ถ้าเหนื่อยกับการลงทุนหุ้นและบอนด์ ลองเปลี่ยวแนวมาซื้อวิสกี้ไว้เป็นสินทรัพย์บ้างดีมั้ย
ซีเอ็นเอ็น มันนี่ ทำสกู๊ปรายงานมูลค่าวิสกี้ที่สูงขึ้นจนน่าตกใจ ทำให้นักลงทุนทั่วโลกหันมาสนใจว่า ขวดไหนกันที่จะราคาพุ่งทะยานขึ้นไม่หยุด และสร้างกำไรให้อย่างสมน้ำสมเนื้อ
นับตั้งแต่มีดัชนีราคาวิสกี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อ 6 ปีที่แล้ว วิสกี้ประเภทซิงเกิ้ล มอลต์ (หรือ วิสกี้ที่เมล็ดมอลต์ ทำมาจากข้าวบาร์เลย์เพียงพันธุ์เดียว) มีมูลค่ามากขึ้นกว่า 660% ถือว่าตีราคาหุ้นที่สวยที่สุดและสินทรัพย์ที่มีราคางามที่สุดได้อย่างสบายๆ
ในเดือนมกราคม 2557 วิสกี้สก็อตยี่ห้อ "แม็คคัลแลน" (Macallan) หรือที่รู้จักกันชื่อ "เอ็ม" (M) มีราคาขายประมูลในสถิติที่ 628,205 ดอลลาร์สหรัฐ
นายสตีเฟน นอตแมน จากบริษัทวิสกี้ คอปเปอเรชั่น ที่ทำธุรกิจช่วยการลงทุนวิสกี้โดยเฉพาะกล่าวว่า "วิสกี้ก้าวมาสู่การเป็นสินทรัพย์ลงทุน เพราะความต้องการในระดับนานาชาติ และวิสกี้ซิงเกิล มอลต์ในตลาดที่มีอายุหลายๆ ปีลดลงอย่างมาก"
วิสกี้เป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่ทำจากเมล็ดธัญพืช มีทั้งทำจากเมล็ดข้าวโพด ข้าว และข้าวบาร์เลย์ ซึ่งนำมาบดและกลั่น แล้วนำมาบ่มในถังไม้โอ๊ค วิสกี้บางชนิดระเหยออกจากถังในขณะอายุบ่มมากขึ้นเรื่อย ซึ่งเรียกว่า "ส่วนแบ่งของนางฟ้า" (angel′s share) โดยปกติจะมีวิสกี้เหลือน้อยลงเรื่อยๆ ตามอายุการบ่ม จึงเป็นเหตุให้วิสกี้ยิ่งมีอายุการบ่มนานนั้นหายาก และมีคุณค่าสูง
ยกตัวอย่างเช่น สก็อตยี่ห้อ "เกลนฟิดดิช" อายุ 64 ปี หนึ่งขวด 46,000 ปอนด์ หรือ 72,000 ดอลลาร์สหรัฐ ในการประมูลเมื่อปี 2545 และวิสกี้นี้ถูกผลิตออกมามีเพียง 60 ขวดเท่านั้น
ผู้เชี่ยวชาญ กล่าวว่า ด้วยสต็อกของวิสกี้ที่มีอายุมากๆ มีอย่างจำกัด จึงทำให้วิสกี้หายากเหล่านี้จะมีราคาไต่สูงขึ้นเรื่อยๆ ในตลาด
นายนิโคสัส โพลแลกชี ผู้เชี่ยวชาญในการแนะนำนักลงทุน กล่าวว่า การลงทุนในวิสกี้ไม่ใช่เรื่องการซื้อวิสกี้หายาก แต่เป็นเรื่องของคุณค่าวิสกี้ขวดนั้นด้วย คุณต้องเข้าใจคุณค่าของมัน บางทีไม่ได้หมายความว่าขวดที่แพง หรือยี่ห้อวิสกี้ที่ดีจะทำให้คุณลงทุนถูกจุด
แน่นอนว่า ข้อควรระวังของนักลงทุนวิสกี้คือ อย่าดื่มของลงทุนของคุณหมด
นายโพแลกชี แนะนำว่า หากเป็นไปได้นักลงทุนควรซื้อวิสกี้ไว้สองขวด ขวดหนึ่งไว้ลงทุน ส่วนอีกขวดไว้ดื่ม
นอกจากนี้ นักลงทุนยังสามารถซื้อกองทุนวิสกี้ ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อต้นปีนี้ในฮ่องกง และสินทรัพย์ที่กองทุนนี้ลงทุนมีวิสกี้มากกว่า 3,000 ขวด ซึ่งส่วนมากมาจากสก็อตแลนด์ และญี่ปุ่น โดยกองทุนนี้มีรายได้เพิ่มขึ้น 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีก 6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ก่อนถึงสิ้นปีนี้ และจะปันผลรายปีให้แก่นักลงทุน
อย่างไรก็ตาม นายโพแลกชี แนะนำทิ้งท้ายว่า คนที่ลงทุนด้านนี้ควรเป็นผู้ที่รักวิสกี้ตัวจริง ซึ่งไม่ต่างอะไรจากจากลงทุนในงานศิลปะ การลงทุนเช่นนี้ไม่ได้เหมาะกับทุกๆ คน เพราะหากคุณไม่แคร์มันเลย ผมก็ไม่คิดว่าคุณควรจะจ่ายเงินของคุณเพราะมัน