดนิยายเลยเรา 

ใครหวา???   :smile10:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ เมษายน 03, 2008, 08:21:53 PM
ครับ เล่าไปป๊อดไปจะเป็นไรไปเนอะ กลัวเดี๋ยวมีคนมาอ๊วกอีกอ่ะ  -08
ก่อนอื่นขอปูพื้นเรื่องก่อนที่จะเข้าเรื่องก่อน อ่ะยังไงหว่า  ????
คือว่าเรื่องมันเริ่มต้นที่ว่า ขอท้าวความไปที่หลังจากสลับห้องสร้างห้องใหม่ในชั้น ม.4
ทีนี้มันก็มีทั้งหญิงและชายปะปนกัน คละเคล้ากันไปอย่างที่รู้ๆ กันนะ
แล้วบังเอิญว่าผมเองก็ได้มาอยู่ห้อง 5 มีเพื่อนจาก 302/27 มาอยู่ด้วยกันก็มากพอดู
ทั้งทีกระจายไปยังห้องอื่นๆ อีกก็หลายอยู่ ในกลุ่มห้อง 5 ด้วยกันที่สนิทมากๆ ก็มี เอกราช คาน
แรกๆ ก็ไปไหนด้วยกันสองหน่อ ต่อมาก็มีคุณมิ้งค์จาก 304/27 และคุณใหญ่ ไข่เป็ด 304/27 เช่นกันเข้ามาร่วมแจม
ดังภาพนี้
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ เมษายน 03, 2008, 08:37:28 PM
เรื่องราวต่อมาก็คือว่า พวกเราทั้งสี่ครองรักกันอย่างหวานซึ้ง  :cry5:


















เอ้ย...ไม่ใช่ ไม่ใช่ คือว่าด้วยความที่ผ่านจากโรงเรียนชายล้วนมาตลอด
ทีนี้เมื่อมาเจอสาวๆ เข้าความรู้สึกแปลกๆ ก็เริ่มต้นขึ้น แล้วความบังเอิญก็คือว่า...
ผม เอกราช และคุณมิ้งค์ ก็มาชอบมองๆ สาวคนเดียวกัน
แล้วใหญ่ ตอนนั้นคุณท่านแหล่ใครว้า... ปิดเงียบไม่รู้เลยอ่ะ  -05
อ้าว... ไม่ใช่ ไม่ใช่อีกแหละ เฮ้อ...ป๊อดจริงๆ นะเนี๊ยะ
เรียบเรียงความคิดไม่ถูกเลย

เอาใหม่ครับ เริ่มใหม่ เรื่องมันเริ่มจากคุณมิ้งค์ และคุณเอกราช ก็ไปตกหลุมรัก เอ้ย แอบๆ ปลื้มสาวห้องเดียวกันที่ไม่ใช่ห้อง 5
เอ...จะเผาเพื่อนหรือว่าเล่าเรื่องตัวเองกันแน่หว่า...ชักสับสนแล้ว  :งง:

สิ่งเดียวกันก็เริ่มจะเกิดขึ้นกับผม เมื่อวันหนึ่งในฤดูหนาวมาถึง
วันที่ผมเดินตามหาเพื่อนร่วมก๊วนที่ทอดทิ้งผมเอาไว้  -09
แต่เป็นวันที่ผมได้พบกับสาวน้อยผมบ๊อบในเสื้อกันหนาวสีชมพู  :smile4:
ที่เดินสวนทางกับผม มาพร้อมกับรอยยิ้มทักทาย  :smile3:
สิ่งที่เกิดขึ้นมันจะเรียกได้ว่าเป็น first impression ได้หรือปล่าวนะ  023

ยอมให้ใหญ่อ๊วกอีกรอบก็ได้ว่ะ  -17

จนเมื่อเธอเดินผ่านเลยไป แว๊บแรกที่คิดขึ้นมารุ่นเดียวกันแน่ๆ แต่เธออยู่ห้องไหนกันล่ะ...


ใหญ่ขอร้องถึงตรงนี้ถ้าคุณท่านนึกออกว่าเป็นใครอย่าเพิ่งเฉลยเน้อ  -01
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: Yai P5/6 ที่ เมษายน 03, 2008, 11:16:15 PM
 :smile4:
จำม่ายด้าย
จำด้ายก้อม่ายบอก
ไม่รู้ก้อโง่แล้ว
5555
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: sahai ที่ เมษายน 04, 2008, 12:19:19 PM
เมื่อใดก็ตามที่คุณ . . . อยากคุยกับเขาแต่ไม่กล้าปริปาก
เมื่อใดก็ตามที่คุณ . . . อยู่ใกล้ๆ เขาแล้วมีความสุข
เมื่อใดก็ตามที่คุณ . . . อยากเห็นหน้าเขา ทุกเวลา
 
เมื่อใดก็ตามที่คุณ . . . อยากตามเขา ไปทุกหนทุกแห่ง
เมื่อใดก็ตามที่คุณ . . . แอบมองเขา เวลาเผลอ
เมื่อใดก็ตามที่คุณ . . . แอบยิ้มชื่นชมเขาอยู่ห่างๆ
เมื่อใดก็ตามที่คุณ . . . ไม่กล้าสบตาเขา เมื่อเจอกัน
 
เมื่อใดก็ตามที่คุณอยาก . . . ให้เขามีความสุข โดยลืมมองตัวเอง
เมื่อใดก็ตามที่คุณ . . . ใจเต้นรัว . . . และทำตัวไม่ถูก เวลาเจอเขา
เมื่อไรก็ตามที่คุณ . . . คิดถึงเขาตลอดเวลา
เมื่อไรก็ตามที่คุณ . . . เห็นเขาสนุกสนานอยู่กับคนอื่น . . . แล้วคุณอยากเข้าไปร่วมวงด้วย
 
เมื่อใดก็ตามที่คุณ . . . อยากจะดูแลเขาไปตลอดกาล
เมื่อใดก็ตามที่คุณ . . . รับเขาได้ในทุกอย่างที่เป็นตัวเขา ไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงข้อบกพร่องของเขา
เมื่อใดก็ตามที่คุณ . . . อยากครอบครองเขาไว้คนเดียว
เมื่อใดก็ตามที่คุณ . . . มีกันและกัน. . . แล้วไม่คิดจะมองหาคนใหม่ที่ดีกว่า . . .
 
นั่นไง! ถ้าคุณเป็นแบบนี้ก็แสดงว่า . . . คุณรักเขาแล้ว  :smile8:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: Yai P5/6 ที่ เมษายน 04, 2008, 12:55:43 PM
ขาดข้อสุดท้ายข้อเดียวว่ะ
ที่เหลือ เจอคนสวยๆทีไร
กูก็รักจริงนะ ตะเอง
 :laugh2:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ เมษายน 04, 2008, 09:03:40 PM
ขอบคุณสำหรับสิ่งที่มายกะปิตันนำเสนอครับ
สำหรับผมแล้วในช่วงนั้นจะว่าไปก็อารมณ์ประมาณนั้นได้เลยครับ

แต่ตอนนี้ก็เป็นอารมณ์นี้เหมือนกันครับ ไม่อยากมองหาใครใหม่อีกแล้ว
จริงๆ มีเรื่องที่เขียนเอาไว้อีกเรื่อง และจบแล้วนะ
อารมณ์ประมาณที่มายกะปิตันโพสนั้นแหละครับ
แต่ไม่แน่ใจ เพราะมันอิงเรื่องจริงกว่า 90% ขืนเอามาให้อ่านมีได้อายแน่ๆ  -09
พอดีเขียนไว้เมื่อประมาณปีที่แล้ว เกี่ยวกับ เรื่องที่ผ่านเข้ามาในชีวิตผมนี่แหละครับ
Do you believe in Destiny ?

ขอร้องใหญ่มรึงอย่าอยากอ๊วกอีกนะเฟ้ย...
เดี๋ยวกุเลิกเขียนปล่อยทิ้งจริงๆ นะ

นอกเรื่องไปหน่อยหลังจากที่ได้อ่านวลีเด็ดของมายกะปิตัน
มาต่อจากความเดิมตอนที่แล้ว...

หลังจากนั้นผมก็ได้พยายามค้นหาว่าเธอเป็นใคร ชื่ออะไร และอยู่ห้องไหน
ไม่ยากครับเพราะความที่เป็นเด็กหอ และมีเพื่อนข้ามห้องพอสมควร
ก็ทำให้รู้ว่าเธออยู่ห้องเดียวกันกับ 2 สาวที่ คุณเอกราช และคุณมิ้งค์ แอบชื่นชมนั้นแหละครับ
อืม...สงสัยเนอะว่าทำไมสาวห้องนั้นถึงมีเสน่ห์จังอ่ะ  :love:
ผมรู้ชื่อทั้งจริงและเล่นในเวลาไม่นาน
แต่... แล้วผมจะเริ่มต้นทำความรู้จักกับเธอได้ไงอ่ะ  -08
เฮ้อ... -25 แค่คิดใจมันก็ป๊อดนะครับสำหรับสมัยนั้น กับการรู้จักเพื่อนต่างเพศข้ามห้องเนี๊ยะ
แต่เมื่อใจมันเรียกร้องปฏิบัติการต่างๆ ก็ต้องเริ่มคิดครับว่าจะทำอย่างไร...  :smile7:

ว่าแต่ว่าแล้วผมจะเริ่มยังไงดีอ่ะ แค่คิดก็มึนตึบแล้ว  :งง:
ใครก็ได้ช่วยผมทีครับ  -02
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: Mor-Rim-Doi ที่ เมษายน 04, 2008, 09:59:51 PM
แล้วตกลงอยู่ห้องรัยหละ
ถ้าห้อง 1 เด๋วป๋าเคลียให้
ช้าไป 20 ปี ทำใจนิดนะ
ขอให้ลืมภาพสาวน้อยคนนั้นเสีย
ตั้งสติให้ดี
ท่องนะโม 3 จบ
                      :pray:
กาลเวลาโหดร้ายกับสาวห้อง 1 มาก
(เออออ...ยกเว้นป้าฉัตรคนเดียวครับ)

สวยทน แกร่ง ไม่กลัวแดดฝน
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ เมษายน 04, 2008, 10:34:29 PM
คงไม่ได้ใช้บริการของป๋าแล้วครับ  -08
ปัจจุบันเธอคนนี้เป็นคุณแม่ลูกสองไปแล้วครับ
แต่ในห้วงความทรงจำยังมีเธอคนนี้อยู่เสมอครับ

อุ๊บ... -14 ป๊อดอีกแล้วอ่ะ -08
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: อุเทน47 ที่ เมษายน 05, 2008, 09:29:55 AM
อยู่ห้องสองป่าว น้าเก่ง
เดี๋ยว ผมรับเคลียร์ให้เหมือนเพื่อนหมอ  :x
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: อารยะ ที่ เมษายน 05, 2008, 12:27:56 PM
เพิ่งเข้ามาอ่าน ย้อนกลับไปเรื่องดื่มขี้เติ้กสบานของผู้ชายห้องห้า นิดนึง มานึกถึงว่าไปก็ดีนะ ทำให้พวกเรารักกันมากๆ ถึงชวนอ๊วก รายละเอียดในนั้นในช่วงต้องวนกลืนกลับเข้าไป บางคนจิบๆแล้วส่งต่อ บางคนอ๊วก บางคนช่วยกระดกกลืน ฮายืนหัวแถวคนสุดท้าย แม่ม..เหลือค่อนแก้ว สุดท้ายเพื่อนๆก็ช่วยกันกลั้นใจดื่มจนหมดแก้ว มาสเตอร์เขาก็คงนึกไม่ถึง แล้วเราก็เอาแก้วไปล้างไปอ๊วกที่อ่างล้างหน้า แล้วเรื่องราวนี่ เป็นเหตุผลจำได้ที่ทำให้เรารักและช่วยกันมาตลอด และพวกเราเองเทอมนั้นก็รักม.ยุทธพงษ์ท่านมากจากความจริงจังของท่าน ...การทำงานบางอย่างก็คงต้องยอมรับว่าไม่มีใครจะทำได้ทุกๆคนก็ต้องเว้นไปบ้าง คนแข็งแรงกว่าก็ช่วยกันไป ..ปลายช่วงฯม.6 ในยามที่พวกเราต้องอ่านหนังสือสอบ ต่างคนก็ต่างมุ่งมั่นเตรียมสอบฯ ช่วงนั้นหาคนทำกิจกรรมยาก ต๊อกต้องการคนช่วย พวกเราผู้ชายห้องห้ายังรวมกันกลุ่มใหญ่ช่วยจัดงานบิลลี่ฯให้ลุล่วงไปได้ ก็กลุ่มที่ช่วยกินขี้เติ้กนี่แหละ :)

เก็บไว้เป็นเรื่องดีๆ
...
เก่งๆ แล้วเรื่องสาวคนนั้น ให้เฉลยรึยังไหม :D
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ เมษายน 06, 2008, 12:17:26 AM
อุ อุ ท่านประธานฮู้โตยกาว่าเป็นไผอ่ะ  -07
นึกว่าผ่านมาเมิน เพื่อนๆ ลืมกั๋นไปหมดแล้วอ่ะ  -08 -09
บ่เอา บ่เอา บ่เฉลยเน้อ ใครเฉลยฮาจะบ่เล่าต่อแล้ว อายเปิ้น  -02 -14
ขอเก็บไว้เป็นความทรงจำดีๆ ก็แล้วกั๋นครับ

ตอนนี้มี 2 ห้องติดต่อช่วยเคลียร์แล้วมีห้องไหนเสนอตัวอีกก็ครับ  :smile6:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: กระบี่อยู่ที่ใจ ที่ เมษายน 06, 2008, 09:09:29 AM
ยอมรับความจริงเหอะน่า
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ เมษายน 06, 2008, 09:49:28 AM
ยอมรับความจริงเหอะน่า
ความจริงไรคร๊าบพี่กระบี่  ???? ???? ????
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ เมษายน 06, 2008, 09:11:59 PM
เอาว่ะเล่าไป ป๊อดไปก็ได้ฟ่ะ  -08
กำหนดการก็เริ่มจากหาทางให้เพื่อนร่วมห้องที่เป็นเด็กหอนี่แหละครับเป็นตัวช่วย ในคำตอบสุดท้ายครับ
โชคดีที่เพื่อนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ทุกอย่างก็เลยไปได้สวยครับ
ไม่บอกนะครับว่าเพื่อนคนไหนที่ช่วยผมบ้าง แต่ที่แน่ๆ ช่วงนั้นถ้าสังเกตุว่าผมแวะไปห้องไหนบ่อยก็ห้องนั้นแหละครับ
เอาเป็นว่าผมทำความรู้จักเริ่มต้นด้วย Halls รสน้ำผึ้งผสมมะนาว นี่แหละครับ
วิธีการเหรอครับ ไม่อยากบอกว่าวันนั้น เริ่มด้วยความอายสุดๆ ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีด้วยซ้ำไปครับ
เพื่อนตัวแสบเล่นหักหลังกันอย่างหน้า ป่ะเหนี่ยวเลยอ่ะครับ  -17 -18
พี่แกเล่น เรียกชื่อ ... ... เพื่อนเราคนนี้อยากรู้จักเธออ่ะ ...มันชื่อเก่ง อยู่ห้อง 5 นะ  024
แล้วเพื่อนๆ คิดว่าผมจะทำอย่างไรกับสถานะการณ์ แบบนั้นได้ละครับ กับคนที่ไม่เคยคุยกับเพื่อนต่างเพศมานานแบบผม  :smile6:
ได้แต่ "ยินดีรู้จักครับ รับ Halls สักเม็ดมั๊ยครับ"  :งง:
ผมทำได้แค่นั้นจริงๆ ครับ  :cry2:
แต่อย่างน้อยก็ได้เริ่มต้นมิตรภาพใหม่ๆ และความทรงจำดีๆ ช่วงหนึ่งของชีวิต ใช่มั๊ยครับ  :smile4: :smile8: :smile3:

รายละเอียดอื่นๆ ผมขอไม่เล่าได้ป่ะครับ มันป๊อดอย่างแรงครับ  -08
ถ้าเจ้าตัวเค้าเข้ามาอ่านอ่ะ  -08 ป๊อดจริงๆ นะครับพี่น้อง  -14
และอยากเก็บเป็นความทรงจำส่วนตัวนะครับ  -09

เอาเป็นว่าผมได้รับความทรงจำดีๆ ครั้งหนึ่งในชีวิตนะครับ
และถ้าเจ้าตัวเข้ามาอ่านนะครับ ขอสารภาพตามตรงว่าทุกครั้งที่เจอหน้ากัน
ผมยังเห็นเธอในภาพ สาวน้อยผมบ๊อบ เสื้อกันหนาวสีชมพู เสมอครับ  :smile4:

ครั้งที่ได้ดูแฟนฉันภาพความทรงจำเก่าๆ มันก็ผุดขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัวจริงๆ ครับ  :smile4:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ เมษายน 06, 2008, 09:18:39 PM
มาต่อที่เรื่องอื่นกันดีกว่าเนอะ ความที่พรรษาของพวกเราส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยแก่กล้าในช่วง ม.4
ทำให้เรื่องทะโมนต่างๆ ยังไม่ค่อยมีมากนัก นอกจากว่าเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ กันมากกว่า
ในช่วง ม.5 อีกเรื่องที่ผมจำได้ฝังใจก็เรื่อง การเข้าชมรมต่างๆ จำได้ว่าผมอยู่ชมรมฝึกพูด มายกะปิตันก็อยู่ด้วยกันใช่ป่ะครับ
ชมรมนี้มีเรื่องหนุกหนานค่อนข้างเยอะเหมือนกัน ที่แน่ๆ ผมเป็นเลขาชมรม
เทอมแรกค่อนข้างเข้ม ทำให้เพื่อนหลายคนอาจมีอาการรังกียจผมแบบพอสมควร
แต่ช่วยให้ผมได้เกรดภาษาไทย = 3 อ.ปทุมรัตน์ วิชาภาษาไทยเป็น อ.ประจำชมรมเราครับ
แต่พอเทอม 2 ผมช่วยเพื่อนหลายๆ คน แรกๆ อ. ไม่รู้ครับ แต่พอแกรู้เท่านั้นแหละครับ ภาษาไทยผมร่วงจาก 3 เป็น 1 คร๊าบ  024

หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: korokoso ที่ เมษายน 07, 2008, 09:29:10 AM
 -07 มรึงนี่มันจำความครั้งหลังได้นานขนาดเน้อ.....ตรูลืมไปเกือบหมดแล้ววววว (สงสัยเจอคนเยอะเลยมีเรื่องเข้ามาแยะ) -16
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: Lion King ที่ เมษายน 07, 2008, 10:04:15 AM
-07 มรึงนี่มันจำความครั้งหลังได้นานขนาดเน้อ.....ตรูลืมไปเกือบหมดแล้ววววว (สงสัยเจอคนเยอะเลยมีเรื่องเข้ามาแยะ) -16


เดี่ยวนี้มันไม่ค่อยเจอใครแล้ว


เจอแต่เมียกับลูก

แล้วก็แม้ว
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ เมษายน 07, 2008, 08:32:00 PM
-07 มรึงนี่มันจำความครั้งหลังได้นานขนาดเน้อ.....ตรูลืมไปเกือบหมดแล้ววววว (สงสัยเจอคนเยอะเลยมีเรื่องเข้ามาแยะ) -16
จะว่าเจอคนเยอะ มันก็เยอะ จริงๆ บางเรื่องก็ตกหล่นไปแยะเหมือนกันว่ะ
มันต้องให้ว่างๆ มาค่อยๆ คิด เจอเพื่อนเก่าๆ มันก็จะไหลๆ ออกมาเรื่อยๆ นะ
ว่าแต่ว่า มรึงไม่รับช่วยเคลียร์ให้เหรอ สาวๆ ห้องสามอ่ะ แต่ไม่ใช่หรอก เพราะตรูเองไม่ค่อยได้แวะเวียนไปอ่ะเนอะ

เดี่ยวนี้มันไม่ค่อยเจอใครแล้ว


เจอแต่เมียกับลูก

แล้วก็แม้ว
จริงของเฮียครับ ว่าแต่เฮียครับ ผมว่างเมื่อไหร่จะรีบโทรหานะครับ
จะขอเฮียจัดรายการทบทวนความหลังมั่งอ่ะ  -08
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: Lion King ที่ เมษายน 08, 2008, 06:13:19 PM
ได้เลย  แต่ เอ๊ะ ปิดเทอมนี้ไม่เห็นโทรมา
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ เมษายน 08, 2008, 08:36:57 PM
ได้เลย  แต่ เอ๊ะ ปิดเทอมนี้ไม่เห็นโทรมา

ปิดเทอมนี้ด้วยอารมณ์เปลี่ยวเหงา + ขี้เกียจขับรถ และเมียไปไม่นาน จึงของดเว้นไปหนึ่งครั้งครับเฮีย  -08
เดี๋ยว... เมียไม่อยู่เจอกันแน่ๆ ครับ  023
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: korokoso ที่ เมษายน 09, 2008, 08:48:25 AM
 -25 ดีแต่พูดละว่ะ  :angry4:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: Yai P5/6 ที่ เมษายน 09, 2008, 11:10:26 AM
แล้วจะไปเยี่ยมว่ะเก่ง
เหงใจ
.................
ปรกติมึงหน้าด้านไม่ใช่เหรอ
ทำเนียนบ่อยๆ
ไม่น่าอายนา
 :laugh2:
หัวข้อ: ท่านประธานที่เคารพครับ
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ เมษายน 09, 2008, 08:49:01 PM
ทำเนียนแบบไหนดีล่ะคร๊าบพี่  -09
ทุกวันนี้ก็ภาระพอตัวอยู่แว้ววววววว
ไม่ไหวไม่ไหวฟ่ะ
เอาไว้ยังไงมีโอกาสได้เจอกันแน่ๆ


ท่านประธานครับ คราวหน้าถ้ามีกิจกรรม ช่วยเลือกวันที่ศรีภรรยาผมไม่อยู่ด้วยดิคร๊าบท่าน  -17
เค้าไม่อยู่ 15-20 ท่านก็ไม่จัด ดานมาจัดวันที่แม่คุณกลับมาพอดี ไม่ก็หลังวันที่แม่ทูนหัวเพิ่งจะกลับมาได้ 2-3 วัน  -06
แล้วป๋มจะเคลียร์คิวยังไงล่ะท่าน  -25
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: Yai P5/6 ที่ เมษายน 09, 2008, 08:57:11 PM
คุณมึงก็ออกจดหมายขอตัวนักโทษมาให้คุณท่านประธานเซ็นดิวะ
ขอช่วยราชการด่วนนนนนน
 :smile9:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ เมษายน 09, 2008, 08:59:57 PM
เหอะ เหอะ ใหญ่ กูกลัวว่าจะอดหนักกว่าเดิมอ่ะดิคร๊าบ  -03
เผลอๆ จะไม่ได้ไปแจมตลอดชีวิตอ่ะ -09 (อันนี้ล้อเล่นเน้อ) หรือว่าจริงหว่า...  -14


ปล. สำหรับเพื่อนที่ติดตามกระทู้นี้อยู่และสงสัยเรื่องสาวน้อยเสื้อกันหนาวสีชมพูของผม
กรุณาติดตามเฉลยได้ใน Do you believe in Destiny? ครับ base on true story 90%  :smile4: :smile8: :smile3:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: Yai P5/6 ที่ เมษายน 09, 2008, 09:04:58 PM
เดี๋ยวถ้าอ่านแล้วเข้าแก๊บจะส่งไปเอ็กแซกส์
แอกเซ็กส์ เผื่อไปทำละคร เหมือนแอร์กี่ อีแก่
พ่อของลูกเค้าได้ตามมากราตื๊บคุณเพื่อน
แถมภารรายาตบคอหัก
ได้เลี้ยงรุ่นกินข้าวต้มหน้าโลงกั๋นเน่อ
5555
 -021
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ เมษายน 09, 2008, 09:09:51 PM
กูกำลังคิดหนักอยู่เหมือนกันว่ะ  -06
กัว กัว ว่าจะเป็นแบบนั้นเหมือนกัน เดี๋ยวหยุดเล่าดีก่าอ่ะ  -03
ไม่เอาแล้วอ่ะกัวคร๊าบ  -02
ไม่อยากให้เป็นงานชุมนุมเพื่อนที่ไม่มีตัวเองอยู่ด้วยอ่ะ  -14
ไปลบดีก่าอ่ะ  :งง:

ต้องขออำภัยเพื่อนๆ ที่หลงไปอ่าน Do you believe in Destiny? ด้วยเด้อ
คือแบบว่ามันป๊อดอย่างแรงครับ หลังจากอ่านทั้งหมดจบแล้วอีกรอบครับ
มันพาดพิงถึงบุคคลที่สาม สี่ ห้า เยอะอ่ะครับ
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ เมษายน 09, 2008, 09:20:28 PM
เห็นชื่อพี่สัง หรือ หมอสัง ของเราเข้ามาอ่าน
ก็อดนึกถึงสมัยเรียนไม่ได้ ว่าพี่สังตั้งใจว่าจะเป็นหมอสูตินารีเวช
ขอหมอสังช่วยมาคลายข้อสงสัยให้ผมหน่อยครับ
ว่าพี่สังได้เป็นหมอสูตินารีเวช สมความตั้งใจที่คิดเอาไว้หรือปล่าวครับ  022

 :angry5:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: Yai P5/6 ที่ เมษายน 09, 2008, 09:25:38 PM
เอาเป็นแซวขำๆดีก่าเก่ง
กัดเพื่อนผู้ชายต่อดีก่า
เรื่องพรรณนี้...เดี๋ยวเข้าหน้าไม่ติดอิอิ
 :smile6:
เล่าเรื่องสงกรานต์ตอนเด็กๆหน่อยดิ
ทำไมมันสนุกนักวะ
นี่ว่าจะพาลูกชายไปมะล่อกมะแลกให้สมใจเลย
สงสารเค้า กูกลัวเป็นหวัด
ไม่ค่อยให้ได้เล่น
 :no1:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ เมษายน 09, 2008, 09:46:39 PM
นั่นดิ กูก็ว่าคิดแล้วมันจาไม่ไหวเหมือนกันอ่ะ  -09
อืม...แล้วจะต่อที่เรื่องไหนกันดีล่ะ
นึกออกแล้ว เรื่องการชิมเหล้าครั้งแรกของผมกันดีก่าอ่ะ

จำได้ว่า สมัย ม.4 หรือ ม.5 หว่าที่มีค่ายอาสาพัฒนานี่แหละ
ใครจำได้ว่าตอนนั้นเราไปเข้าค่ายกันที่ไหน ส่วนผมสารภาพว่าไม่แน่ใจเรื่องสถานที่
เพราะตอนนั้นอาสาไปตามสาวครับ  -08
แต่ก็เป็นครั้งแรกที่พี่น่องที่เคารพส่งน้ำสีเข้มๆ เหมือนน้ำชาให้จิบ
ในค่ำคืนอันหนาวเหน็บบนดอยสูง เพราะนอนอยู่ใกล้ๆ พี่น่อง
ระหว่างที่นอนสั่นๆ อยู่กลางดึก พี่น่อง ก็สะกิดเรียกเบาๆ
เฮ้ย วิลเลี่ยม (ฉายานี้พี่น่องตั้งให้ครับ ใครอยากรู้ที่มาให้พี่น่องมาเฉลยแล้วกัน)
คิงหนาวก่อ เอานี่ไปจิบหน่อยป่ะ ขอบคุณกร๊าบ  -01
นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมได้จิบเหล้าแบบเพียวๆ เป็นครั้งแรกครับ
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: suwanwi ที่ เมษายน 09, 2008, 09:52:01 PM
เก่ง
กดโพสต์ไปแล้ว ไมมันไม่ขึ้นล่ะ
พิมพ์ไปตั้งยาวหายหมดเหรอ
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: Yai P5/6 ที่ เมษายน 09, 2008, 10:12:22 PM
หวัดดีหมอ
ทักบ่ดาย
 :smile9:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: suwanwi ที่ เมษายน 09, 2008, 10:21:26 PM
เป็นไงใหญ่
อย่าเรียกฮางั้นเลย เรารู้จักกันก่อนที่เราจะไปเป็นอะไรๆกันตั้งนาน(ไม่ใช่มีอะไรกันนะ) เรียกชื่อเถอะวะ
เออ ฮาเพิ่งรู้ว่าไอ้เก่งมันก็รู้ว่าเราเรียกมันว่าวิลเลียมแฮะ
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ เมษายน 09, 2008, 10:44:16 PM
ฮารู้นานแล้วคร๊าบหมอสัง(...) หรือปล่าวง่ะ 022
พี่น่องเรียกป๋มแบบนั้นตั้งนาน ไม่รู้ก็กระ... แล้วดิพี่คร๊าบ (อู้เล่นบ่ดายเน้อ จะไปโกรธ)

เรื่องกระทู้บางทีมันจะมีเป็นบางอารมณ์ที่มันค้างเวลาที่พิมพ์ยาวๆ แล้วใช้เวลานาน
ดีที่สุดให้ทำไฮไลท์แล้ว copy กันเหนียว ถ้าพิมพ์ยาว
เผื่อว่าโพสบ่ได้จะได้บ่ต้องมานั่งพิมพ์ใหม่ครับ

แล้วตกลงพี่ได้เป็นหมอสูติ สมใจนึกหรือป่ะคร๊าบ  :no1:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: suwanwi ที่ เมษายน 10, 2008, 08:25:59 PM
อ้ายเก่ง สนใจเรื่องสูติซะจริง
ฮานี้บ่เกยสนใจวิชาสูตินรีเลยนะ เพราะบ่ชอบทำงานในที่แคบ อับ และชื้นง่ะ
และอีกอย่างฮามักจะดูไม่ออกนะ คลำ(+ล้วง) แล้วก็ยังบ่ฮู้ว่ามันป่วยเป็นอะไร
ปล่อยคนถนัดเปิ้นทำทางนี้เต๊อะ ในเวปนี้ท่าจะมีหลายคน(แต๊ก่อ?)
ทุกวันนี้ทำงานเป็นหมอตาคร๊าบ
แถมให้อีกหน่อย สุกัญญาเป็นหมอเด็กอยู่ไหนแล้วก็ไม่แน่ใจ เอ อดิศรเป็นหมอกระดูกเหมือนกะไอ้เจียง...ความจริงไอ้เจียงนี่แหละที่มันเปิงเป็นหมอสูติที่สุด  แอนเกษมศรีเป็นหมออายุรกรรมอยู่เชียงราย คาดว่าทุกคนยังไม่ล่วงรู้ว่าเรามีเวปรุ่นว่ะ
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ เมษายน 10, 2008, 09:15:43 PM
ว้า... ม่ายล่ายหลั่งจายเลยอ่ะพี่สังเนี้ยะ เห็นประกาศความตั้งใจเสียดิบดี  :no2:
ยังจำได้นะตอนนั้นอ่ะ อิอิ คริ คริ -021 :laugh2: -021 :laugh2:
ออกตัวเอี๊ยดแบบนี้เลยรึ ไม่ดีนะ ไม่ดี  :smile10:

อดิศร ล่าสุดได้ข่าวว่าอยู่ รพ.กลาง
ส่วนญา เจอครั้งสุดท้ายเมื่องานแต่งเจ้าตัวนั่นแหละ คาดว่าน่าจะอยู่ที่ชัยนาทเหมือนเดิมนะ

ว่าแต่ว่าพี่สังเป็นหมอตา ขอถามว่า ทำเลซิค จริงๆ แล้วดีป่ะ มันมีโอกาสกลับมาสั้น หรือยาวเหมือนเดิมป่ะคับ  ????

อืม...อืม...นอกเรื่องไปอีกแย้ว เข้าเรื่องเล่าเย็นนี้ต่อดีก่าอ่ะ
ถึงไหนแล้วหว่า  :smile6:
อืม... ม.5 ผ่านๆ ไปก็แล้วกันเนอะ ไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่
จะมีก็แต่ เพื่อนที่ต้องจากพวกเราไปอย่างไม่กลับ 3 คน
ได้แก่ พี่ใหญ่ไข่เป็ดยูไนเต็ด เฮียมิ้งค์ ณ ค.เคหะภัณฑ์ และ สุพิศา























































เพราะสอบเทียบได้ และสอบติดไปใช้ชีวิตเด็กมหาลัยก่อนพวกเรา  -021
อย่าคิดเป็นอย่างอื่นน้า....


พี่ใหญ่ไข่เป็ดยูไนเต็ด ได้ วิศวะ จุฬา ข่าวว่าได้ไปสร้างวีระกรรมขว้างแก้วแถวพัฒน์พงษ์
จริงแท้อย่างไร พี่ใหญ่มาแก้ข่าวเอาเองด้วยครับ ผมก็แค่ได้ข่าวลือมา  -021

เฮียมิ้งค์ ณ ค.เคหะภัณฑ์ ได้ สองเด้ง สอบติด วิศวะ มช. และได้ทุน AFS ไปฝึกทำพิซซ่าที่อิตาลี
ทำหัวใจสาวๆ สลายกันไปหลายคน กลับมายังใจดีชวนเพื่อนๆ ไปชิมพิซซ่าสูตรพิเศษที่ร่ำเรียนมา
ไม่รู้ว่าทุกวันนี้ยังมีฝีมือเก่าๆ หลงเหลือมาทำให้เพื่อนหล่ายดอยได้ชิมเป็นบุญสักครั้งหรือปล่าว
แบบนี้แก็งค์ผมก็หายไปสองคนแล้ว  -08

ส่วนสุพิศา ก็ติด เกษตร เกษตร บางเขน ล่วงหน้าไปอีกคน
ทุกวันนี้ใช้ชีวิต เป็นทั้งเกษตรกร และทนายฝีมือดี อยู่แถวๆ หล่ายดอยนี่แหละครับ
ยังคงพบหน้าค่าตากันเรื่อยๆ


ชีวิตมามันส์กันจริงๆ ก็ตอน ม.6 นี่แหละครับ วีระเวร มันมากมายจริงๆ
เริ่มที่อะไรกันก่อนดีน้า....

เอาเป็นว่าเริ่มที่เรื่องนี้ก่อนก็แล้วกันครับ
ช่วง ม.6 เป็นช่วงที่ผมออกมาใช้ชีวิตนอกหอ เป็นครั้งแรกหลังจากที่ต้องใช้ชีวิตเด็กหอมา 9 ปี
แต่จะว่าไปก็ไม่ต่างจากเด็กหอเท่าไหร่ ยังนั่งรถร่วมลุงเหรียญ มากับเพื่อนๆ ชาวหออยู่ดี
แต่มีโอกาสได้ออกท่องยุทธภพกับพี่ๆ ทั้งหลายมาขึ้น ทำเอาเด็กหล่ายดอยอย่างผมเป็นคนทันสมัยขึ้นมาเชียว  :cry5:

อืม...อืม...เรื่องใกล้จบแล้วอ่ะ ทำไงดี ไม่อยากเล่าต่อแล้วเดี๋ยวจบเร็วอ่ะ
เพราะตั้งใจว่าจะเล่าให้ครบปี
หนีไปเที่ยวสงกรานต์ก่อนเน้อ ไว้หลังสงกรานต์จะมาเล่าต่อให้ อาทิตย์ละเรื่องก็แล้วกัน  -021
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ เมษายน 10, 2008, 09:47:13 PM
เล่าเรื่องสงกรานต์ตอนเด็กๆหน่อยดิ
ทำไมมันสนุกนักวะ
นี่ว่าจะพาลูกชายไปมะล่อกมะแลกให้สมใจเลย
สงสารเค้า กูกลัวเป็นหวัด
ไม่ค่อยให้ได้เล่น
 :no1:
-25 เชื่อมั๊ยใหญ่ กูไม่เคยได้เล่นน้ำสงกรานต์รอบคูเมืองเลยสักครั้งอ่ะ
ได้แต่ฟังเพื่อนๆ เล่าให้ฟัง โอกาสที่ใกล้เคียงที่สุดก็ตอนที่จบ ม.6 นั่นแหละ
แต่ก็มีเหตุบังเอิญให้ไม่ได้เล่นอีกอยู่ดีว่ะ (จริงๆ มีเล่าใน Do you believe in destiny? นะ)
มันคงเป็น destiny ของกูที่ไม่มีวาสนาได้เดินเล่นน้ำรอบคูเมืองอ่ะ  -25



เรื่องของเรื่องก็คือ ก่อนสงกรานต์ไม่กี่วัน หลังสอบเอ็นทรานส์นั่นแหละ
ซายิดกับตุ๊ โทรมาบอกว่าสอบติด ABAC แล้วต้องรีบลงไปมอบตัว
ทีนี้พอลงไปมันก็ช่วงใกล้สงกรานต์พอดี ประมาณวันที่ 11 นี่แหละ
แล้วตั้งใจว่าจะกลับมาเล่นน้ำสงกรานต์ทันพอดี อุตส่าห์เดินหาตั๋วรถแทบตาย
โชคดีได้ตั๋ววันที่ 12 ทันก็คิดกันว่าจะไปเล่นน้ำสงกรานต์วันที่ 13 รอบคูเมืองแต่เช้า
แต่เจ้ากรรม....ไอ้เด็กท้ายรถ แม่ม...ทำไปได้ ดันเอาน้ำไปเติมถังน้ำมันระหว่างทาง
เพราะคิดว่าเป็นถังหล่อเย็นของแอร์ กว่าพวกจะแก้ปัญหาได้ ไม่มีรถเปลี่ยน ต้องถ่ายน้ำออกอย่างเดียว  :try:
มาถึงเชียงใหม่เอาเย็นวันที่ 13 แล้ววันที่ 14-15 ก็ต้องเตรียมตัวหาตั๋วกลับ กทม.
เพราะอย่างช้าวันที่ 16 ต้องกลับลงไปเริ่มเรียน Summer
เพราะ ABAC เริ่ม summer วันแรกวันที่ 17  -25
โคตรทุลักทุเลจริงๆ ว่ะ เริ่มต้นชีวิตมหาลัยอ่ะ  -06
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: Yai P5/6 ที่ เมษายน 11, 2008, 06:57:10 AM
มึงก็พาลูกไปเล่นแทนดิ
..............
นึดถึงมอปลายตอนดู season change ว่ะ
เดี๋ยวเมียเผลอคงแอบๆทำ
see some chick แทน
 :smile4:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: นิชคุณ ป๋ายดอย ที่ เมษายน 17, 2008, 03:43:13 PM
เข้ามาสงสารบ่าเก่ง  ไม่ได้เล่นน้ำรอบคูเมืองสักที...อ้ออ๊อย... -08
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: อุเทน47 ที่ เมษายน 17, 2008, 07:36:19 PM
ไม่ได้เล่นน้ำในคูเมือง สงสัยแอบไปเล่นที่ซายูริ 555  :x
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ เมษายน 17, 2008, 10:33:15 PM
เหอะๆ บ่อยู่ 2-3 วันพี่ท่านทั้งหลายเข้ามาแทงข้างหลัง เกือบทะลุถึงหัวใจซะแว้ว  -02
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ เมษายน 20, 2008, 08:33:43 PM
เอ้ามาต่อยอดให้ครับ
หลังจากที่ใช้ชีวิตเด็กหอมา 9 ปี ออกมาอยู่เป็นเด็กบ้าน
ที่ยังต้องส่งเสบียงกรังให้กับเพื่อนชาวหออยู่ดี 
ก็มาเริ่มสนิทกับท่านประธานมากขึ้น ยังจำแผ่นหลังอันอบอุ่นของพี่ยะได้ครับ 
ในยามที่ต้องซ้อนรถท่านไปเที่ยวชมดอยยามค่ำคืนอันเปลี่ยวเหงา

























เอ...ยังไงหว่า ชักออกแนวพิลึกแล้ว 
ไม่ใช่ครับไม่ใช่แนวนั้นครับ
อันนี้เป็นความทรงจำดีๆ ของชาว 605/30 ที่ร่วมต้อนรับน้องใหม่อย่างผม
ด้วยการพาขึ้นดอยไปมอมน้ำสีชา 
ก็ได้พี่ยะนี่แหละครับเป็นคนรับส่ง ซ้อนมอเตอร์ไซค์พี่ยะด้วยความมั่นใจ
เพราะถึงผมจะเมาอย่างไร พี่ยะก็ไม่เมา เพราะพี่ยะไม่ดื่มครับ มั่นใจเต็มเปี่ยมครับ 
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ เมษายน 20, 2008, 08:44:52 PM
ก่อนจะเล่าต่อ ขอยกความดีให้กับผู้มีพระคุณกับผมอีกคนครับ
ท่านนั้น คือ อ.สมพันธ์ ผดุงเกียรติ หรือพี่ปื้ด อ.ปื้ด ของพวกเราหลายๆ คนครับ
ผมบังเอิญโชคดีได้รู้จักท่าน เมื่อวันที่ผมเกิดอาการเจ็บหลังขึ้นมาในวันหนึ่ง
ด้วยความที่ถูกชะตาก็ทำให้ท่านเมตตาผมเป็นพิเศษ
ทำให้ผมมีโอกาสได้สัมผัสชีวิตอีกแง่มุมหนึ่งในช่วง ม.ปลาย
ถ้าไม่มีท่านในวันนั้นก็คงไม่มีผมในแบบวันนี้ครับ

ด้วยความเมตตาของพี่ปื้ดทำให้ผมได้สนุกกับชีวิตไร้ขีดจำกัดใน ม.ปลาย
จนวันหนึ่งพี่น่องถึงกับตั้งฉายาให้ผมว่า ไอ้นักวิ่งขี้เมา ก็จะอะไรเสียอีกล่ะครับ

คืนหนึ่ง พี่ปื้ดก็เมตตาพาผมไปตะลุยราตรี ตามประสา
แล้วบังเอิญผมลืมไปว่า ในวันรุ่งขึ้นเป็นวันที่จะต้องสอบวิ่ง 1000 เมตร
คงพอนึกออกนะครับว่าจะเกิดอะไรขึ้น หลังจากที่ตะลุยราตรีเข้าบ้านตอน ตี 4 ครึ่ง
นอนไปประมาณ ตี 5 ด้วยอาการเมาสุดขีด แล้วตื่น 6 โมงครึ่งไปโรงเรียนด้วยอาการกึ่งผีดิบเมาค้าง  -03
แล้วต้องลงสอบวิ่งตอน 10 โมงเช้า  -07
แล้วสิ่งมหัศจรรย์ก็บังเกิดผมสอบผ่านด้วยสถิติที่เวลาปกติผมยังทำไม่ได้
แต่หลังจากวิ่งเข้าเส้นชัยไปแล้วเพื่อนๆ ต้องรีบเข้ามาประคองด้วยความที่...
ถ้าไม่มีใครเข้ามารับผมคง  -02
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ เมษายน 20, 2008, 08:50:38 PM
ยังจำกันได้มั๊ยครับว่าตอน ม.6 นั้น ใครที่ไม่สอบวิชาไหนในการสอบเอ็นทรานส์และโควต้า
ครูและมาสเซอร์ผู้ใจดีมักจะอนุโลมให้ไม่ต้องเข้าเรียนวิชานั้นได้
ยังจำชั่วโมงชีวะวิทยาของ ครูเซาะลั้ง ได้มั๊ยครับ ที่พวกเราแรกๆ ก็ครึ่งห้องลงไปแตะบอลกัน
ต่อมาไม่นานก็กลายเป็นว่าทั้งห้องลงไปกันหมดเลย ไม่ว่าชายหรือหญิง
สุดท้ายไม่นานมาตราการที่ว่าก็ยกเลิกไปในที่สุด  -08
ใกล้จบแล้วสินะครับ เรื่องราวต่างๆ ในรั้วแดงขาวน้ำเงินแห่งนี้
ความทรงจำดีๆ ที่มีอยู่หลายเรื่องราว
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: นิชคุณ ป๋ายดอย ที่ เมษายน 21, 2008, 11:39:46 AM
เอ้ามาต่อยอดให้ครับ
หลังจากที่ใช้ชีวิตเด็กหอมา 9 ปี ออกมาอยู่เป็นเด็กบ้าน
ที่ยังต้องส่งเสบียงกรังให้กับเพื่อนชาวหออยู่ดี 
ก็มาเริ่มสนิทกับท่านประธานมากขึ้น ยังจำแผ่นหลังอันอบอุ่นของพี่ยะได้ครับ 
ในยามที่ต้องซ้อนรถท่านไปเที่ยวชมดอยยามค่ำคืนอันเปลี่ยวเหงา
































เก่ง.....แล้วที่ผ่านมาตอนอยู่หอ...เรานอนเตียงข้างๆ กัน...มึงคิดอะไรกะกูไหมเนี่ย? -08
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ เมษายน 21, 2008, 08:44:32 PM
เสียใจว่ะเนิน เมิงหล่อเกินเอื้อม กูเลยมองข้ามไปตอนนั้น
ถ้าเป็นตอนนี้ ไม่แน่อ่ะ ชอบหุ่นอวบๆ แบบเนินตอนเนี๊ยะ สเปคเลยอ่ะ  :smile8:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ เมษายน 21, 2008, 09:09:58 PM
อีกเรื่องที่จะขอบันทึกไว้ ยังจำความประทับใจในวันเลี้ยงส่งได้ครับ
วันนั้นเป็นวันถ้าใครมีเรื่องราวใดๆ ที่คั่งค้างก็มักมีการชำระกันให้หมด
ผมจำได้ว่า เพื่อนร่วมรุ่นเราคนหนึ่งเป็นที่หมายปองในการชำระมากๆ
วันนั้นหลายคนประสงค์ที่จะชำระกับเขา แต่ผมได้ขอรับหน้าที่นั้นแทนเพื่อนทุกคน
คนนั้นก็คือเจ้าของจดหมายรักต้นเหตุที่มาของน้ำร่วมสาบาน คงยังจำกันได้นะครับ
เจ้าตัวเองก็พอรู้ตัวว่าจะมีคนประสงค์ดีกับตัวแน่ๆ แต่ไม่รู้ว่าจะเป็นใคร
เมื่อเวลานั้นมาถึง ผมเองก็เริ่มเมาเดินเข้าไปอย่างมั่นใจพร้อมกับปล่อยออกไปหนึ่งหมัด แทนใจเพื่อนทุกคน
 -123
เสียดายที่ใครหลายคนในเวลาต่อมาบอกกับผมว่าไม่แตก  -08 -09
ต้องขอโทษเพื่อนทุกคนที่มอบหมายให้ด้วยครับ
แต่ความประทับใจคือเหตุการณ์หลังจากนั้นมากกว่าครับ
เพราะจำได้ว่า หลังจากนั้นจะมีรายการเอาคืนจากกลุ่มของเพื่อนคนนั้น
แต่เพื่อนแทบทุกคน บอกว่าถ้าจะเอาคืนกับผมล่ะก็ต้องผ่านพวกเขาเหล่านั้นไปก่อน
จำได้ครับเพื่อนทุกคนที่ออกมากันผมในวันนั้น
ทั้งพี่น่องที่ประกาศกร้าวเป็นคนแรก ท่านประธาน เพื่อนเมศ และชาว 605/30 กว่าครึ่งห้อง ขอบคุณทุกคนครับ  :cry5:

แต่สุดท้ายผมหนีไม่พ้นครับ ผมถูกเพื่อนคนหนึ่งตบหน้าอยู่ดีครับ  -08
พร้อมกับถามผมว่า ไปทำเขาทำไม... -09
อึ้งไป พักใหญ่ก่อนถามย้อนกลับไปว่า พอไหม ถ้าไม่พออีกข้างก็ได้นะ (อู้ว...แมนมาก)  -25
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: Yai P5/6 ที่ เมษายน 22, 2008, 08:10:00 PM
 :try:
อะโห...
..........
แต่ยะมันรักเพื่อนจิงๆนะ
ตอนมอหก
แว่บกลับไปหาเพื่อนๆที่เชียงใหม่
เฮฮากันตามประสา
...........
ขากลับ
ซ้อนสามกันมา
เจอหัวปิงปรองงงง
เสร็จดิอ้าย
............
จบลงที่พี่อารยะแก
วิดพื้น 50 ที
กูขอโทษ กูมาวว
ไม่ได้ช่วยแบ่งเบาเรยย
............
ยะ...เพื่อน...กูรักมึงว่ะ
จุ๊บๆ
 :cry7:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ เมษายน 22, 2008, 08:59:39 PM
หมดแล้วมั่งครับเรื่องราวของผมในรั้วมอวอ จริงๆ มันก็พอมีอีกล่ะนะ
แต่ว่ามันพาดพิงอ่ะ กัวจาอยู่ไม่สุขอ่ะครับ

ไม่ทราบว่าเพื่อนๆ ยังจำฉายานี้ได้หรือปล่าวเอ่ย
สิงห์ขยับ กับบรรลัย และ สิงห์ปาริก้า อุ อุ
ทั้งสองนี้คนเดียวกันครับ มีเรื่องให้เผา จาเผาดีมั๊ยหว่า
กัวเจอหน้าเจ้าตัวแล้วจาหัวแตกอ่ะ  -08

เรื่องมีอยู่ว่า...  :laugh2:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ เมษายน 23, 2008, 09:46:40 AM
หลังจากได้อ่าน speech ของบราเดอร์อังเดรแล้ว คงอดนึกถึง
เรื่องที่พวกเราแตะบอลกันบนตึกแล้วต้องวิ่งหนีบราเดอร์กันแบบผ่านไปไม่ได้นะ  :cry5:
โชคดีที่ครั้งนั้นไม่มีใครคิดกระโดดลงจากตึกเรียน ไม่งั้น  -14

วลีเด็ดสมัยนั้นก็คงไม่แคล้ว เฮ้ย อังเดรมา

ยังจำได้ดีเวลาที่บราเดอร์เข้ามาตามถึงในห้อง และเพื่อนเราเหงื่อโซมกาย
แล้วบราเดอร์ถามว่าไปทำอะไรมา
เพื่อนก็ตอบว่า วิ่งขึ้นมาจากข้างล่างครับ ทั้งๆ ที่เพิ่งจะหลบบราเดอร์เข้ามาในห้อง

อีกเรื่องที่ทำให้พวกเราลังเล ในการตั้งชื่อรุ่นหรือปล่าวหว่า  ????
ไม่พูดถึงก็คงไม่ได้ น้ำท่วมใหญ่ครั้งประวัติศาสตร์ในปี 2530
ครั้งนั้นน้ำท่วนสูงมากๆ ครับ
ผมปั่นจักรยาน ไปเยี่ยมท่านสิงห์ขยับกับบรรลัย ที่บ้านหน้าโรงเรียน
จำได้ว่าระหว่างทางเข้าหน้าโรงเรียน น้ำท่วนถึงอานจักรยานคันสูงของผมเชียวนะนั่น  -07
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: นิชคุณ ป๋ายดอย ที่ เมษายน 23, 2008, 09:50:29 AM
เฮ้ย ลุงเอี่ยมเกีย มา!!!




 -08 -09 -14
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ เมษายน 23, 2008, 09:54:46 AM
 :go:

แม.ร่.ง ....  -18
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: อารยะ ที่ เมษายน 23, 2008, 11:45:57 PM
คุณมึงก็ออกจดหมายขอตัวนักโทษมาให้คุณท่านประธานเซ็นดิวะ
ขอช่วยราชการด่วนนนนนน
 :smile9:
:D สงสัยต้องมี passaport ตลอดชีพนา
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: อารยะ ที่ เมษายน 23, 2008, 11:53:17 PM
เอ้ามาต่อยอดให้ครับ
หลังจากที่ใช้ชีวิตเด็กหอมา 9 ปี ออกมาอยู่เป็นเด็กบ้าน
ที่ยังต้องส่งเสบียงกรังให้กับเพื่อนชาวหออยู่ดี 
ก็มาเริ่มสนิทกับท่านประธานมากขึ้น ยังจำแผ่นหลังอันอบอุ่นของพี่ยะได้ครับ 
ในยามที่ต้องซ้อนรถท่านไปเที่ยวชมดอยยามค่ำคืนอันเปลี่ยวเหงา
เอ...ยังไงหว่า ชักออกแนวพิลึกแล้ว 
ไม่ใช่ครับไม่ใช่แนวนั้นครับ
อันนี้เป็นความทรงจำดีๆ ของชาว 605/30 ที่ร่วมต้อนรับน้องใหม่อย่างผม
ด้วยการพาขึ้นดอยไปมอมน้ำสีชา 
ก็ได้พี่ยะนี่แหละครับเป็นคนรับส่ง ซ้อนมอเตอร์ไซค์พี่ยะด้วยความมั่นใจ
เพราะถึงผมจะเมาอย่างไร พี่ยะก็ไม่เมา เพราะพี่ยะไม่ดื่มครับ มั่นใจเต็มเปี่ยมครับ 

อ่อ เป็นงี้นี่เอง นึกไม่ออกว่าอาการเสียวสันหลังเราเริมมาตั้งแต่เมื่อไหร่  :laugh2:
ตอนนั้นพวกเราเด็ก ดอยยังเปิดขึ้นได้เรื่อยๆ ใครน่ะรถล้มกับเรา บนดอยสุเทพ ยังจำไม่ได้
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: อารยะ ที่ เมษายน 23, 2008, 11:57:45 PM
:try:
อะโห...
..........
แต่ยะมันรักเพื่อนจิงๆนะ
ตอนมอหก
แว่บกลับไปหาเพื่อนๆที่เชียงใหม่
เฮฮากันตามประสา
...........
ขากลับ
ซ้อนสามกันมา
เจอหัวปิงปรองงงง
เสร็จดิอ้าย
............
จบลงที่พี่อารยะแก
วิดพื้น 50 ที
กูขอโทษ กูมาวว
ไม่ได้ช่วยแบ่งเบาเรยย
............
ยะ...เพื่อน...กูรักมึงว่ะ
จุ๊บๆ
 :cry7:

เอ่อ เสียวอีกแล้วต..รู
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ เมษายน 24, 2008, 09:13:16 AM
อุ อุ ในที่ท่านประธานพี่ยะก็มาแจมแล้ว
จริงๆ ผมชอบแผ่นหลังอันบึกถึกของพี่ยะนะ ล้อเล่นเน้อ

นึกถึงเรื่องแนวนี้แล้วอดคิดถึงช่วงหนึ่งใน ม.6 ไม่ได้
คือว่า... ทำไมพวกเด็กๆ ประเภท 2 มันถึงได้ชอบผมนักอ่ะ  -07
ผมเคยเดินผ่านตึก ม.ต้น แล้วต้องรีบวิ่งหนี
เพราะไอ้พวกเด็กพวกนี้ ดันผ่ามาตะโกนเรียกชื่อผม ในชั่วโมงเรียนของมันอ่ะดิ  -03
มาสเซอร์กำลังให้อ่านหนังสืออยู่ดีๆ ไอ้เราก็เดินผ่านมากับ ซายิด
พวกมองเห็นก็หยุดอ่านแล้วตะโกนออกมาซะลั่น พี่เก่ง  -03
จนมาสเซอร์ต้องออกมามองหา ว่าใครกันที่ชื่อนี้ วิ่งหนีแทบไม่ทันอ่ะ  -09

ป้ากบน้อยหรือจารย์ทศถ้าเข้ามาอ่านช่วยบอกผมทีครับ
ผมมีเสน่ห์กับเพศเดียวกันตรงไหนอ่ะ -08
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ เมษายน 24, 2008, 09:33:27 AM
นึกว่ามานจะจบแค่นั้น วันหนึ่งเดินคุยกับน้องรหัสมาเรื่อยๆ ตามทางเดินจากโรงอาหารถึงห้องสมุด
ก็มาป่ะเข้ากับเด็ก 2 คนกำลังถ่ายรูป อืม...นะ เด็กมันคงถ่ายรูปเล่นกัน
แต่...




เอ...ทำไมไอ้คนโพสท่ามานแปลกๆ ฟ่ะ
ทำไมมันต้องยืนเอนตัวไปมา เหมือนหลบกล้องอ่ะ
แล้วมันก็ถามกันเบาๆ ว่าเห็นชัดหรือยัง  -06
ไม่อยากคิดมาก อืม...นะ คงไม่มีไรหรอก
รีบจ้ำเดินให้พ้นๆ กล้องมันไปจะได้ไม่เกะกะเด็กมัน
พอเดินพ้นมามันก็เลิกถ่าย เออ...มันคงจะถ่ายรูปกันเสร็จล่ะ
ดีแล้วจะได้ไม่เกะกะเด็กๆ มัน
















ที่ไหนได้ ตกเย็นมาเจอกับน้องรหัสอีกรอบ น้องไม่บอกอะไร
เอากล้องขึ้นมาจะถ่ายรูปเรา เอ... :smile10: ไอ้กล้องนี้มันคุ้นๆ ตานะ
เอามือไปจับกล้องก่อนจะทันได้กดชัตเตอร์ แล้วถามว่า เอากล้องมาจากไหน ถามเชิงขู่เข็น
น้องบอกตะกี้เด็กมันมาแอบถ่ายพี่เหมือนเมื่อตอนกลางวัน แล้วถ่ายไม่ได้มานเลยเอามาฝากหนูไว้
ขอหนูให้ช่วยถ่ายให้ด้วย  -18 -15
มานจะอะไรกันนักหนาของมานฟ่ะ  -04
 -123

หลังๆ เลยเหมือนกับโรคจิตนะเออ เดินไปไหนต้องคอยมองสอดส่ายไปรอบๆ ตลอดเวลา
มานยังจะมาอีกมั๊ยอ่ะ  -25
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ พฤษภาคม 05, 2008, 12:01:21 AM
เข้ามาปิดกระทู้แล้วครับ คงจะจบเรื่องราวในรั้วแดงขาวน้ำเงิน ของเด็กหล่ายดอยคนนี้แต่เพียงเท่านี้ครับ
ติดตามเรื่องราวต่อไปได้จาก Do you believe in Destiny? ครับ

ลาก่อนลาแล้ว   เพื่อนแก้วเพื่อนขวัญ
จำพรากจากกัน  ด้วยความอาลัย
จากกันแต่กาย   ดวงใจฝากไว้
ถึงอยู่ถิ่นใด      ไม่ขอลืมเลือน
จากถิ่นไหนไกลใกล้  ได้มาพบกัน
รั้วมงฟอร์ตนั้น   โอบกั้นดุจแขนมารดา
แต่บัดนี้เห็นที  ต้องจรจำลา
หวังเชิดชูตา  ก้าวหน้าเสริมสถาบัน
ชั่วชีวิตใจจิต  จะขอตรึงมั่น
รักมงฟอร์ตอัน  ขาวแดงนั่นไม่ขอลืมเลือน


ฝากไว้ด้วยเพลงผลงาน ของ มาสเตอร์ประเสริฐ  มั่นศิลป์ ครับ
จนกว่าจะพบกันใหม่ครับ
ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันมาครับ
สำหรับเพื่อนๆ ทุกคน ว่างๆ จะมาเล่าเรื่องให้ฟังกันต่อครับ

 :bye: :bye: :bye:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: Putsiland ที่ พฤษภาคม 06, 2008, 01:39:48 PM
นึกว่ามานจะจบแค่นั้น วันหนึ่งเดินคุยกับน้องรหัสมาเรื่อยๆ ตามทางเดินจากโรงอาหารถึงห้องสมุด
ก็มาป่ะเข้ากับเด็ก 2 คนกำลังถ่ายรูป อืม...นะ เด็กมันคงถ่ายรูปเล่นกัน
แต่...




เอ...ทำไมไอ้คนโพสท่ามานแปลกๆ ฟ่ะ
ทำไมมันต้องยืนเอนตัวไปมา เหมือนหลบกล้องอ่ะ
แล้วมันก็ถามกันเบาๆ ว่าเห็นชัดหรือยัง  -06
ไม่อยากคิดมาก อืม...นะ คงไม่มีไรหรอก
รีบจ้ำเดินให้พ้นๆ กล้องมันไปจะได้ไม่เกะกะเด็กมัน
พอเดินพ้นมามันก็เลิกถ่าย เออ...มันคงจะถ่ายรูปกันเสร็จล่ะ
ดีแล้วจะได้ไม่เกะกะเด็กๆ มัน


















ที่ไหนได้ ตกเย็นมาเจอกับน้องรหัสอีกรอบ น้องไม่บอกอะไร
เอากล้องขึ้นมาจะถ่ายรูปเรา เอ... :smile10: ไอ้กล้องนี้มันคุ้นๆ ตานะ
เอามือไปจับกล้องก่อนจะทันได้กดชัตเตอร์ แล้วถามว่า เอากล้องมาจากไหน ถามเชิงขู่เข็น
น้องบอกตะกี้เด็กมันมาแอบถ่ายพี่เหมือนเมื่อตอนกลางวัน แล้วถ่ายไม่ได้มานเลยเอามาฝากหนูไว้
ขอหนูให้ช่วยถ่ายให้ด้วย  -18 -15
มานจะอะไรกันนักหนาของมานฟ่ะ  -04
 -123

หลังๆ เลยเหมือนกับโรคจิตนะเออ เดินไปไหนต้องคอยมองสอดส่ายไปรอบๆ ตลอดเวลา
มานยังจะมาอีกมั๊ยอ่ะ  -25
รู้จักอ้ายเก่งมาตั่งนานเพิ่งจะรู้ว่าอ้ายเก่งมีน้องๆตามดูแลตั่งมัธยม......
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ พฤษภาคม 06, 2008, 09:55:43 PM
 -25
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: eak ที่ พฤษภาคม 16, 2008, 11:56:28 AM
:cry6:พึ่งจะส่งเป็นครั้งแรก ใครจำฮาได้พ้องงะ รักพงค์ ปิ่นรอด จริง ๆ ฮามีรูปหมู่ตอนอยู่ป.1/4 ครูอำไพ เป็นครูประจำชั้น
แต่ว่าอ้ายวิทิต ประดับพงษา มันมาจิกที่บ้านฮาไป ก็เลยบ่มีโชว์วะ เสียดายจัง
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ พฤษภาคม 16, 2008, 09:31:46 PM
ใจเย็นเอก เดี๋ยวมีคนมาทักแน่ โดยเฉพาะอ้ายเนินน้องนาง  022
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: tanakorn tananuwat ที่ พฤษภาคม 17, 2008, 09:34:12 AM
เด๋ววันที่ 24 25 เฮาจะไปเน้อ เอก เน้อ
แล้วเฮาป๊ะกั๋น -15
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: นิชคุณ ป๋ายดอย ที่ พฤษภาคม 17, 2008, 10:54:35 AM
:cry6:พึ่งจะส่งเป็นครั้งแรก ใครจำฮาได้พ้องงะ รักพงค์ ปิ่นรอด จริง ๆ ฮามีรูปหมู่ตอนอยู่ป.1/4 ครูอำไพ เป็นครูประจำชั้น
แต่ว่าอ้ายวิทิต ประดับพงษา มันมาจิกที่บ้านฮาไป ก็เลยบ่มีโชว์วะ เสียดายจัง


สวัสดี eak รักพงษ์   จำได้ๆ เคยเรียนอยู่ห้องเดียวกัน
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: eak ที่ พฤษภาคม 17, 2008, 12:56:49 PM
 :laugh1:เย้ดีใจหลาย เนินจำได๋ แล้วเจอกันเมื่อชาติต้องการ
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: Lion King ที่ พฤษภาคม 19, 2008, 06:48:38 PM
ยินดีต้อนรับ ครับ  จำฮาได้ก็
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: eak ที่ พฤษภาคม 20, 2008, 09:12:46 AM
 -10ใครจำเฮียlion king ไม่ได้ก็บ้าแล้ว หวัดดีครับเฮีย เอก305
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: Lion King ที่ พฤษภาคม 20, 2008, 12:15:46 PM
บ่ได้เจอกันเมินต่า   เป็นได่พร่อง
ซำบายดีก่า
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: อุเทน47 ที่ พฤษภาคม 20, 2008, 12:33:12 PM
จำได้ครับ รักพงษ์ เคยเรียนประถมห้องเดียวกัน (ป.6/1) ชอบพกปากกามาโรงเรียนเป็นโหลๆ เหอ เหอ
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ พฤษภาคม 20, 2008, 09:06:52 PM
ก่อว่าชื่อมันคุ้นๆ ที่แท้ก็เคยเรียนห้องเดียวกั๋นตอน ป.6
ฮายังมาความจำสั้นว่ะ  -06 โทษทีเพื่อนทักทายกั๋นทาง pm มาก่อหลายรอบแล้วแต้ๆ เนอะ  -07
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: eak ที่ พฤษภาคม 21, 2008, 09:06:16 AM
 -08ในที่สุด เพื่อน ๆ ก็จำผมได้ ตอนนั้นเพื่อนชอบเรียกผมว่า ไอ่ลิงรงณ์ ส่วนไอ่วิทิตเป็นไอ่ลิงดม เพราะชื่อพ่อคือณรงค์และอุดม แถมพวกเรา2คน ลิงดันมาน่าตาเหมือนเรา 2 คนอีก ฮาซำบายดีตามแบบพอเพียง ขายของถนนคนเดินวันอาทิตย์วันเดียว
ที่เหลือก้อเทียวรับเทียวส่งลูกสาวไปโรงเรียน ใกล้จะจบม.3แล้ว แฮมบ่กี่ปีฮาก้อจะได้ทุนคืนละบ่า
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: eak ที่ พฤษภาคม 21, 2008, 09:14:32 AM
จำได้ครับ รักพงษ์ เคยเรียนประถมห้องเดียวกัน (ป.6/1) ชอบพกปากกามาโรงเรียนเป็นโหลๆ เหอ เหอ
ตันติกร ผู้มีลายมือเหมือนตัวพิมพ์ดีด ขอคารวะ -11
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: อุเทน47 ที่ พฤษภาคม 21, 2008, 09:30:01 AM
-08ในที่สุด เพื่อน ๆ ก็จำผมได้ ตอนนั้นเพื่อนชอบเรียกผมว่า ไอ่ลิงรงณ์ ส่วนไอ่วิทิตเป็นไอ่ลิงดม เพราะชื่อพ่อคือณรงค์และอุดม แถมพวกเรา2คน ลิงดันมาน่าตาเหมือนเรา 2 คนอีก ฮาซำบายดีตามแบบพอเพียง ขายของถนนคนเดินวันอาทิตย์วันเดียว
ที่เหลือก้อเทียวรับเทียวส่งลูกสาวไปโรงเรียน ใกล้จะจบม.3แล้ว แฮมบ่กี่ปีฮาก้อจะได้ทุนคืนละบ่า

น่าอิจฉา เพื่อนรักพงษ์ ทำงานวันอาทิตย์วันเดียว เคยได้ข่าวจากเจษฎา สุกัณศีล(แป๊ะเหล็ง) ป.6/1,302 ว่าคิงเป็นผู้ส่งออกเสื้อผ้ารายใหญ
ยินดีด้วยเพื่อนที่เข้ามาแจมกันในเวบบอร์ด มว.27  :bye:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ พฤษภาคม 21, 2008, 09:32:18 AM
อุๆ อ้ายเอกหยั่งมาหวังถอนทุนคืนโวยแต้ว่า  :smile9:
ว่าแต่ว่างานที่ทำหน้าอิจฉาเนอะ บ่เหมือนฮาเลยวันทั้งวันเฝ้าก่าฮ้าน
ปอบ่ได้ไปตางใดเลยง่ะ  -08
กว่าจะได้ไปแจมกับเพื่อนๆ ต้องรอ ผบ. บ่อยู่ก่อน เพราะมานไม่สะดวกจาย  -09
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: donggy ที่ พฤษภาคม 21, 2008, 10:10:55 AM
จำได้แต่ชื่อและนามสกุล เคยเรียนม.ต้นห้องเดียวกันหรือเปล่าหว่า (305)
แต่ถ้าเห็นหน้าคิดว่าจำได้นะ ชื่อมันติดอยู่ในหัวเนี้ย แต่หน้าตามันเลอะเลือนวะ
อุๆ อ้ายเอกหยั่งมาหวังถอนทุนคืนโวยแต้ว่า  :smile9:
ว่าแต่ว่างานที่ทำหน้าอิจฉาเนอะ บ่เหมือนฮาเลยวันทั้งวันเฝ้าก่าฮ้าน
ปอบ่ได้ไปตางใดเลยง่ะ  -08
กว่าจะได้ไปแจมกับเพื่อนๆ ต้องรอ ผบ. บ่อยู่ก่อน เพราะมานไม่สะดวกจาย  -09
ส่วนอ้ายเก่งถ้าเฝ้าร้านอย่างเดียวคงบ่เต้าใด แต่อ้ายเล่นนั่งเฝ้าเมียวันค่ำ ๆ นี่ก๋า
แต่ก่อย่างว่า อ้ายเปิ้นเป็นคนรักเมียมาก ๆ ๆ (อันนี้ขอยืนยัน 555 พอดีกว่าแซวมาก ๆ เดี๋ยวจะโดยอ้ายเก่งยันเอา)
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: อุเทน47 ที่ พฤษภาคม 21, 2008, 11:09:12 AM
จำได้แต่ชื่อและนามสกุล เคยเรียนม.ต้นห้องเดียวกันหรือเปล่าหว่า (305)
แต่ถ้าเห็นหน้าคิดว่าจำได้นะ ชื่อมันติดอยู่ในหัวเนี้ย แต่หน้าตามันเลอะเลือนวะ

น่าจะใช่ 305 เพราะรักพงษ์ จบ ป.6/1 แล้วย้ายไป 305 พร้อมๆกับ วิทิต และธนชาติ
ด้องบ่มีรูปตอน ม.ต้ม  ของห้อง 5 มาโพสแล่   
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ พฤษภาคม 22, 2008, 09:01:52 PM
ย้อนกลับมาอ่านอีกรอบ นึกขึ้นได้ว่าเรื่องคงบ่สมบูรณ์ถ้าขาดเหตุการณ์ควันหลงหลังงานคอนเสริต์ บิลลี่ โอแกน
กับเรื่องการไปแอ่วดอยอินทนนท์ ของหมู่เฮาชาว 605/30 เดี๋ยวขอไปเรียบเรียงเหตุการณ์ก่อนครับ  :no2:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: อารยะ ที่ มิถุนายน 09, 2008, 10:28:00 PM
:cry6:พึ่งจะส่งเป็นครั้งแรก ใครจำฮาได้พ้องงะ รักพงค์ ปิ่นรอด จริง ๆ ฮามีรูปหมู่ตอนอยู่ป.1/4 ครูอำไพ เป็นครูประจำชั้น
แต่ว่าอ้ายวิทิต ประดับพงษา มันมาจิกที่บ้านฮาไป ก็เลยบ่มีโชว์วะ เสียดายจัง

ฮาจำคิงได้ว่ะรักพงศ์ ตอนนั้นเราสนิทกัน ดูรูปหน่อยเพื่อน
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: eak ที่ มิถุนายน 10, 2008, 09:30:55 AM
:cry6:พึ่งจะส่งเป็นครั้งแรก ใครจำฮาได้พ้องงะ รักพงค์ ปิ่นรอด จริง ๆ ฮามีรูปหมู่ตอนอยู่ป.1/4 ครูอำไพ เป็นครูประจำชั้น
แต่ว่าอ้ายวิทิต ประดับพงษา มันมาจิกที่บ้านฮาไป ก็เลยบ่มีโชว์วะ เสียดายจัง

ฮาจำคิงได้ว่ะรักพงศ์ ตอนนั้นเราสนิทกัน ดูรูปหน่อยเพื่อน
ขออภัยจริง ๆ เพื่อน เราทำไม่เป็น แต่เราเคยเจอนายที่กสิกร ช้างคลาน เราเป็นลูกค้าที่นั้นมา 10 กว่าปีแล้ว
แต่นายจำเราไม่ได้ เราก็ไม่กล้าทัก หากมีโอกาสเจอกันจะเข้าไปทักนะครับท่านประธาน
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: Yai P5/6 ที่ มิถุนายน 10, 2008, 07:22:02 PM
ย้อนกลับมาอ่านอีกรอบ นึกขึ้นได้ว่าเรื่องคงบ่สมบูรณ์ถ้าขาดเหตุการณ์ควันหลงหลังงานคอนเสริต์ บิลลี่ โอแกน
กับเรื่องการไปแอ่วดอยอินทนนท์ ของหมู่เฮาชาว 605/30 เดี๋ยวขอไปเรียบเรียงเหตุการณ์ก่อนครับ  :no2:
แม่นๆคือ
เหล้าหมด
ต้มมาม่ากินแทน
หนุกมาก
หนาวมาก(ตอนเหล้าหมดนี่ล่ะ)
........
สารภาพ
กูไม่ยอมอาบน้ะด้วยล่ะ
ล้าง...ตู้...ดยังแย่เลยย
 -08
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ มิถุนายน 10, 2008, 09:35:23 PM
 
ย้อนกลับมาอ่านอีกรอบ นึกขึ้นได้ว่าเรื่องคงบ่สมบูรณ์ถ้าขาดเหตุการณ์ควันหลงหลังงานคอนเสริต์ บิลลี่ โอแกน
กับเรื่องการไปแอ่วดอยอินทนนท์ ของหมู่เฮาชาว 605/30 เดี๋ยวขอไปเรียบเรียงเหตุการณ์ก่อนครับ  :no2:
แม่นๆคือ
เหล้าหมด
ต้มมาม่ากินแทน
หนุกมาก
หนาวมาก(ตอนเหล้าหมดนี่ล่ะ)
........
สารภาพ
กูไม่ยอมอาบน้ะด้วยล่ะ
ล้าง...ตู้...ดยังแย่เลยย
 -08
-01 ขอสารภาพว่าช่วงนี้ยุ่งๆ หน่อยเน้อ อดใจรอหน่อยก็แล้วกันครับ  :smile6:
รับรองว่าไม่หลอกให้อยากแล้วจากไปแน่ๆ คร๊าบ
เอารูปไปดูพลางๆ ก่อนก็แล้วกันคร๊าบ  :smile6:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ มิถุนายน 10, 2008, 09:37:16 PM
(http://www.montfort27.com/forum/index.php?action=dlattach;topic=352.0;attach=14202;image)
อืม...ดูรูปแล้วทำไมมานดูใสๆ กันอยู่ฟ่ะ แต่ละคนเนี๊ยะ
มีเจ้เถาด้วยอ่ะ

หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: tanakorn tananuwat ที่ มิถุนายน 11, 2008, 11:01:36 AM
ช่างดูแตกต่างกับปัจุบันเหลือเกินอ่ะ -03
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: Lion King ที่ มิถุนายน 11, 2008, 06:59:02 PM
มีไอ้เปิบต้วย
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: อุเทน47 ที่ มิถุนายน 11, 2008, 07:17:07 PM
อาเฮียชอบโผล่มาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
ขอตัวช่วย..ให้เพื่อนคนอื่นๆได้รู้จักเปิบด้วยครับ
ไม่ได้เจอหน้าเปิบมาเกือบ 10 ปีแล้ว ล่าสุดเจอในตลาดหนอง :-X  เมื่อหลายปีมาแล้ว
ใครเจอ ช่วยบอกให้มาเยี่ยมเพื่อนๆที่อุดมมิตรหน่อยซิ  -0007
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: อารยะ ที่ กรกฎาคม 07, 2008, 09:32:51 PM
ใช่วันนั้นเราไปเที่ยวกัน 605 ที่ดอยอินทนนท์ รวบรวมไปได้เยอะเลย เจ๊เถาอยู่ห้องอื่นขอไปแจมด้วย

เปิบตอนนี้ทำธุรกิจยาสูบ อยู่พะเยาครับ นานๆแวะออกมาเยี่ยมเพื่อนๆสักครั้ง ไม่ค่อยติดต่อเพื่อนนัก
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: นิชคุณ ป๋ายดอย ที่ กรกฎาคม 08, 2008, 12:43:00 PM
อ่อ...สุระ พิมสาร รู้จักครับ...ละอ่อน หอ มาสเซอร์สมบูรณ์ นั่นเอง
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: KITTI ที่ กรกฎาคม 15, 2008, 05:49:02 PM
 -11
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: Super เซียน ที่ กรกฎาคม 24, 2008, 04:08:34 PM
 -14
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: KITTI ที่ กรกฎาคม 24, 2008, 06:44:13 PM
เลิกเรียน ผมพกความสงสัยในใจกลับไปด้วย
เมื่อลุงและพ่อมารับตัวไปซื้อของแถวๆ กาดหลวง
และพาไปหอพักที่ชีวิตใหม่ของผมกำลังจะเริ่มเปลี่ยนไป
เป็น เด็กหอ 177 นี่แหละที่มาของชื่อแรกในเวปบอร์ด
ผมพักที่หอพัก บ้านมั่นศิลป์ ลุงและน้าของผมก็เคยอยู่ที่นี่กันมาก่อน
ที่นี่ผมพบว่ายังมีเพื่อนที่เรียนห้องเดียวกับผมอยู่ด้วย
ใครเอ่ยถ้าไม่ใช่เพื่อนคนแรกในห้องที่นั่งกับผม kitty อีกนั่นแหละครับ
นอกจากนี้ยังมี โอฬาร ด้วยอีกคน เสียดายนะครับที่เพื่อนมาด่วนจากพวกเราไปก่อน :'(

คืนแรกในหอพัก โอ้ว... พระเจ้าจอร์จมันยอดมาก
สมัยนั้นมีคนพักเยอะมากๆ เรียกได้ว่าล้นจริงๆ
ผมต้องนอนกลางทางเดิน เตียงผมตั้งอยู่กลางทางเดิน :-\
คืนนั้นจากเตียงกว้างๆ 6 ฟุต ต้องมานอนเตียง 3 ฟุต
พระเจ้าจอร์จ... ตึงๆๆ





ไม่ใช่เสียงอะไรหรอกครับ
เสียงผมนอนตกเตียงทั้งคืน :'(
:laugh2: :laugh2: :laugh2:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ กรกฎาคม 24, 2008, 08:53:37 PM
เออ...เนอะเล่ามาตั้งนานเพิ่งมาอ่านหรือไงลุงปุ๊ย  :laugh1:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: KITTI ที่ สิงหาคม 06, 2008, 11:24:07 PM
 :smile1:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: korokoso ที่ สิงหาคม 09, 2008, 08:35:31 AM
ตอนนี้อยู่บ้านอนัตตา ......................หาตัวตนไม่เจอ น้ำแม่แตงเยอะมาก :cry5:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ สิงหาคม 09, 2008, 11:46:48 AM
ตอนนี้อยู่บ้านอนัตตา ......................หาตัวตนไม่เจอ น้ำแม่แตงเยอะมาก :cry5:
แล้วตกลงน้องๆ ของคุณมรึงได้ปีนเขาสมใจปล่าวว่ะ  :laugh2:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: korokoso ที่ สิงหาคม 10, 2008, 09:05:42 PM
ไปปีนวันจันทร์ว่ะ ตอนนี้ออกมาอยู่ในเมืองแล้ว แต่เหนื่อยมาก ว่าจะแวะไปอุดมมิตรแต่ดันหมดสภาพก่อน นอนละโว้ยยยยย -14
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ สิงหาคม 10, 2008, 09:09:37 PM
โอเช ซึมทราบ ยังไงก็พักให้มันเยอะๆ ล่ะ จะได้มีแรงขับรถกลับบ้านคร๊าบ  -23
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: korokoso ที่ สิงหาคม 10, 2008, 09:11:56 PM
พรุ่งนี้ต้องขับรถไปน้ำหนาว เพราะเด็กๆนักศึกษาปีนี้มันไปปลูกป่าอยู่ที่นั้น ตั้ง 700 กว่าคน ท่าทางจะโทรมอีกแล้วตรู :try:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ สิงหาคม 10, 2008, 09:23:06 PM
อ้าว... แบบนี้ปีนเขาเสร็จก็ต่อไปที่น้ำหนาวทั้งทีมเลยอ่ะดิ  -07
ไงก็พักให้เยอะๆ หน่อยก็แล้วกันนะ
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: korokoso ที่ สิงหาคม 15, 2008, 12:56:54 PM
สรุปว่าตรูไม่ได้พักว่ะ เพราะเสาร์อาทิตย์นี้ ต้องพาน้องๆไป fullmoon ที่เกาะพงันอีก เสร็จแล้วพามันไปปีนเขาต่อที่อ่าวไร่เลย์ กระบี่.....เหนื่อยอีกแว้วววววว  :smile6:
ปล.จะเจอแบบน้อยอ้อยปิดเทอมใหญ่ที่พงันมั๊ยน้อ  -021
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: อุเทน47 ที่ สิงหาคม 15, 2008, 01:14:20 PM
ถ้าเจอน้องอ้อย ปิดเทอมใหญ่หัวใจว้าวุ่น ก็อย่าเผลอเิปโทรศัพท์ล่ะครับ
(ในหนัง ผู้ชายมันเผลอกดโดนโทรศัพท์ โทรออกไปหาแฟนมัน ตอนกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มกะน้องอ้อย)
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ สิงหาคม 16, 2008, 09:09:34 AM
มานไม่เจอน้องอ้อยหรอกป๋าเก๋ แค่ลำพังน้องๆ ที่พาไปก็ทำมานเหนื่อยแล้ว
ขืนมีแบบน้องอ้อยมาด้วยอีกคน จารย์โก้ฟ้าเหลืองแน่ๆ  -07 -03
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ กันยายน 09, 2008, 10:52:53 PM
คราวนี้เริ่มจริงแล้วนะ จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน ภาคนิทานชาวหอ
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: korokoso ที่ กันยายน 10, 2008, 09:24:47 AM
ดีครับ ไม่อยากอ่านเรื่องเครียดๆแบบห้องการเมืองอีดแล้วววว  :angry2:
หัวข้อ: ขอปลุกชีพกระทู้นี้ด้วยการเลาะรั้วโรงเรียนเก่าครับ
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ พฤศจิกายน 16, 2008, 03:23:54 PM
เพิ่งจะมีโอกาสวันนี้ผ่านไปผ่านมาก็หลายครั้ง จริงๆ ตั้งใจว่าจะเอา s9600 เข้าไปถ่าย
แต่ก็ไม่ได้ติดตัวไปสักทีวันนี้เลยจัดการด้วย w810i ซะงั้น  :smile6:
หัวข้อ: เลาะรั้วโรงเรียนเก่าที่หล่ายดอย
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ พฤศจิกายน 16, 2008, 03:25:37 PM
อืม... :smile10: ไม่ได้แวะเวียนมานานเปลี่ยนไปโขอยู่เหมือนกันเนอะ
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ พฤศจิกายน 16, 2008, 03:30:04 PM
วันนี้พามาเลาะรั้วโรงเรียนเก่าด้วยความรู้สึกแปลกใหม่กับอาคารใหม่ๆ ที่สร้างขึ้น
สมัยผมมีอาคารคอนกรีตแค่หลังเดียวเองง่ะ ที่เหลือเป็นไม้ชั้นเดียวบ้างสองชั้นบ้าง
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ พฤศจิกายน 16, 2008, 03:33:12 PM
อาคารไม้หลังในกระทู้ก่อนเป็นหลังที่รื้อมาสร้างใหม่ จำได้ว่าเป็นอาคารเดียวกับวันช็อคโลกของผมวันนั้น
วันที่ได้ย้ายโรงเรียนแบบสายฟ้าผ่าเมื่อตอนเริ่มเรื่องนั้นแหละครับ  -09
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ พฤศจิกายน 16, 2008, 03:36:52 PM
ห้องเรียนเดิมๆ กับความรู้สึกเก่าๆ แต่บรรยากาศที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัยเนอะ
อาคารนี้อยู่หลังโรงเรียนสมัยก่อนเป็นลานดินมีเพิงโรงอาหารและบ้านพักครูเรียงรายกันไป
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ พฤศจิกายน 16, 2008, 03:40:00 PM
เพื่อนร่วมโรงเรียนที่ตามมาอยู่รั้วแดงขาวน้ำเงินกับผมทีหลังก็มี บัณฑิต แดงขาวเขียว 603/30
นุศรา 602/30 และสุพิศา 505/30 (คนนี้เดียวนี้เปลี่ยนชือไปล่ะ เจอกันหลังสุดก็หลายเดือนมาแล้วเหมือนกัน)
สนามฟุตบอลที่สมัยก่อนมันช่างดูกว้างขวางจำได้ว่าเคยเจอป้าย...บนพื้นสนามด้วยง่ะ  -07
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ พฤศจิกายน 16, 2008, 03:49:35 PM
อาคารหลังนี้ก็ใหม่ สร้างขึ้นเมื่อปี2549 นี้เองเพื่อระลึกถึงครูบาอภิชัยขาวปี
ท่านเป็นเหมือนผู้ก่อตั้งโรงเรียนเลยก็ว่าได้ครับ

ขอนำประวัติท่านมาลงให้อ่านกันนะครับ

ประวัติครูบาขาวปี
 
ปีพุทธศักราช 2443 ณ หมู่บ้านแม่เทย อ.ลี้ จ.ลำพูนในปัจจุบันนี้ สมัยนั้นความเจริญยังย่างกรายมาไม่ถึง ทุรกันดารไปเสียทุกอย่างเพราะยังเป็นบ้านป่าหย่อมเล็ก ๆ เพียง 9 หลังคาเรือนตั้งอยู่โดยมีความทะมึนของขุนเขาลำเนาไพรเป็นรั้วรอบ

             จากคำบอกเล่า แม่เทยสมัยนั้นตกยามค่ำคืนเสียงส่ำสัตว์น้อยใหญ่ร้องระงมรอบบ้าน ไม่ว่าเสือ, ช้าง, เก้ง, กวาง คละเคล้ากันไปได้ยินถนัด ท้ายหมู่บ้านเป็นครอบครัวเล็ก ๆ ของผัวหนุ่มเมียสาวคู่หนึ่งอาศัยอยู่ แม้จะยากจนแต่ก็มีความสุขตามประสาคนหนุ่มสาวที่มักมองโลกเป็นความน่าบันเทิงเริงรมย์ยิ่งอยู่ในระยะข้าวใหม่ปลามันความฝันนั้นมักบรรเจิดยิ่งนัก ฝ่ายผัวมีเชื้อสายชาวลัวะชื่อ เมา และเมียชื่อ จันตา เขาทั้งสองดำรงชีพ แบบชาวบ้านป่าทั้งหลาย ด้วยการทำไร่ปลูกผักหักฟืนไปวัน ๆ โดยหาจุดหมายเพื่อความเป็นปึกแผ่นไม่ค่อยมั่นใจนักเพราะความยากจน สมัยนั้นไม่มีการทำนาเพราะยังไม่มีการบุกเบิก แต่จะพากันปลูกข้าวไรแทน ได้ผลบ้างไม่ได้บ้างแต่ที่แน่นอนไม่พอกินไปตลอดปี ซึ่งถ้าหากข้าวเปลือกที่กักตุนหมด อาหารหลักที่รับช่วงต่อจากข้าวก็คือกลอย กลอยเป็นพืชใช้กินหัวจัดอยู่ในตระกูลเผือกมันมีหัวอยู่ในดิน ชาวบ้านป่าจะเที่ยวขุดมากักตุนไว้ในฤดูของมัน ซึ่งสมัยนั้นชุกชุม โดยเอาหัวกลอยที่ขุดมาได้นั้นปลอกเปลือกฝานเป็นชิ้นบาง ๆ นำมาตากแดดให้แห้ง เก็บไว้ได้นาน ๆ เวลาจะกินก็ใช้วิธีนึ่งจนสุก แล้วแปรเป็นอาหารทั้งรูปข้าวและของหวาน โดยจะเอาคลุกน้ำอ้อยน้ำตาล โดยขูดมะพร้าวผสมก็กินอร่อย หรือจะกินกับประเภทกับ เช่น ผัก เนื้อ ก็ได้ดีเหมือนข้าว หลายท่านในภาคเหนือเราในปัจจุบันที่มีอายุ 40 - 50 ปี เคยกินกลอย และหลายท่านอีกเช่นกันที่เติบใหญ่มาด้วยการกินกลอยเป็นอาหารหลัก แม้กระนั้น เจ้ากลอยนี้แม้จะเป็นอาหารแต่จะกินสุ่มสี่สุ่มห้า โดยไม่ใช้ฤดูกาล ไม่ได้เป็นอันขาด ขืนกินเข้าไปเป็นเมาเบื่อทันที จากผู้ชำนาญในด้านนี้ ท่านบอกว่าฤดูที่กินได้เริ่มตั้งแต่เดือน 11  เหนือ (เดือน ใต้) ไปจนถึงเดือน 6 (เดือน  3 ใต้ ) ตอจากนั้นกลอยก็จะเฉา  ขืนกินนอกจากฤดู ดังกล่าวก็จะเกิดอาการเบื่อเมา ซึ่งก็ตุนแรงพอดู และหากเกิดอาการดังกล่าวนี้  ท่านว่าให้กินน้ำผึ้งน้ำอ้อยหรือน้ำตาลให้มาก ๆ จะทำให้เกิดอาเจียนและหายเบื่อเมาได้ แต้ถ้าท่านไม่อยากเสี่ยง หากจะกินกลอยโดยไม่เกิดอาการเบื่อเมาแน่นอน ท่านก็ว่าหากนึ่งสุกแล้ว ทอลองให้สุนัขกินก่อนหากสุนัขกินหรือไม่กิน ก็เป็นกลอยที่ท่านจะกินหรือกินไม่ได้เช่นกัน

            กลอยในฤดูปกติจะไม่มีพิษ และไม่แสลงโรค แต่ถ้าเริ่มกินในระยะ 3 - 4 วันแรก จะมีอาการอ่อนเพลียบ้างแต่หลังจากนั้นร่างกายก็จะปรับตัวแข็งแรงขึ้นเหมือนกินข้าวแต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่เหมือนกันคือคนกินกลอยโดยทั่วไปมักใจคอหงุดหงิด โกรธง่าย ใครพูดผิดหูไม่ค่อยได้ และมักไม่กลัวใครเห็นจะเป็นเพราะอานุภาพของกลอย ซึ่งจัดอยู่ในจำพวกว่านชนิดหนึ่งด้วยกลอยกินเปลืองกว่าข้าวโดยเทียบอัตรา ข้าวนึ่งหนึ่งไหครอบครัวหนึ่งกินอิ่มแต่ถ้ากินกลอยจะต้องนึ่งถึงสองไหจึงจะอิ่มพอ และลักษณะคนกินกลอยที่เหมือนกันเมื่อกินนาน ๆ คือท้องใหญ่แต่ไม่อ้วน

วันกำเนิด

            ในวันจันทร์ เดือน 7 เหนือ ปีกัดเป้า (ปีฉลู) ซึ่งตรงกับวันที่ 17 เดือนเมษายน 2443 อันเป็นวันมหาสงกรานต์ คำเมืองเรียกว่าวันปากปีครอบครัวของ นายเม่านางจันตา ก็มีโอกาสต้อนรับชีวิตเล็ก ๆ ชีวิตหนึ่งซึ่งลือตาขึ้นมาดูโลกในวันนี้ นับเป็นสายเลือดและพยานรักคนแรกและคนเดียวของพ่อเม่าแม่จันตาเพื่อให้เป็นมงคลตามวัน ทั้งสองจึงตั้งชื่อทารกน้อยนั้นว่า "จำปี"

ชีวิตวัยเยาว์

            ดังกล่าวแล้วว่า ครอบครัวท่านเป็นครอบครัวชาวบ้านป่าค่อนข้างยากจน อาหารการกินจึงขาดแคลน มีแต่ผักกับกลอยเป็นอาหารหลัก เด็กชายจำปี จึงมีร่างกายบอบบาง พุงค่อนข้างป่องเพราะโรคขาดอาหาร จึงมักเจ็บออดแอด แต่ก็ไม่ร้ายแรงนัก "จำปี" มีแววฉลาดแต่ยามเล็ก ๆว่านอนสอนงาย และเรียนรู้ประสบการณ์จากป่า ความสงบของธรรมชาติมาตลอดชีวิต แม้จะยากจนแสนเข็ญ ครอบครัวนี้ก็ยังคงมีความสงบสุข ยิ่งมีลูกน้อยเป็นสื่อสายใจ พ่อเม่า แม่จันตา ก็ยิ่งมุมานะทำงาน เพื่อสร้างอนาคตให้เด็กน้อยจำปีขึ้นอีกเท่าตัว เด็กชายจำปี คงไม่เข้าใจการต่อสู้ของพ่อแม่นัก คงยังมีความร่าเริงสนุกไปตามประสาเด็ก ๆ และความน่ารักอันไร้เดียงสาของเขามันหมายถึงความรักของพ่อแม่ที่ทุ่มเทให้ลูกน้อยจนสุดหัวใจ แม้ทั้งสองร่างกายจะเปื้อนเหงื่อกว่าชีวิตประจำวันจะสิ้นสุด ก็ต่อเมื่อใกล้ค่ำย่ำสนธยา แต่ใบหน้าไม่เคยว่างรอยยิ้มอย่างเป็นสุข เมื่อเห็นลูกน้อยโผผวาเข้าหาอ้อมกอด นี้คือความรักของพ่อแม่ทุกคนในโลกที่มีต่อลูกน้อย

 การพลัดพรากที่ยิ่งใหญ่

            พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้ว่าโลกนี้เป็นอนิจจัง มีความไม่เที่ยงแท้เป็นเครื่องกัดกร่อน ชีวิตมนุษย์ที่อุบัติขึ้นมาหาจุดหมายที่แท้จริงไม่ได้ แต่เมื่อเกิดขึ้นมาแล้ว สุขกับโศกมักจะเป็นเครื่องล้อเล่นให้ได้พบเสมอพบกันเพื่อจะจากกันในที่สุด เป็นยอยู่เช่นนี้เหมือนกันทั้งโลก ครอบครัวของหนุ่มเม่าก็เช่นกันจากกัน จากความกรากกรำในงานไร่ และต่อสู้เพื่อเลี้ยงทุกชีวิตที่ตนรับผิดชอบทำให้เขาล้มเจ็บลง มันเป็นไข้ป่าที่ร้ายแรงซึ่งหลายคนเสี่ยงเอา หากว่าเป็นแล้วก็พึ่งยากลางบ้านต้มกินกันตามที่ผู้เฒ่าผู้แก่ หมอกลางบ้านจะแนะนำให้อยู่หรือตายนั่นแล้วแต่บุญกรรม สำหรับหยูกยาทันสมัยไม่ต้องพูดถึง เพราะไกลความเจริญเหลือเกน พูดง่าย ๆ ว่าจากลี้ไปเชียงใหม่ในสมัยนั้นต้องเดินกันเป็นสิบ ๆ วัน สำหรับพ่อเม่าค่อนข้างโชคร้าย ยากลางบ้านประเภทสมุนไพรสกัดโรคร้ายไม่อยู่ อาการมีแต่ทรงกับทรุด แม่จันตาต้องนั่งเฝ้ามิยอมห่าง ด้วยความเป็นห่วงกังวล โดยมีลูกน้อยนั่งอยู่ด้วยนัยตาปริบ ๆ ด้วยคำถามที่ว่า "พ่อเป็นอะไรทำไมจึงไม่ลุกนั่งหอบอ้มลูกเหมือนเก่าก่อน" แม่ก็ได้แต่บอกว่าพ่อไม่สบาย พร้อมกับน้ำตาอาบแก้มกับคำถามสุดท้ายอันไร้เดียงสาของลูก พร้อมกับตั้งความหวังว่าพ่อคงไม่เป็นอะไรมากนักแต่อนิจจา ความตายนั้นไม่คำนึงเวลา และความรู้สึกของมนุษย์เลย แล้ววันนั้นวันที่พ่อเม่าต้องจากทุกคนไปอย่างไม่มีวันกลับมาถึง ท่ามกลางความเศร้าโศกของแม่จันตา และความอาลัยรักของเพื่อนบ้าน พ่อเม่าทิ้งซากที่ผอมเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกอยู่บนที่นอนเก่า ๆ ให้แม่จันตาได้ร่ำไห้กอดรัดปิ่มว่าจะขาด ใจตามไปด้วย  เด็กชายจำปียังไร้เดียงสาเกินไปนักที่จะเข้าใจว่าความตายคืออะไรด้วยวัยเพียง  4  ขวบ ก็ได้แต่พร่ำถามว่าแม่ร้องไหทำไม? พ่อเกลียดแม่หรือ? ทำไมพ่อจึงไม่พูด?  ทุกคนที่เฝ้าดูอยู่จึงได้แต่เบือนหน้าหนีด้วยความสงสาร  สะเทือนใจความพลัดพรากจากของรัก คนรักนับว่าเป็นความเจ็บปวดรวดร้าวใจอย่างนี้เอง

แสงทอง -  แสงธรรม

          นับจากพ่อเม่าจากไปแล้ว  ก็เหลือแต่สองแม่ ลูกกัดฟันต่อสู้ ชีวิตท่ามกลางบ้านน้อยในห้อมแหนของดงดิบจึงขาดความอบอุ่นอย่างสิ้นเชิงเมื่อความทมึนของราตีมาถึง  หลายครั้งที่สองแม่ลูกผวาเข้ากอดกันด้วยใจระทึก  เมื่อเสียงนกกลางคืนที่กรีดร้อง  เหมือนเสียงสาบแช่งของภูติผี นี่หากพ่อเม่ายังอยู่พ่อก็คงเป็นที่พึ่งปลอบขวัญเหมือนมีกำแพงเพชรคอยกางกั้น เมื่อขาดพ่อโลกนี้เหมือนโลกร้างมีแต่เพียง "จำปี" กับแม่เพียงสองคนและมาถึงคงคณะนี้ "จำปี" เริ่มเติมใหญ่  แม้ร่างจะเล็กแต่เหตุการณ์และสิ่งแวดล้อมก็หล่อหลอมหัวใจเด็กชายจำปีให้แกร่งดังเพชรและนี่เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้ท่านเป็นผู้ไม่หวั่นนไหวต่ออุปสรรคเป็นนักสู้ชีวิตที่เข้มแข็งใจกาลต่อมา  เด็กชายจำปีกับแม่ช่วยกันต่อสู้ในการดำรงชีพอย่างทรหด  จวบจนอายุ 16 ปี แม้จะเป็นวัยรุ่นแต่ความคับแค้นที่ผจญอยู่แทบทุกวันทำให้ "จำปี"ไม่ร่าเริงเหมือนเด็กทั่วไปกลับเป็นอันสงบเสงี่ยมเจียมตัวชอบอยู่คนเดียวเงียบ ๆ และความคิดเป็นผู้ใหญ่เกินตัว

ฝากตัวเป็นศิษย์ครูบาศรีวิชัย

          สมัยนั้นท่านครูบาเจ้าศรีวิชัย ยังอยู่ที่วัดบ้านปาง วันหนึ่ง แม่จึงเรียกเจ้าจำปีเข้ามาถาม "ลูกอยากบวชไหม" จำปีตอบว่าอยากบวช แต่ยังห่วงแม่เมื่อลูกบวชแล้วใครดูแล" แม่ตาตอบว่า "อยู่ได้อย่างห่วงเลยอีกประการหนึ่งการบวชนี้เป็นการช่วยพ่อแม่ที่ดีที่สุด เพราะเป็นการทดแทนบุญคุณพ่อแม่อย่างแท้จริง เมื่อเห็นลูกนุ้งเหลือง ก็นับว่าเป็นความสุขชื่นใจอย่างเหลือเกิน" และจากคำแนะนำนี้ เด็กชายจำปีจึงถูกแม่พาไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของท่านครูบาเจ้าศรีวิชัย  และในทันที่นำไปฝากเพียงท่านครูบาเห็นลักษณะเด็กขายจำปีท่านก็รับไว้ทันที่เหมือนดั่งจะมีตาทิพย์มองเห็นว่าเด็กคนนี้ในอนาคตจะต้องยิ่งใหญ่  ในฐานะนักบุญแทนท่านและอีกไม่นานหลังจากร่ำเรียนสวดมนต์ อ่านเขียนอักขระทั้งภาษาไทยและพื้นเมืองจบแล้วท่านครูบาศรีวิชัย จึงให้บรรพชาเป็นสามเณร

สามเณร "ศรีวิชัย"

          ระหว่างเป็นสามาเณรท่านได้ปฏิบัติกิจอันจะพึงมีต่ออาจารย์คือครูบาศรีวิชัยอย่างครบถ้วนท่านจึงเป็นที่รักของอาจารย์อย่างยิ่ง ท่านจึงตั้งชื่อให้เหมือนกับอาจารย์  สามเณรศรีวิชัย สามเณรน้อยได้เฝ้าอุปัฎฐากอาจารย์และร่ำเรียนกัมมัฎฐานและอักษรสัมยจนจบถ้วนด้วยควมสนในพร้อมกับปฏิบัติตามที่พร่ำสอนจนดวงจิตสงบพร้อมกันนั้นบการถ่ายทอดในเชิงวิชาช่างก่อสร้างจากอาจารย์  จนเกิดความชำนาญและติดตามอาจารย์ครูบาศรีวิชัยไปก่อสร้างวัดวาอารามทุกหนทุกแห่งมิได้ขาด ในด้านสถาปัตย์ ท่านจึงนับว่าเป็นหนึ่ง ท่านชำนาญจนถึงขนาดว่าเพียงดินผ่านเสาได้ต้นไหนก็ สามารถรู้ได้ทันที่ว่าเสาต้นไหนกลวงหรือตันทั้ง ๆ ที่ไม่ปรากฏว่าเสาต้นนั้นจะมีรอยกลวงให้ปรากฏแก่สายตา

ครูบาเจ้าศรีวิชัยอุปสมบทให้

             ท่านดำเนินชีวิตทั้งในด้านการปฏิบัติธรรมกัมมัฏฐาน  และด้านพัฒนาก่อสร้างควบคู่กันไป จวบจนอายุได้ 22 ปี เป็นสามเณรได้ 6 ท่านครูบาศรีวิชัยจงอุปสมบทให้ แต่เพราะเหตุที่ท่านมีชื่อเหมือนกับอาจารย์เมื่อเป็นภิกษุอาจารย์จึงได้เปลี่ยนฉายาให้ใหม่ว่า  "อภิชัยขาวปี"  ท่านอุปสมบทได้เพียง 2 พรรษา ท่านจึงกราบลาพระอาจารย์  เพื่อที่จะแยกไปมุ่งงานก่อสร้างต่อไป ซึ่งงานก่อสร้างโดยตัวของท่านนั้นจะได้เรียบเรียงตั้งแต่เบื้องต้นจนถึงงานชิ้นสุดท้ายอึกต่างหากในท้ายเล่ม


หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ พฤศจิกายน 16, 2008, 03:50:00 PM
ผจญมาร

            พระอภิชัย  เริ่มงานก่อสร้างในสถานที่ต่าง  ๆ  ตั้งแต่อายุ 24  จนถึงอายุ  35  ลางร้ายก็เริ่มอุบัติ สมัยนั้นใช้เงินตราปราสาททองตรารูปช้างสามหัว และเริ่มมีธนบัตรใช้ควบคู่กันไป ขณะที่กำลังก่อสร้างกุฏิวัดบ้านปาง อ.ลี้  จ.ลำพูน  แต่ยังไม่ทันเสร็จปลัดอำเภอลี้สมัยนั้นก็มาสอบถามถึงใบกองเกินการเกณฑ์ทหารจากท่านแต่ท่านไม่มี  ตำรวจจึงคุมตัวไปจังหวัดลำพูนและส่งตัวฟ้องศาล เมื่อถูกศาลไต่สวนถึงใบกองเกินว่าทำใมถึงไม่ได้รับทานก็ในการว่าคณะที่เริ่มมีการเกณฑทหารนั้นได้ระบุว่าให้ขึ้นทะเบียนตั้งแต่อายุ 18 ปีบริบูรณ์ แต่ขณะนั้นอายุอาตมาได้  25 ปี บัดนี้อายุของอาตมาได้  35  ปีแล้ว จึงนับว่าพ้นการเกณฑ์แล้ว ศาลจึงพักเรื่องนี้ไว้ก่อน

ถูกบังคับให้สึกและครองผ้าขาวครั้งแรก

        หลังจากนั้นอีกไม่นาน ท่านก็ต้องขึ้นศาลอีก  และให้ท่านรับใบกองแต่ท่านก็ไม่ได้ไปแจ้งแก่ทางการให้มีการยกเว้นหรืออย่างไร  ฉะนั้นท่านจึงมีความผิดให้จำคุก  6  เดือน  แล้วให้จัดการสึกท่านออกจากการเป็นพระภิกษุก่อนแต่ท่านก็ยังยืนยันว่าท่านบริสุทธิ์ ท่านเป็นพระทั้งกายและใจ ชีวิตนี้อุทิศให้กับศาสนาแล้ว  ทานไม่ยอมเปลื้องผ้ากาสาวพัสตร์ออกจากกายของท่านด้วยมือของตัวเองเป็นอันขาด เมื่อยีนยันอย่างนี้  ศาลจึงให้ตำรวจคุมตัวท่านไปหาเจ้าคณะจังหวัดให้จัดการสึกตามระเบียบ  แม้การะนั้นท่านก็ยังยืนยันอย่างเด็ดเดียว ที่จะไม่ยอมสึกและเมื่ออภิชัยภิกษุไม่ยอมสึก  เจ้าคณะจังหวัดจึงต้องบังคับ  โดยให้ตำรวจจับเปลื้องผ้าเหลืองออกจากตัวท่าน  จากนั้นก็ตามระเบียบเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้มีอำนาจล้นเหลือในสมัยนั้น  ก็สวมกุญแจมือท่าน แล้วคุมตัวไปโรงพักเสียคืนหนึ่ง วันรุ่งขึ้นเวลาบ่าย  4  โมงเย็น ก็ถูกส่งเข้าจองจำในเรือนจำของจังหวัดลำพูนในสมัยนั้นต่อไปซึ่งในนั้นท่านต้องได้รับทุกข์เวทนาแสนสาหัส ท่านเล่าถึงชีวิตในคุกตอนนั้นว่าคุกในสมัยนั้นสุดแสนสกปรกยังเป็นคุกไม้พื้นปูกระดาน  เวลานอนก็นอนทั้ง ๆ ที่ล่ามโซ่ โดยสอดร้อยกับนักโทษคนอื่น คือข้อเท้าทั้งสองล่ามโซ่ตรวนมีโซ่เส้นใหญ่  สอดร้อยลอดตะขอพ่วงกับนักโทษคนอื่นอีกที เรื่องจะนอนหลับสบายนั้นไม่ต้องพูดถึงเพราะพอล้มตัวนอน  ฝูงเลือดนับเป็นร้อย ๆ  ตัวอ้วนปี๋เป็นต้องรุมกัดดูดเลือดกิน ให้ยุบยิบไปหมดจะถ่ายหนักถ่ายเบาก็ว่ากันตรงช่องกระดานตรงที่ใครที่มัน  เรื่องกลิ่นเหม็นไม่ต้องห่วงคลุ้งไปหมดตลบอบอวลทั้งเรือนจำที่เดียว ชีวิตประจำวันในห้องขังก็คือ พอ 7 โมงเช้าเปิดประตูห้องขังทำงานไม่ทันใจ ถึงเวลา 8 นาฬิกา ผู้คุมเป่านกหวีดเลิกงานทานข้าว ซึ่งข้าวนี่ก็อย่าหวังว่าจะกินให้อิ่มหมีพีมัน และเอร็ดอร่อยไม่มีทาง  ข้าวกระติกเล็ก ๆ แกงด้วยหนึ่ง ต้องกินถึง 4 คนพอหรือไม่พอกินก็มีให้เท่านั้น ซึ่งแน่ละเวลากินก็ใช้ความว่องไว ขืนมัวทำสำอางค์ ค่อยเป็นค่อยกินเป็นต้องอด  คนอื่นที่เขาไวกินเรียบหมด และกับข้าวแต่ละวันนั้นเลือกไม่ได้ จะมีจำพวกผักเสียแหละเป็นส่วนมาก  เช่น ยอดฝักทอง ผักตำลึงเป็นต้น  แกงใส่ปลาร้า ค้างปี เหม็นหืน หาความอร่อยไม่มีเลย ถ้าเทให้หมูกินยังสงสัยอยู่ว่ามันจะกินหรือไม่หรือไม่ ข้าวนึ่งที่ใช้รับประทานก็เป็นข้าวเก่าแข็งเหมือนกินก้อนกรวด เป็นข้าวแดงใช้แรงนักโทษนั่นเองช่วยกันตำ จึงดีอยู่หน่อยที่มีวิตามิน กินแล้วแรงดี

สร้างโรงพยาบาล

            ่ท่านอภิชัยขาวปีทนทุกข์ทรมานอยู่ในคุกไม่นาน ก็ได้ไปเห็นโรงพยาบาลจังหวัดลำพูนในสมัยนั้นชำรุดทรุดโทรมเหลือเกิน ท่านจึงแจ้งให้กับผู้บัญชาการเรือนจำก็ไปหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัด ๆ ก็กลัวว่าจะสร้างไม่ทันเสร็จ  เพราะท่านอภิชัยขาวปีติดคุกอยู่แค่ 6  เดือนเท่านั้น จึงไม่อนุญาต ท่านจึงถามว่า "ถ้าสร้างเหมาโรงพยาบาลนี้จะใช้งบประมาณเท่าไร อนึ่งถ้าสร้างภายใน 6 เดือนไม่เสร็จ เมื่อถึงคราวฉลองเมื่อไรก็จะร่วม" ทางจังหวัดก็บอกว่าถ้าไม่มีเงินถึง 1,600 ก็สร้างได้ (ในสมัยนั้นมีค่ามาก) ่ท่านจึงออกเงินส่วนตัวมอบให้ทางจังหวัดเพื่อเป็นทุนสร้างโรงพยาบาลต่อไป เป็นจำนวนเงิน 1,600 บาท  ซึ่งหลังจากได้รับทุนแล้วก็ดำเนินการก่อสร้างทันทีและผลแห่งความดีนั้นทางจังหวัดก็ส่งให้ทางเรือนจำ  ให้ไปพำนักอยู่โรงพยาบาลหลังเก่า เพื่อเป็นกำลังใจในการทำงานสร้างโรงพยาบาลพร้อมกันนั้นก็ให้นักโทษชาย 2 คน มาอยู่ด้วยเพื่อปรนนิบัติ ทั้งอาหารกรกินก็ถูกกำชับให้ทำอย่างดีและสะอาดเป็นพิเศษกว่านักโทษทั้งหลาย ท่านก็เลยพ้นจากการทรมานเพราะถูกเลือดยุงกัด นับจากนั้นมา  การก่อสร้างก็รุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว  ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากบรรดาประชาชนทั้งหลายที่เลื่อมใสในตัวท่าน เมื่อทราบข่าวว่าท่านมาเป็นประธานในการก่อสร้างโรงพยาบาล ก็พากันมาช่วยและทำบุญด้วยอย่างคับคั่งและเงินที่ได้จากการบริจาคครั้งนั้นยังได้ถึง 2,000 พันกว่าบาท เกินกว่าที่กำหนดไว้ถึงสีร้อยบาท

วันพ้นโทษ

            ครั้นถึงเดือน 9 เหนือ  แรม 2 ค่ำ ก็เป็นวันที่ท่านพ้นโทษตามคำพิพากษาครบ 6 เดือนและโรงพยาบาลก็แล้วเสร็จก่อนถึง 10 วัน ในวันที่จะออกจากคุกนั้น ท่านก็ได้ให้ทานแก่พวกนักโทษทั้งหลายเป็นขนมส้มหวานทั้งอาหารทั้งหลายอย่างเหลือเฟือ  จนพวกเขาอิ่มหมีพีมันไปตามๆ  กันเพราะเมื่อถึงตอนที่ท่านยังถูกจองจำอยู่ในคุกนั้นระยะหลังพวกนักโทษทั้งหลายก็อยู่กินสบายจากของไทยท่านที่ประชาชนผู้เลื่อมใสมาถวายถึงในคุกเป็นประจำทุกวันอย่างมากมาย รวมความว่าผู้เกี่ยวข้องอู่ในเรือนจำทั้งหมดล้วนแล้แต่ได้รับความสบายในด้านอาหารการกินไปตาม ๆ กัน ดังนั้นเมื่อถึงกำหนดพ้นโทษวันนั้น นักโทษทั้งหลายต่างพากันปริเวทนา บ่นพร่ำว่า เมื่อท่านอออภิชัยขาวปีพ้นโทษไปแล้วพวกเราทั้งหลายยังจะได้อยู่กินอิ่มอย่างนี้อีกหรือแล้วพากันร่ำไห้ ด้วยความอาลัยรักในตัวท่านเสียงระงมเป็นภาพที่สะเทือนใจยิ่งนัก  แม้ตัวท่านเองก็แทบกลั้นน้ำไว้ไม่อยู่ พวกเขาพากันมารอที่ประตูคุกเป็นการส่งทางด้วยใบหน้าที่นองไปด้วยน้ำตา และจากปากประตูคุกจนถึงวัดพระธาตุหริภุญชัยมีประมาณระยะทาง  70  วา ก็มีประชาชนมายืนเรียงรายถวายทานกันท่าน  ซึ่งก็ได้เป็นเงินถึง  300  บาท พอดีกับเงินที่ซื้อของถวายทานให้แก่นักโทษ  เหมือนกับเป็นการยืนยันว่า  การทำบุญสนทานนั้นไม่หายไปไหน เมื่อท่านเดินทางไปถึงประตูวัดพระธาตุหริภุญชัย ก็มีพระสงฆ์ 10 รูป มาสวดมนต์เป็นการลดเคราะห์สะเดาะภัยให้  แล้วให้ศีลให้พรให้อยู่ดีมีสุขสืบไป จากนั้นพอถึงเดือน 9 เหนือ แรม 4 ่ค่ำก็ร่วมฉลองโรงพยาบาลเป็นเวลา 3 วัน

อุปสมบทครั้งที่ 2

            ในวันที่แล้วเสร็จงานฉลองสมโภชท่านก็เดินทางไปนมัสการท่านอาจารย์ครูบาเจ้าศรีวิชัย ทีวัดพระสิงห์ เชียงใหม่ ในครานั้นท่านครูบาศรีวิชัยจึงอุปสมบทท่านเป็นภิกษุอีก  โดยมีครูบาแห่งวัดนั้นตาเป็นอุปัชฌาย์หลังจากได้กลับมา สู่รมกาสาวพัสตร์แล้ว ท่านอยู่จำพรรษากับครูบาศรีวิชัยได้ 1 พรรษา ก็ลาอาจารย์จาริกสร้างสถานที่ต่าง ๆต่อไปอีกหลายแห่งทั้งวัดและโรงเรียน และในคราวสร้าง พระเจดีย์ที่บ้านนาหลวง อำเภอตากจังหวัดตากเสร็จแล้วทานก็มุ่งสูแม่สอดโดยเดินทางรอนแรมไปตามป่าเขาลำเนาไพรถึง 4 คืน 4 วันจึงถึงแม่ระมาดและเริ่มงานสร้างถาวรวัตถุอีกมากมาย จากอายุ 36 ถึง 42 ปี

ถูกบังคับให้สึกและครองผ้าขาวครั้งที่ 2

           ที่แม่ระมาดนี่เอง  ก็มีเรื่องน่าเศร้าใจเกิดขึ้นอีกกล่าวคือ  เมื่อสร้างโบสถ์แม่ระมาดนั้นเงินไม่พอ ยังขาดอยู่อีก 700 บาท เป็นค่าทองคำเปลว 400 บาท  กับค่านวยช่างอีก 300 บาท ท่านก็ปรึกษาเรี่ยไรเอาจากชาวบ้าจนครบด้วยความเต็มใจของชาวบ้าน แล้วช่วยกันสร้างต่อ จนแล้วเสร็จทันฉลองจนเรื่องการเรี่ยไรนี้ทราบถึงอำเภอ จึงเรียกกำนันไปสอบสวนวา อภิชัยภิกษุ เรี่ยไรจริงหรือไม่ กำนั้นก็รับว่าจริงแต่ด้วยความเต็มใจของชาวบ้าน เพราะถ้าไม่ทำอย่างนั้นงานสร้างโบสถ์ก็หยุดชะงักทางอำเภอก็ว่าเต็มใจหรือไม่ก็ผิดเพราะเป็นพระเป็นเจ้าจะทำการเรี่ยไรไม่ได้ผิดระเบียบคณะสงฆ์ แล้วรายงานเรื่องนี้ไปยังเจ้าคณะจังหวัดต่างๆ  จึงตัดสินว่าให้สึกพระอภิชัยเสียท่านจึงจำยอมสึกจากภาวะความเป็นภิกษุอีกครั้งท่ามกลางความสลดหดหู่ของผู้คนที่รู้เป็นเป็นอันมากที่ท่านครธบาของพวกเขาต้องมารับกรรมเพราะทำความดี  อย่างไม่ยุติธรรม ทานต้องนุ่งห่มแบบชีปะขาวอีกครั้งหนึ่ง ี่ให้ต้นประดู่แห้งที่ยืนต้นตายซากมานานเป็นแรมปี  ณ   ที่นี้ ี้ี้ี้ื้เองมีเรื่องที่น่าอัศจรรย์สมวรจะบันทึกไว้คือพอท่านเปลี่ยนผ้ากาสาวพัสตร์ออกจากกายมาครองผ้าขาวเท่านั้น ต้นประดู่ที่แห้งโกร๋นปราศจากใบก็ผลิตดอกออกใบฟื้นเป็นขึ้นมาอีก ท่ามกลางความอัศจรรย์ใจของบรรดาประชาชนที่ร่วมขุมนุมอยู่เป็นอันมาก ต่างพากันหลั่งน้ำตา ล้มตัวก้มลงกราบโดยพร้อมเพรียงกันนับเป็นปรากฏการณ์ที่จะไม่เห็นอีกในชีวิต

มารตามรังควาน

            ไม่นานจากนั้น ท่านพร้อมกับผู้ติดตาม ก็มุ่งกลับสู่อำเภอลี้ โดยรอนแรมมาเป็นระยะเวลา 10 วัน 10 คืน ก็เดินทางมาถึงอ.ลี้ พักอยู่ที่กลางทุ่งนาบ้านป่าหก ได้ 4 คืน นายอำเภอลี้ จึงให้ตำรวจมาขับไล่ไม่ให้อยู่โดยไม่มีเหตุผล ด้วยความใจดำเป็นอย่างยิ่ง ท่านจึงมาพักอยู่กลางทุ่งนาบ้านแม่ตืน ณ ที่นี้ก็ถูกทางอำเภอกลั้นแกล้งอีก  โดยรายงานไปทางจังหวัดว่าชีประขาวปีนำปืนเถื่อนมาจากแม่สอดมาถึง  1,000 กระบอก  หลังจากรับรายงานจึงมีบัญชาให้นายร้อยตำรวจ 2 คนกับพระครู 2 รูป ขึ้นมาทำการตรวจค้นไต่สวน ท่านว่า "ไม่เป็นความจริงหรอก อาตมาเดินทางผ่านมาตั้ง 2 จังหวัดแล้ว ยังไม่เห็นมีใคร กล่าวหาเช่นนี้เลยถ้าท่านไม่เชื่อก็เชิญค้นดูเองเถิด" ตำรวจทั้งสองก็ค้นสัมภาระของคณะติดตามดูก็พบปีนแก๊ป 1 กระบอก แต่ปรากฏว่าเป็นปืนมีทะเบียนของชาวบ้านผู้ติดตามคนหนึ่งจึงไม่ว่าอะไร จากนั้นก็ไปค้นจนทั่วลามปามเข้าค้นถึงในวัดแม่ตืนจนพระณรแตกตื่นเป็นโกลาหล แต่ก็ไม่พบ อะไรอีกจึงพากันเดินทางกลับด้วยความผิดหวังก่อนกลับก็ไปต่อว่าต่อขานทางอำเภอลี้เสียจนหน้าม้านหาวาหลอกให้เดินทางมาเสียเวลาเปล่า เหนื่อยแทบตาย (เพราะสมัยนั้นไม่มีรถยนต์แม้แต่คันเดียว) ทางนายอำเภอจึงจำเป็นต้องออกค่าเดินทาง  พร้อมสะเบียงอาหารให้คณะนายตำรวจ  ดังกล่าวเดินทางกลับ เสร็จจากเรื่องที่กล่าวหานั้นแล้วทานพร้อมกับคณะก็เดินทางจากแม่ตืนไปหาท่านครูบาเจ้าศรีชัย ที่วัดพระนอนปูคา บ้านแม่ปูคา อำเภอสันกำแพง เชียงใหม่  ระหว่างทางพักที่วัดห้วยกานคืนหนึ่ง  เมื่อเข้าเขตกิ่งบ้าโฮ่ง ชาวบ้านก็พาตำรวจมาดักจับอีกด้วยข้อหาอำไรไม่แจ้ง แต่ตำรวจก็จับไม่ไหวเพราะคนตั้งมากมาย ก็เลยไม่รู้จะทำอย่างไรจึงล่าถอยไป ท่านจึงไปพักที่วัดดงฤาษีคืนหนึ่ง แล้วมุ่งไปทางบ้านหนองล่อง ณ ที่นี้ก็ถูกคณะข้าหลวงดักจับอีก แต่ก็จับไม่ไหวอีกเช่นกัน

ผู้ว่าราชการเชียงใหม่มาขอพบ

            เมื่อถึงวัดท่าลี่ คณะที่พักอยู่ที่ศาลา ในตอนเย็น ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่จึงเข้าไปสอบถาม

                        ผู้ว่าฯ "ทานอยู่บ้านใด เกิดที่ไหน"

                        ครูบาฯ "เดิมอาตมาอยู่บ้านแม่เทย อ.ลี้ ลำพูนนี่เอง"

                        ผู้ว่าฯ "อ้อท่านก็เป็นคนเมืองเราเหมือนกัน ก่อนมาถึงที่นี่ท่านไปไหนมา"

                     ครูบาฯ "อาตมามาจากพม่า"

                        ผู้ว่าฯ "ไปอยู่นานไหมๆ"

                      ครูบาฯ "5ปีแล้ว"

            ผู้ว่าฯ "อือม์ ก็ไม่เห็นมีเรื่องอะไรดังเขาเล่าลือ แต่ก็มีอีกอย่างของให้ท่านเสียค่าประถมศึกษา 8 บาท ให้กับทางอำเภอเสีย ตามระเบียบที่ทางการกำหนดไว้ หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไร"

            ขณะนั้นกำนันกับชาวบ้านที่ร่วมชุมนุมอยู่ ณ ที่นั้นได้ยินจึงช่วยกันบริจาคให้ท่าน ได้เงิน 15 บาท ทานจึงมอบให้กับนายตำรวจคนหนึ่งที่มากับผู้ว่าฯไป แต่ก็นับว่าเป็นคราวเคราะห์ของตำรวจคนนั้น ซึ่งพอรับเงินไปได้สักครู่ก็ไปทำหานเสีย จึงต้องควักกระเป๋าตัวเงินจ่ายแทนไปตามระเบียบ

            หลังจากที่พักที่ท่าลี่คืนหนึ่งแล้ว ท่านพร้อมคณะก็ขนของข้ามแม่น้ำปิงไปขึ้นรถ ไปจนถึงวัดพระนอนปูคาแล้วอยู่ร่วมฉลองวิหารพระนอนปูคา ร่วมกับท่านครูบาศรีวิชัยจนแล้วเสร็จ แล้วก็กลับมาหมายจะมาจำพรรษที่วัดแม่ตืน อ.ลี้อีก แต่นายอำเภอจอม :-X ม ก็สั่งกำนันมาไล่ไม่ให้อยู่เป็นอันขาด ท่านจึงสุดแสนที่อัดอั้นตันใจและรู้สึกสลดใจเป็นอย่างยิ่งที่ถูกจองล้างจองผลาญอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

สร้างวัดพระบาทตะเมาะ

            ก็พอดีท่านคิดได้ว่ามีญาติทางพ่อของท่านเป็นกำนันอยู่ที่ตำบลดอยเต่า จึงให้คนไปบอกให้มาพบท่าน เมื่อกำนันมาถึงแล้วท่านก็ถามว่า "อาตมาจะไปอยู่ที่พระบาทตะเมาะได้หรือไม่" กำนันดอยเต่าจึงไปปรึกษากับทางอำเภอ ๆ จึงบอกว่า ดีแล้ว ให้ไปบอกท่านให้มาอยู่เร็วๆ เถิด ด้วยเหตุนี้ท่านจึงได้ไปอยู่พระบาทตะเมาะ โดยสร้างอารามขึ้นที่นั้นด้วยความร่วมมือทั้งฝ่ายนายอำเภอและป่าไม้อำเภอไปจองที่กว้าง 500 วา ยาว 500 วา และที่พระบาทะเมาะนี้เองท่านได้สร้างวิหารครอบรอยพระพุทธบาทหนึ่งหลังมีเจดีย์ตั้งอยู่บนวิหารถึง 9 ยอด นับเป็นศิลปะที่งดงาม ปรากฏอยู่จนถึงปัจจุบันนี้  ซึ่งท่านจะไปเที่ยวชมได้นับเป็นวิเวกสถานที่เหมาะกับผู้ใฝ่หาความสงบที่เหมาะมากอีกแห่งหนึ่ง

ช่วยครูบาศรีวิชัยสร้างทางขึ้นดอยสุเทพ

            แต่ด้วยวิญญาณของนักพัฒนาท่านก็อยู่จำพรรษาที่พระบามตะเมาะไม่นาน ขณะนั้นครูบาศรีวิชัยกำลังสร้างทางขึ้นดอยสุเทพ เชียงใหม่อยู่ท่านจึงพากะเหรี่ยง 500 คน ขึ้นไปช่วยทำถนนขึ้นดอยสุเทพร่วมกับอาจารย์จนแล้วเสร็จ จึงกลับลงมาพักกับอาจารย์ที่วัดพระสิงห์

อุปสมบทครั้งที่ 3

            ที่วัดพระสิงห์นี้ ท่านครูบาศรีวิชัยก็อุปสมบทให้ท่านเป็นภิกษุอีกเป็นครั้งที่ 3 แต่กระนั้นก็ตาม ดูเหมือนว่าท่านไม่มีบุญพอที่จะอยู่ในผ้าเหลืองได้นาน ๆ ก็พอท่านครูบาศรีวิชัย ก็ต้องเกิดคดีต่าง ๆ นานา ต้องเดินทางไปกรุงเทพฯ คงทิ้งให้ท่านอยู่รักษาวัดพระสิงห์แต่เพียงผู้เดียว

ครองผ้าขาวครั้งที่ 3

            ด้วยจิตใจที่เป็นห่วงในตัวอาจารย์ของท่านยิ่งนัก แล้วก็มีมารมาผจญอีกจนได้เมื่อ มหาสุดใจ วัดเกตุการามกับท่านพระครูวัดพันอ้นรูปหนึ่งมาหลอกว่าให้ท่านสึกเสีย เพราะมิฉะนั้นท่านจะเอาครูบาศรีวิชัยจำคุก ท่านจึงสึกเป็นชีปะขาวอีกครั้งหนึ่ง นับเป็นครั้งสุดท้ายแล้วออกจากวัดพระสิงห์กลับไปพักที่วัดบ้านปางด้วยความเหงาใจ แต่ท่านก็ไม่ละทิ้งงานก่อสร้าง จึงได้สร้างกุฏิที่วัดบ้านปางอีก 1 หลัง แล้วกลับไปอยู่ที่พระบาทตะเมาะตามเดิม

สูญเสียอาจารย์

            ชีวิตท่านช่วงนี้ คงมุ่งอยู่กับงานก่อสร้างไม่หยุดหย่อน จากที่นี่ย้ายไปที่นั่นไม่มีที่สิ้นสุด จนกระทั่งครูบาศรีวิชัยพ้นจากมลทินที่ถูกกล่าวหาท่ามกลางความดีใจของสาธุชนทั้งหลาย แต่ความดีใจนั้นคงมีอยู่ได้ไม่นานท่านครูบาเจ้าศรีวิชัยก็ได้อาพาธหนัก แล้วถึงแก่มรณภาพลงในที่สุด ยังความโศกาอาดูรให้เกิดแก่มหาชนผู้เลื่อมใสโดยทั่วไป ลานนาไทยได้สูญเสียนักบุญผู้ยิ่งใหญ่ไปแล้วอย่างไม่มีวันกลับ หากจะเอาเสียงร้ำไห้มารวมกันแล้วใช้เสียงแห่งความวิปโยคนี้คงได้ยินไปถึงสวรรค์ท่านเองในฐานะที่เป็นลูกศิษย์ที่ท่านอาจารย์ได้พร่ำสอนตั้งแต่ยังเล็ก ๆ ก็มีความเศร้าโศกเสียใจมิใช่น้อยแต่ก็ปลงได้ด้วยธรรมสังเวชโดยอารมณ์กัมมัฏฐาน แล้วทำทุกอย่างในฐานะศิษย์จะพึงมีต่ออาจารย์ด้วยกตเวทิตาธรรม  ท่านจึงสร้างเมรุหลังหนึ่งกับปราสาทหลังหนึ่งพร้อม :-X บบรรจุศพ เพื่อเก็บไว้รอการฌาปนกิจต่อไปที่วัดบ้านปางซึ่งได้มีการฌาปนกิจศพท่านครูบาศรีวิชัยอีกไม่กี่ปีต่อมาหลังจากมรณภาพไม่นาน

สร้างวัดผาหนาม ที่พำนักในปัจฉิมวัย

            วัดคืนยังคงหมุนไป พร้อมกับความเป็นนักก่อสร้างนักพัฒนาของท่านก็ยิ่งลือกระฉ่อนยิ่งขึ้น เมื่อขาดท่านครูบาศรีวิชัยผู้คนก็หลั่งไหลกันมาหาท่านอย่างมือฟ้ามัวเดินในฐานะทายาททางธรรมของครูบาเจ้าศรีวิชัยผลงานระยะต่อมาเมื่อได้รับพลังอย่างท่วมท้นขึ้น จึงยิ่งใหญ่เป็นลำดับ และกว้างขวางหากำหนดมิได้โดยไม่เคยว่างเว้น จนถึงพุทธศักราช 2470 อายุสังขารของท่านเริ่มชราลงแล้วคือมีอายุ 76 ปี แต่ท่านยังคงแข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ ทั้งนี้ อาจจะด้วยอำนาจผลบุญที่ได้บำเพ็ญมาก็ได้ จึงสมควรจะสร้างสถานที่สักแห่งหนึ่ง เพื่อเป็นที่พำนักปฏิบัติธรรมในปัจฉิมวัย ก็พอดีชาวบ้านผาหนามซึ่งอพยพจาก อ.ฮอด หนีภัยน้ำท่วมมาอยู่ที่บ้านผาหนาม อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน มีพ่อน้อยฝน ตุ่นวงศ์ เป็นประธาน พร้อมกับชาวบ้านได้มานิมนต์ท่านให้ไปสร้างอารามใกล้เชิงดอยผาหนาม เพื่อเป็นที่พึ่งกายใจและประกอบศาสนกิจ ท่านก็รับนิมนต์ พร้อมกับชอบใจสถานที่ดังกล่าวและ ตั้งใจว่าจะเป็นสถานที่สุดท้ายเพื่อเป็นที่พำนักและปฏิบัติธรรมของท่านจึงพร้อมใจกับคณะศรัทธาบ้านผาหนามและศรัทธาจากทั่วทุกสารทิศก่อสร้างเป็นอารามขึ้นจากนั้นจนมีสิ่งก่อสร้างใหญ่โตมากมายและท่านถือที่แห่งนี้เป็นที่พำนักอยู่เสมอ แต่ทั้งนี้มีได้หมายความว่าท่านจะงดมิไปสร้าง หรือพัฒนาที่อื่นอีก แต่ยังคงไปเป็นประธานสร้างสถานที่ต่าง ๆ ควบคู่กับงานสร้างวัดผาหนามอีกตั้งหลาย ๆ แห่ง

วันจากที่ยิ่งใหญ่

            แล้วในปี 2514 คณะศรัทธาวัดสันทุ่งฮ่าม แห่งจังหวัดลำปาง ก็ได้มานิมนต์ท่าน เพื่อไปเป็นประธานในการก่อสร้างอีก ซึ่งท่านก็ไม่ขัดข้องด้วยความเมตตาอันมีอยู่อย่างหาขอบเขตไม่ได้ของท่าน แม้ตอนนั้นท่านจะชราภาพมากแล้ว คือมีอายุถึง 83 ปี ก็ตาม ไม่มีใครรู้ดีเท่ากับตัวของท่านว่าท่านเหนื่อยอ่อนแค่ไหน แต่ด้วยใจที่แกร่งเหมือนเพชรท่านคงไม่ปริปากบ่นเป็นประธานให้ที่วัดสันทุ่งฮ่ามไม่นานคณะศรัทธาจากวัดท่าต้นธงชัย จ.สุโขทัยก็ได้มานิมนต์ท่านอีก เพื่อเป็นประธานในการสร้างพระวิหาร

            วันนั้นเป็นวันที่ 2 มีนาคม 2520 ตอนนั้น ท่านเหนื่อยอ่อนมากแล้วท่านได้บอกผู้ใกล้ชิดว่าท่านอยากกลับอารามผาหนาม เหมือนดั่งจะรู้ตัวของท่านว่าไม่มีเวลาในการโปรดที่ไหนอีกต่อไปแล้ว แต่จะมีใครล่วงรู้ถึงข้อนี้ก็หาไม่ คงพาท่านมุ่งสู่สุโขทัยอีกต่อไป และเมื่อถึงวัดท่าต้นธงชัย ได้เพียงวันเดียว ในวันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2520 ซึ่งตรงกับเดือน 6 เหนือ แรม 14 ค่ำ เวลา 16.00 น. ท่านได้ได้จากไปอย่างสงบ ข่าวการจากไปของท่านกระจายไปอย่างรวดเร็วทั่วประเทศ ทุกคนตกตะลึง ต่างพากันช็อคไปชั่วขณะมันเหมือนสายฟ้าที่ฟาดเปรี้ยงลงบนกลางใจของทุกคน ที่เลื่อมใสเคารพรักในตัวท่าน แล้วจากนั้น เสียงร่ำไห้ก็ระงมไปทุกมุมเมืองพวกเขาได้สูญเสียร่มโพธิ์แก้วอันร่มเย็นไพศาลไปแล้วอย่างไม่มีวันกลับ ตั้งแต่นี้จะหาครูบาเจ้าที่มีความเมตตาอันหาของเขตมิได้และยิ่งใหญ่ปานนี้ แต่แรกมีหลายคนไม่เชื่อและตะโกนว่าเป็นไปไม่ได้ ท่านยังอยู่และจะต้องอยู่ต่อไป ต่อเมื่อได้รับการยืนยันว่าท่านสิ้นแล้ว สิ้นแล้วจริง ๆ ก็ทุ่มตัวลงเกลือกกลิ้งร่ำไห้พิลาปรำพันอย่างน่าเวทนายิ่งนัก โอ้...ท่านผู้เป็นนักบุญผู้ยิ่งใหญ่ ป่านนี้ท่านคงเป็นสุขอยู่ ณ สรวงสวรรค์ที่สะพรั่งพร้อมด้วยทิพยวิมาณอันเพริดแพร้วใหญ่โดสุดพรรณนาด้วยผลบุญแห่งการบำเพ็ญมาอย่างใหญ่หลวงเหลือคณา คงเหลือแต่ผลงานและประวัติชีวิตอันบริสุทธิ์ทิ้งไว้แด่อนุชน ได้ชื่นชม และเสวยผลเป็นอมตะชั่วกาลปาวสาน

ที่มา http://www.wjd.ac.th/~sarawuth/data/024.kb2.htm ครับ
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ พฤศจิกายน 16, 2008, 03:57:04 PM
สุดท้ายเมื่อเวลาหมดก็ต้องจากลาครับ
ส่งท้ายด้วยอาคารคอนกรีตสองชั้นหลังแรกของโรงเรียนครับ
ที่ที่มีอดีตมากมายในความทรงจำของหล่ะอ่อนเตี่ยวขาสั้นสีน้ำตาลวันแรกในรั้วแดงขาวน้ำเงินครับ  -23
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ พฤศจิกายน 19, 2008, 08:40:44 PM
ต้องขอมาแก้มืออีกสักรอบกับโรงเรียนเก่าแห่งนี้แน่ๆ ครับ
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: KITTI ที่ พฤศจิกายน 20, 2008, 11:26:49 PM
 -30
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: eak ที่ พฤศจิกายน 21, 2008, 10:40:43 AM
เป็นประวัติที่น่าทึ่งมาก  แต่ถ้าหากให้อ้ายเนินอ่านขอให้เวลาเปิ้นสัก ปีหน้าเน้อครับ ถึงจะอ่านจบ
เจ้าชาย 5 บรรทัด :cry2:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: KITTI ที่ ธันวาคม 01, 2008, 07:28:11 PM
 :cheer:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ ธันวาคม 01, 2008, 08:22:19 PM
เป็นประวัติที่น่าทึ่งมาก  แต่ถ้าหากให้อ้ายเนินอ่านขอให้เวลาเปิ้นสัก ปีหน้าเน้อครับ ถึงจะอ่านจบ
เจ้าชาย 5 บรรทัด :cry2:
:laugh2:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ ธันวาคม 19, 2008, 10:10:46 PM
กลับมา่อ่านทวนอีกรอบแล้วทำให้รู้ว่าตั้งใจจะเล่าเรื่องแอ่วดอยอินทนนท์กับควันหลงคอนเสริต์บิลลี่เอาไว้แต่ว่าลืมง่ะ
ขอโตดคร๊าบ  -01
เอาเป็นว่าเรื่องแ่อ่วดอยก่อนก็แล้วกั๋นเนอะ เรื่องก็มีอยู่ว่า....
ทุกรอบที่ปิดเทอมช่วง ม.ปลาย พวกเราก็มักจะจัดทีมทัีวร์กันบ่อยๆ
ตอน ม.4 ปิดกลางเทอมก็ไปเที่ยวกันแถวๆ แม่ริม
ส่วนปลายเทอมพวกเราก็ไปเที่ยวแม่สาย สามเหลี่ยมทองคำ
เมื่อวนมาถึงกลางเทอม ม.5 ก็มานึกๆ กันว่าจะไปไหนกันดี บทสรุปก็มาลงตัวเอาที่ อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์กันนี่แหละ
ผมเองเป็นคนรับผิดชอบติดต่อเรื่องที่พักเพราะได้แอบไปสำรวจกันล่วงหน้ากับ ท่านประธาน ซายิด และอาเฮียตี๋(อุทัย)


ทริปนี้ เป็นที่มาของสิงห์ขยับกับบรรลัย และสิงห์ปาริก้า ด้วยนั้นเอง...  :laugh2:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ ธันวาคม 19, 2008, 10:14:11 PM
จำได้้ว่ามีการเตรียมความพร้อมด้วยการระดมทุนในกลุ่มเพื่อนชายทั้งหลายใน 605/30
เพื่อจัดหาน้ำสีชาแม่โขง และกับแกล้มต่างๆ มากมายรวมทั้งปาริก้าด้วย  -021
ตกลงกันว่าจะไปพักทั้งหมด 2 คืน 3 วัน ดังนั้นต้องเตรียมเจ้าน้ำสีชาให้เพียงพอกับพวกเราทะโมนทั้งหลาย
เมื่อระดมทุนกันแล้วก็ได้อยู่จำนวนทั้งสิ้น 18 กลม สำหรับจำนวนคนดื่ม 12 คนซึ่งน่าจะเพียงพอสำหรับ 2 คืน
แต่แล้ว....
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ ธันวาคม 19, 2008, 10:18:04 PM
ผ่านไปได้เพียงคืนแรกด้วยความหนาวเย็นของอากาศบนดอยสูง 18 กลมที่เตรียมมาก็...




เหลือเพียง 2 กลมเท่านั้นครับ  -22
โอ้วแม่เจ้าเฉลี่ยกันคนละ 1 กลมกว่าๆ เลยนะนั่น  -07
ส่วนเรื่องสิงห์ขยับกับบรรลัย(สิงห์ปาริก้า)เดี๋ยวเฉลยครับ  :laugh2:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: Yai P5/6 ที่ ธันวาคม 20, 2008, 08:08:30 AM
มันเหลือด้วยเหรอเก่ง
 -06
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ ธันวาคม 20, 2008, 11:11:27 AM
เหลือดิ 2 กลมที่ว่านั่นแหละ จากนั้นการระดมทุกฉุกเฉินก็เริ่มต้นขึ้น
เนื่องด้วยว่าอากาศก็สุดหนาว  -16
เครื่องคลายหนาวก็จวนจะหมด  -25
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: KITTI ที่ ธันวาคม 31, 2008, 08:46:36 AM
 -30
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: akadiki ที่ มกราคม 02, 2009, 01:34:04 AM
 -07
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: Yai P5/6 ที่ มกราคม 02, 2009, 10:09:26 AM
...
 :cry7:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: eak ที่ มกราคม 02, 2009, 12:29:19 PM
 :no:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ มกราคม 02, 2009, 10:37:43 PM
 -09
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: korokoso ที่ มกราคม 05, 2009, 08:03:59 AM
 -16
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: KITTI ที่ มกราคม 07, 2009, 07:57:14 PM
555 -06
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ มกราคม 07, 2009, 10:07:50 PM
 -0005
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: KITTI ที่ มกราคม 08, 2009, 11:57:59 AM
 :pray:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: akadiki ที่ มกราคม 08, 2009, 02:39:24 PM
 O0 -0004
หัวข้อ: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: Super เซียน ที่ มกราคม 08, 2009, 04:16:54 PM
หมู่สูเขา เป็นอะหยั๋งกันหา บ่อู้บ่จ๋าเด๋วอาเฮียเปิ้นก่เข้ามาว่าปั่น...แห๋มเน้อ
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: Yai P5/6 ที่ มกราคม 08, 2009, 08:59:10 PM
 :no:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ มกราคม 09, 2009, 08:24:50 AM
 022
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: Yai P5/6 ที่ มกราคม 09, 2009, 04:52:03 PM
 -24
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ มกราคม 09, 2009, 09:11:15 PM
หว่างนี้มันกึดบ่ออกครับอ้ายเซียนก๋านมันนัก ทั้งงานราษฎร งานหลวง
กึดได้ก้าเรื่องอย่างว่าอย่างเดียว มันเก็บกดครับอ้าย  022
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: Yai P5/6 ที่ มกราคม 09, 2009, 11:19:52 PM
 :laugh1:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: KITTI ที่ มกราคม 11, 2009, 08:20:30 PM
 :smile1:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ เมษายน 20, 2009, 09:52:42 PM
อ้าวตรูเล่าค้างไว้นี่หว่า  :smile6:
หลังจากระดมทุนฉุกเฉินด้วยภาวะทางการเงินสมัยนั้นก็ได้อีกแค่ 6 กลมเกลี้ยงอย่างเก่าอีกแล้วน่าก่า  :laugh2:

ส่วนเรื่องสิงห์ปาริก้า และสิงห์ขยับกับบรรลัยนั้น เป็นฉายาที่คิดขึ้นมาโดยอ้ายน่อง(โสภณ) ครับ
มอบให้กับเพื่อนเราคนหนึ่งที่ขยับแ้ก้วแต่ละที กับแกล้มหายครับ โดยเฉพาะปาริก้า ที่พี่ท่านชอบมากๆ ครับ
ได้แก่..... อ้ายปี๋ใหม่เมืองครับ เจอกันคราวหน้าอย่าลืมติดปาริก้าไว้เลี้ยงเปิ้นโตยเน้อ
ไปดีกว่าปากหาเรื่องอีกแล้วตรู
 :angry5:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ เมษายน 20, 2009, 09:55:01 PM
แล้วก็จากไปด้วยใจระทึกว่าจะมาต่อให้จบได้หรือปล่าวว่ะ  :smile6:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ เมษายน 29, 2009, 09:42:01 PM
เคาะๆ นึกเรื่องก่อนถ้าจะตกค้างเรื่องคอนเสริตบิลลี่ในมุมมองผมแล้วล่ะสิ
ยังเหลือเรื่องไปฝึกว่ายน้ำจนเจอสาว LCC ที่น่ารักคนหนึ่งด้วยสิ  :smile3:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: KITTI ที่ พฤษภาคม 24, 2009, 07:42:19 PM
 -30
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: akadiki ที่ พฤษภาคม 25, 2009, 02:26:51 AM
-30
-30 :angry4: -24
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: Yai P5/6 ที่ พฤษภาคม 25, 2009, 08:54:58 AM
 -14
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: นิชคุณ ป๋ายดอย ที่ มิถุนายน 05, 2009, 10:24:14 AM
 :red:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: Montri babu ที่ มิถุนายน 05, 2009, 11:01:43 AM
 ???? ???? ????
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: eak ที่ มิถุนายน 05, 2009, 11:41:10 AM
 :bye:จบกัน
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: KITTI ที่ มิถุนายน 05, 2009, 01:07:34 PM
 :laugh1:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ มิถุนายน 05, 2009, 01:59:28 PM
 -25
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: KITTI ที่ มิถุนายน 06, 2009, 07:00:20 AM
 -06
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: eak ที่ มิถุนายน 06, 2009, 09:37:27 AM
อ้าว มาอีกแล้ว มรึง  -15
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ มิถุนายน 06, 2009, 11:00:38 AM
หล่ะอ่อนหอเปิ้นอู้กั๋นฮู้เรื่องบ่าย่ะ อ้ายเอก  :laugh2:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: KITTI ที่ มิถุนายน 06, 2009, 07:21:38 PM
 :smile1:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: eak ที่ มิถุนายน 08, 2009, 02:13:06 PM
 :งง:แล้วแต่หมู่ สูเค้าเต๊อะบะ
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: korokoso ที่ มิถุนายน 08, 2009, 03:19:52 PM
 -23
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: Yai P5/6 ที่ มิถุนายน 12, 2009, 08:56:24 AM
 :no:
555
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: KITTI ที่ มิถุนายน 13, 2009, 06:08:49 AM
 -30
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ มิถุนายน 13, 2009, 07:32:02 AM
(http://www.montfort27.com/forum/index.php?action=dlattach;topic=993.0;attach=32846;image)

 -30 -30 -30 -30 -30 -30 -30 -30
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: Montri babu ที่ มิถุนายน 13, 2009, 08:18:50 AM
 :x :x :x :x :x
ตวยมาถึงกระทู้นี้เลยกาครับ อ้ายเก่ง
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ มิถุนายน 13, 2009, 11:39:47 AM
(http://www.montfort27.com/forum/index.php?action=dlattach;topic=993.0;attach=33279;image)

ฮาจะหามาไว้เลี้ยงฮับหล่ะอ่อนหอที่มาแวะแอ่วหาฮาบ่ะอ้ายสิว  -30
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: Montri babu ที่ มิถุนายน 13, 2009, 12:56:47 PM
ฮาจะหามาไว้เลี้ยงฮับหล่ะอ่อนหอที่มาแวะแอ่วหาฮาบ่ะอ้ายสิว  -30
เก่งลงทุนขนาดนั้นเลยกา ผมว่าถ้าเหงาก่ขับรถมานั่งอู้กับเพื่อนฝูงแถวอุดมมิตรก่ได้ก๊า ขอเบิ้นดีๆก่อออกบ้านได้อยู่ก๊าห๋า.. :smile9:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ มิถุนายน 13, 2009, 01:24:06 PM
เอาแบบแต้ๆ นาขี้คร้านขับรถว่ะ อีกอย่างเวลาออกไปกิ๋นนอกบ้านมันได้บ่เต็มตี้ว่ะ
เมาแล้วมันจะพานบ่ถึงบ้านเอานี่ก่าบ่ะ ถ้าใกล้บ้านมันก่อดูต้างหน้อยบ่ะ  :smile7:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: นิชคุณ ป๋ายดอย ที่ มิถุนายน 13, 2009, 02:49:55 PM
เอาแบบแต้ๆ นาขี้คร้านขับรถว่ะ อีกอย่างเวลาออกไปกิ๋นนอกบ้านมันได้บ่เต็มตี้ว่ะ
เมาแล้วมันจะพานบ่ถึงบ้านเอานี่ก่าบ่ะ ถ้าใกล้บ้านมันก่อดูต้างหน้อยบ่ะ  :smile7:


ไม่ใจ..ไม่ใจ ของแท้... -15
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ มิถุนายน 13, 2009, 04:35:03 PM
งั้นขอเชิญอ้ายเนินมาใจบ้านผมดีกว่าครับ เดี๋ยวจัดตัวดีๆ ไว้รับรองให้ครับ  -021
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: Montri babu ที่ มิถุนายน 13, 2009, 08:59:40 PM
งั้นขอเชิญอ้ายเนินมาใจบ้านผมดีกว่าครับ เดี๋ยวจัดตัวดีๆ ไว้รับรองให้ครับ  -021
ถ้ามีจัดแบบตัวดีๆ ผมขอแบบตัวเดียวสองขาได้ก่ครับ :love:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ มิถุนายน 13, 2009, 11:10:16 PM
สองขาหาเอาคนเดียวเตอะถ้าสามารถนา  -021
บ่อยากโดนข้อหาเป็นธุระจัดหาครับ
:smile10: แต่ว่าเรื่องนี้น่าจะปรึกษาจานอั๊กได้ว่ะ ลืมไปได้ไงหว่าตรู  -021
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: Montri babu ที่ มิถุนายน 14, 2009, 08:08:58 AM
สองขาหาเอาคนเดียวเตอะถ้าสามารถนา  -021
บ่อยากโดนข้อหาเป็นธุระจัดหาครับ
:smile10: แต่ว่าเรื่องนี้น่าจะปรึกษาจานอั๊กได้ว่ะ ลืมไปได้ไงหว่าตรู  -021
ถึงจานอั๊ก....จานคงสบายดีนะครับ...จานจำเพื่อนคนนี้ได้เปล่าครับ
ผมจำเพื่อนที่แสนดีอย่างจานได้เสมอ..ไงจานก็อย่าลืมบอกผมก่อนนะครับ...ขอบคุณครับ
ปล.เรื่องนี้อย่าบอกอ้ายเก่งนะครับ เพราะอ้ายเปิ้นบ่มัก
 :smile1: :smile1:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ มิถุนายน 14, 2009, 08:10:35 AM
จานอั๊กว่าจะใดหว่า ฮาบ่ฮู้บ่หันเน้อ 
-021 -021 -021 -021 -021
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: Mor-Rim-Doi ที่ มิถุนายน 18, 2009, 10:05:34 PM
ไม่รู้เป็นไง
พักนี้อ่านการ์ตูน
ก็คิดถึงอ้ายเก่ง หล่ายดอยตลอดแฮะ
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: akadiki ที่ มิถุนายน 19, 2009, 05:29:41 AM
ฮาจะหามาไว้เลี้ยงฮับหล่ะอ่อนหอที่มาแวะแอ่วหาฮาบ่ะอ้ายสิว  -30

อ้ายเก่งอู้แต๊.......อู้เล่น  -30
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ มิถุนายน 19, 2009, 08:25:19 AM
ไม่รู้เป็นไง
พักนี้อ่านการ์ตูน
ก็คิดถึงอ้ายเก่ง หล่ายดอยตลอดแฮะ
ครับ ขอบคุณครับที่ยังระลึกถึงกันเสมอ  :angry4:

ฮาจะหามาไว้เลี้ยงฮับหล่ะอ่อนหอที่มาแวะแอ่วหาฮาบ่ะอ้ายสิว  -30

อ้ายเก่งอู้แต๊.......อู้เล่น  -30
อู้แต๊ครับ แต่ไอ้ตัวที่อยู่ในรูปยังไม่มีครับ มีตัวอื่นเตรียมไว้แล้วครับ  -30

(http://www.montfort27.com/forum/index.php?action=dlattach;topic=993.0;attach=29950;image)
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: Yai P5/6 ที่ มิถุนายน 20, 2009, 05:56:58 PM
 :smile2:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: Montri babu ที่ มิถุนายน 20, 2009, 09:09:12 PM
:smile2:
อ้ายใหญ่ครับเก็บอาการหน่อยครับ  :angry4:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ ธันวาคม 28, 2009, 11:05:35 PM
เวลาผ่านไปกว่า 6 เดือนแล้ว เก็บไปกิ๋นคนเดียวหมดล่ะ ที่เตรียมๆ ไว้น่ะ  -0014 -0027
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: KITTI ที่ ธันวาคม 10, 2010, 11:29:37 AM
 -30
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ ธันวาคม 10, 2010, 02:37:50 PM
เออ... ปุ๊ยครับ ผ่านไปอีกสิบวันจะปีหนึ่ง เพื่อนปุ๊ยเพิ่งเข้ามาตอบ
ป่านนี้เหล้าที่ว่าจะเลี้ยง ไหลผ่านท่อฉี่ตรูเกลี้ยงขวดไปหมดล่ะ
ไว้ถ้ามาจริงเปลี่ยนตัวอื่นที่มีอยู่แทนก็แล้วกันเด้อ
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: KITTI ที่ ธันวาคม 12, 2010, 12:59:09 PM
 :try:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ ธันวาคม 12, 2010, 08:27:46 PM
ปุ๊ยครับวันนี้ว่างเหรอครับ กระตุ้นเวปเหรอครับ
หรือว่าอยากให้ปรับ level เข้าชมห้องลับใหม่ครับ -021
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: KITTI ที่ ธันวาคม 13, 2010, 07:48:49 PM
 :V -31 :cheer:
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ ตุลาคม 28, 2013, 11:59:16 PM
ผ่านไปเกือบสามปีกลับมาอ่านกระทู้นี้อีกครั้งตรูยังเขียนไม่จบ(อีกแล้ว)นี่หว่า สัญญาแต่ไม่สายัณห์ว่าจะกลับมาเขียนให้จบ
แถมจะต่อภาคสองด้วยเรื่อง "หนุ่มหล่ายดอยเข้ากรุง" จริงๆ นะ 023
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ ตุลาคม 29, 2013, 08:37:32 AM
อีกเรื่องที่จะขอบันทึกไว้ ยังจำความประทับใจในวันเลี้ยงส่งได้ครับ
วันนั้นเป็นวันถ้าใครมีเรื่องราวใดๆ ที่คั่งค้างก็มักมีการชำระกันให้หมด
ผมจำได้ว่า เพื่อนร่วมรุ่นเราคนหนึ่งเป็นที่หมายปองในการชำระมากๆ
วันนั้นหลายคนประสงค์ที่จะชำระกับเขา แต่ผมได้ขอรับหน้าที่นั้นแทนเพื่อนทุกคน
คนนั้นก็คือเจ้าของจดหมายรักต้นเหตุที่มาของน้ำร่วมสาบาน คงยังจำกันได้นะครับ
เจ้าตัวเองก็พอรู้ตัวว่าจะมีคนประสงค์ดีกับตัวแน่ๆ แต่ไม่รู้ว่าจะเป็นใคร
เมื่อเวลานั้นมาถึง ผมเองก็เริ่มเมาเดินเข้าไปอย่างมั่นใจพร้อมกับปล่อยออกไปหนึ่งหมัด แทนใจเพื่อนทุกคน
 -123
เสียดายที่ใครหลายคนในเวลาต่อมาบอกกับผมว่าไม่แตก  -08 -09
ต้องขอโทษเพื่อนทุกคนที่มอบหมายให้ด้วยครับ
แต่ความประทับใจคือเหตุการณ์หลังจากนั้นมากกว่าครับ
เพราะจำได้ว่า หลังจากนั้นจะมีรายการเอาคืนจากกลุ่มของเพื่อนคนนั้น
แต่เพื่อนแทบทุกคน บอกว่าถ้าจะเอาคืนกับผมล่ะก็ต้องผ่านพวกเขาเหล่านั้นไปก่อน
จำได้ครับเพื่อนทุกคนที่ออกมากันผมในวันนั้น
ทั้งพี่น่องที่ประกาศกร้าวเป็นคนแรก ท่านประธาน เพื่อนเมศ และชาว 605/30 กว่าครึ่งห้อง ขอบคุณทุกคนครับ  :cry5:

แต่สุดท้ายผมหนีไม่พ้นครับ ผมถูกเพื่อนคนหนึ่งตบหน้าอยู่ดีครับ  -08
พร้อมกับถามผมว่า ไปทำเขาทำไม... -09
อึ้งไป พักใหญ่ก่อนถามย้อนกลับไปว่า พอไหม ถ้าไม่พออีกข้างก็ได้นะ (อู้ว...แมนมาก)  -25

เรื่องนี้ต้องขอแก้ไขนิดหนึ่งครับ ตอนเขียนครั้งแรกคงมึนๆ พอได้ที่  :smile6: มานึกอีกทีตอนจบต้องเป็นแบบนี้ครับ

"หลังจากเหตุการณ์ทั้งหมดจบลง มีเพื่อนสาวต่างห้องเดินตรงรี่เข้ามาหาผมพร้อมกับตบหน้าเบาๆ แล้วถามว่า "เธอทำแบบนั้นเพื่ออะไร"
ผมหาคำตอบให้เธอไม่ได้แต่ตอบกลับไปว่า "พระเยซูบอกว่าเมื่อมีคนตบหน้าข้างซ้าย จงยื่นหน้าข้างขวาให้เขาตบ เธอตบหน้าฉันอีกข้างด้วยสิ"
พร้อมกับยื่นหน้าให้เธอคนนั้น แต่เจ้าหล่อนก็มองหน้าแล้วเดินจากไปครับ"

ไม่รู้ว่าเพื่อนสาวคนนั้นจะจำได้อยู่หรือปล่าว และจะมีโอกาสได้มาอ่านเรื่องเล่าเรื่องนี้มั๊ยนะ !!!
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: Lion King ที่ พฤศจิกายน 16, 2013, 09:59:46 PM
555
หัวข้อ: Re: จากหล่ายดอยสู่รั้วแดงขาวน้ำเงิน
เริ่มหัวข้อโดย: KITTI ที่ มกราคม 04, 2016, 05:51:29 PM
 -11