วันก่อนที่ประชุม มีคนพูดถึงบ้านปู่แก้ว
แล้วที่เหลือก็เออออกันใหญ่ ไม่มีใครถามว่าบ้านปู่แก้วคืออะไร
ท่าทางเพื่อนๆ จะไปเรียนวิชา สปช.ที่นี่กันเยอะนะ
ว่าแต่มันอยู่ตรงไหนเหรอเฮีย ปัจจุบันยังมีหรือเปล่า
(วันนั้นจะถามก็กระไรๆ อยู่นะ เพื่อนผู้ชายทั้งโต๊ะ
แถมมันยังแจกยาปลุก.. เอ๊ย ยาบำรุงกันด้วยนะ โจ๋งครึ่มมาก)
อ้างถึงกระทู้ของฉัตร ที่สงสัยเรื่องกำแพงดิน
แล้วไปอ่านเจอเรื่องนี้เข้า ย้อนไปดูอดีตกันหน่อยเป็นไร
[color=blue
]กำแพงดิน ตำนานบ้านสาวของเมืองเชียงใหม่<<ภาพ ถนนกำแพงดิน ด้านขวา คือ บริเวณโรงแรมแม่ปิง
คนเมือง มักใช้คำว่า แอ่วสาว เมื่อไปแวะเวียนจีบเกี้ยวสาวในเชิงหนุ่มสาว แต่หากไปเที่ยวโสเภณีมักใช้คำว่า แอ่วบ้านสาว
บ้านสาว ของเมืองเชียงใหม่สมัยก่อนนั้น ย่าน กำแพงดิน ถือเป็นย่านที่เป็นแหล่ง บ้านสาว ที่ใหญ่ที่สุดของเมืองเชียงใหม่
ชื่อเสียงของบ้านสาว ย่านกำแพงดิน โด่งดังไปทั่วประเทศ จนมีคำที่พูดติดปากเมื่อมาเที่ยวเชียงใหม่ คือ ขึ้นดอยสุเทพ เที่ยวกำแพงดิน กินข้าวซอย บ่งบอกว่าหากมีโอกาสมาเที่ยวเชียงใหม่ หากไม่ได้ทำทั้งสามสิ่งไม่ถือว่ามาเที่ยวเชียงใหม่ สิ่งหนึ่งที่ต้องทำ คือเที่ยวสาวที่ย่านกำแพงดิน จึงถือได้ว่า บ้านสาวกำแพงดิน เกิดขึ้นมายาวนานจนติดปากคนทั่วประเทศ น่าแปลกใจอยู่เหมือนกันว่าเหตุใด บ้านสาว จึงต้องมาอยู่แถวกำแพงดิน?
บ้างว่าเพราะเป็นย่านที่ผู้คนไม่พลุกพล่าน ถนนกำแพงดินสมัยก่อนนั้นสงบเงียบ ไม่ประเจิดประเจ้อ
บ้างก็ว่าเพราะมี บ้านสาว ละแวกใกล้กำแพงดินอยู่ก่อนแล้ว คือ อยู่บริเวณโรงแรมแม่ปิงในปัจจุบันซึ่งเคยเป็นบ้านสาวมาเก่าก่อน เมื่อมาเริ่มทำ บ้านสาว ที่กำแพงดิน ทำให้ง่ายต่อการลงทุนในเชิงธุรกิจ
บ้านสาว ย่านกำแพงดิน อาจถือว่าเป็น บ้านสาว ยุคที่สองของเมืองเชียงใหม่ โดยเกิดขึ้นและหนาแน่นเมื่อประมาณหลังปี พ.ศ.๒๕๐๔ และสิ้นสุดเมื่อประมาณปี พ.ศ.๒๕๓๐ เมื่อทางรัฐบาลมีนโยบายให้จับกุมจริงและส่งไปสถานสงเคราะห์ฝึกอาชีพหญิงที่อำเภอปากเกล็ด จังหวัดนนทบุรี
ก่อนหน้านี้ หลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ ประมาณปี พ.ศ.๒๔๘๙ คนรุ่นเก่าๆ บอกว่า บ้านสาว ของกำแพงดินมีเฉพาะด้านใกล้สี่แยกกำแพงดิน สมัยนั้นมีโรงหนังตงก๊ก ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นโรงหนังศรีวิศาล ปัจจุบันคือบริษัทชินวัตร หน้าวัดแสนฝาง ด้านหลังโรงหนังศรีวิศาลมี บ้านสาว อยู่ประมาณ ๒๐ หลัง เป็นที่นิยมเที่ยวกันมากของนักเที่ยว บ้านสาว ดังกล่าวมีเฉพาะด้านที่เป็นกำแพงดินเรื่อยไปจนเกือบถึงหน้าวัดช่างฆ้อง โดยมีบ้านเป็นหลังๆ ด้านในกำแพงดิน โดยแต่ละบ้านเจาะกำแพงดินเป็นประตูทางเข้าบ้าน ราคาค่าบริการขณะนั้น ๓ บาทและ ๕ บาท ต่อมา บ้านสาว ย่านนี้ก็เลิกกิจการไป คาดว่าหลังจากโรงหนังศรีวิศาลเลิกแล้ว และ บ้านสาว เปลี่ยนไปอยู่ย่านตรงข้ามโรงแรมแม่ปิงในปัจจุบันแทน(คุณเฉลิม สุวรรณชื่น,สัมภาษณ์)
ช่วงที่ บ้านสาว ย่านกำแพงดินเฟื่องฟู ประมาณหลังปี พ.ศ.๒๕๐๐ เล็กน้อย ว่ากันว่ามีบ้านสาวประมาณถึง ๑๐๐ บ้าน แยกเป็นย่านกำแพงดินด้านเหนือ คือ ที่บริเวณพื้นที่เดิมของโรงแรมแม่ปิงและฝั่งตรงข้ามประมาณ ๕๐ บ้าน และย่านกำแพงดินด้านใต้ ประมาณ ๕๐ บ้าน
เคยได้ข้อมูลจากป้าบุญยัง คนดั้งเดิมของย่านกำแพงดินเมื่อ ๒-๓ ปีก่อน ขณะนั้นป้าบุญยังอายุ ๖๑ ปี ป้าบุญยังเติบโตมาท่ามกลาง บ้านสาว ของย่านกำแพงดิน โดยรุ่นพ่อแม่ได้กรรมสิทธิ์ที่ดินหลังกำแพงดินและก่อสร้างบ้านใช้อยู่อาศัย เล่าเกี่ยวกับชุมชนกำแพงดินว่า
ป้าเกิดที่ย่านกำแพงดิน เยื้องๆ กับโรงแรมแม่ปิงในปัจจุบัน แม่มาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่นี่สมัยที่ทางการอนุญาตให้เข้าอยู่อาศัยได้ สมัยนั้นเป็นพื้นที่แคบๆ ด้านในกำแพงดินติดกับลำน้ำแม่ข่า รุ่นพ่อแม่มาสร้างบ้านอยู่ และขยายพื้นที่โดยขุดกำแพงดินบางส่วนออก บางบ้านถึงกับนำรถเกรดมาเกรดปรับพื้นที่ ต่อมาทางราชการห้ามบุกรุกเพิ่มเติมและห้ามขุดปรับกำแพงดิน
ชุมชนย่านกำแพงดินสมัยก่อน เป็นศรัทธาวัดศรีดอนไชย กิจกรรมทางศาสนาก็ไปที่วัดนี้ ชุมชนเดิมนั้นเหลือน้อยแล้ว เนื่องจากบางบ้านขายที่ให้คนอื่นไป
ตอนเด็กนั้นบ้านสาวมีไม่กี่บ้าน สมัยประมาณปี พ.ศ.๒๕๐๕ ที่จำได้มี ๒ บ้านอยู่คนละฝั่งกับลำน้ำแม่ข่า คือ ริมถนนทางเข้าด้านหลังโรงแรมสุริวงศ์ หลังหนึ่งเจ้าของ ชื่อ เจ๊ไล อีกหลังหนึ่ง เจ้าของ ชื่อ เจ๊ตุ๊ เจ๊ไล เป็นคนสันป่าตอง มาเปิดบ้านสาว มีเด็กสาวประมาณ ๔๐ คน บ้านเป็นบ้านไม้มีไต้ถุนสูง ชั้นบนกว้างแบ่งเป็นห้องๆ ที่ไต้ถุนมีเตียงผ้าใบให้เด็กสาวนั่งเล่น เมื่อมีแขกมาก็พาขึ้นไปนอนบนบ้าน
สมัยนั้นเที่ยวครั้งละ ๑๐ บาท เด็กสาวส่วนใหญ่เป็นเด็กต่างจังหวัด มักมาจากจังหวัดแพร่และเชียงราย หากเป็นคนเชียงใหม่ก็มักมาจากอำเภอรอบนอก เช่น หางดง สันป่าตอง เชียงดาว ฝาง มักมีพ่อแม่นำมาส่งให้เนื่องจากฐานะยากจน เบิกเงินไปสร้างบ้าน
ย่านกำแพงดิน มักมีบ้านสาวสลับกับบ้านชาวบ้าน ซึ่งชาวบ้านก็ไม่ได้ตั้งข้อรังเกียจแต่อย่างใด มักอะลุ้มอล่วยกันไป ส่วนหนึ่งก็หารายได้จากการขายอาหารให้สาวบริการและคนมาเที่ยว ที่บ้านป้าก็ทำขนมขาย ส่งที่บ้านสาวด้วย
ย่านกำแพงดินด้านเหนือ คือ ย่านโรงแรมแม่ปิงและฝั่งสองข้างถนน มีบ้านสาวประมาณ ๕๐ บ้าน สมัยนั้นโรงแรมแม่ปิง พื้นเป็นที่ลุ่มน้ำขัง มีต้นฉำฉาใหญ่เป็นจุดๆ ปกติน้ำลึกประมาณหน้าแข้ง หากเป็นหน้าฝนก็ลึกประมาณสะโพก จากถนนกำแพงดินชาวบ้านจะทำสะพานไม้เป็นทางเดินเข้าบ้าน ริมถนนมักเป็นบ้านชาวบ้าน ส่วนด้านในมักเป็นบ้านสาว มีบ้านสาวย่านนี้ประมาณ ๒๐ บ้าน
บริเวณโรงแรมแม่ปิง สมัยก่อนเคยเป็นบ้านสาวของนายรุ่ง , บ้านนางน้อย ขาเป๋ , บ้านนายอินทร , บ้านนางฟอง , บ้านนายสำเร็จ
ฝั่งตรงข้ามกับโรงแรมแม่ปิง จากด้านทิศใต้เป็นบ้านของยายศรีแก๊ง ยายศรีแก๊งชอบแต่งตัวเป็นทอม เป็นคนทางจังหวัดลำปาง พี่สาวมาซื้อที่แห่งนี้ไว้ ภายหลังนำที่ไปจำนองจนถูกยึดต้องเลิกกิจการไป บ้านเป็นบ้านไม้มีไต้ถุน บนบ้านแบ่งเป็นห้องๆ เด็กสาวประมาณ ๒๐๓๐ คน แต่ละห้องจะเจาะพื้นเป็นช่องสี่เหลี่ยม สำหรับชำระล้าง
หากคืนไหนไม่มีแขกมาเที่ยวทำให้ขาดรายได้ เจ้าของกิจการมักมีเคล็ดเพื่อเรียกลูกค้า โดยใช้วิธีนำไม้กวาดมาปัดกวาดที่นอนและใช้ขันพลาสติกเคาะที่ประตูห้อง เชื่อว่าจะทำให้แขกมาเที่ยวมากขึ้น
ถัดจากบ้านยายศรี เป็นบ้านนายสมศรี ภรรยาชื่อ นางจันทร์ ถัดไปเป็นบ้านนางนำ , นายสม , นางศรีนวล , นายสมพร , นางแสงหล้า , นางนำ อยู่ตรงข้ามกับโรงแรมแม่ปิงในปัจจุบัน
บ้านสาวเหล่านี้มักอยู่หลังกำแพงดิน โดยทางเข้าจะเจาะกำแพงดินเป็นช่องและมีประตูสังกะสีกรอบไม้ปิดไว้ มีคนอยู่ด้านนอก ๑ คน คอยดูแลความเรียบร้อย ด้านในมีคนคอยเปิดประตูอีก ๑ คน หากมีแขกมาเที่ยว คนด้านนอกจะเคาะให้สัญญาณเปิด แต่หากเป็นทหารเกณฑ์เมาเหล้ามามักไม่เปิดประตูให้เข้า
คนมาเที่ยวกันแยะทั้งกลางวันและกลางคืน โดยเฉพาะช่วงที่มาเที่ยวกันมากที่สุด คือ ช่วงลอยกระทง คนเดินกันขวักไขว่ ส่วนใหญ่เป็นคนอำเภอรอบนอก ช่วงสงกรานต์คนก็เยอะ คนที่มาจากต่างจังหวัดก็มาเที่ยวกัน สมัยนั้นป้าทำไข่ต้มไปขาย ช่วงเทศกาลขายได้ถึง ๔๐๐๕๐๐ ฟอง ผู้หญิงหาเงินมักไม่มีเวลาออกมาซื้ออาหารจะสั่งอาหารไปกินในบ้าน ป้าจะทำอาหารไปส่งถึงบ้าน บางบ้านทันสมัยขึ้นไปบนบ้านเป็นตู้กระจกและมีที่นั่งเป็นชั้นๆ ให้คนมาเที่ยวเลือก ติดเบอร์ให้เลือกด้วย สมัยนั้นเที่ยวกันครั้งละ ๑๐ บาท ต่อมาขึ้นเป็น ๒๐ บาทและ ๓๐ บาท
ส่วนย่านกำแพงดินด้านใต้ มีบ้านสาวประมาณ ๕๐ บ้าน
คนประเภทไหนกันที่มาประกอบอาชีพ บ้านสาว ?
มีข้อมูลว่า คนที่มาเป็นเจ้าของบ้านสาว มักเป็นคนจากที่อื่น ไม่ใช่คนพื้นที่ของเมืองเชียงใหม่ เนื่องจากคนในพื้นที่จะมีความรู้สึกอับอายที่จะทำบ้านสาว นั่นแสดงว่า อาชีพการทำบ้านสาว ไม่ใช่สิ่งที่สังคมยอมรับกันโดยทั่วไป คนที่พักอาศัยอยู่ย่านกำแพงดิน หากไปต่างจังหวัดและถูกถามว่าอยู่เชียงใหม่อยู่แถวไหน หากตอบว่าอยู่กำแพงดิน มักจะได้รับการดูถูกดูแคลน ถูกเหมาว่าเป็นคนไม่ดี ต้องอธิบายว่าย่านกำแพงดิน มีทั้งชาวบ้านที่เป็นคนดีและบ้านสาว(บ้านซ่อง)
เหตุการณ์ที่ชาวกำแพงดิน จดจำได้อย่างน้อย ๒ เหตุการณ์
เหตุการณ์หนึ่ง คือ มักมีการทะเลาะวิวาทอยู่เสมอ ดังกรณีตำรวจตระเวนชายแดน แม่ริม ยกพวกวิวาทกับทหารอากาศจากกองบิน ๔๑ เหตุการณ์นี้เกิดประมาณปี พ.ศ.๒๕๑๑ โดยเริ่มมีเรื่องชกต่อยกันตั้งแต่กลางวัน ต่อมาทหารอากาศขนพวกใส่รถยีเอ็มซีมากันเยอะ ผลปรากฎว่ามีผู้ถูกยิงตาย ๑ คนและถูกแทงตาย ๑ คน เหตุการณ์รุนแรงมาก
อีกเหตุการณ์หนึ่ง คือ กรณีนายแพทย์นอกราชการ บรรดาศักดิ์เป็น ขุน มาเที่ยวบ้านสาวตอนเช้าประมาณ ๑๐ นาฬิกาและหัวใจวายเสียชีวิตที่บ้านของนางดำ ในปี พ.ศ.๒๕๑๓ เป็นข่าวซุบซิบของสังคมเมืองเชียงใหม่มากในสมัยนั้น อีกทั้งบ่งบอกว่า การเที่ยวสาวเป็นที่นิยมกันทั่วไป.
พ.ต.ท. อนุ เนินหาด รอง ผกก.สส.สภ.อ.ดอยสะเก็ด จากหนังสือพิมพ์พลเมืองเหนือ
[/color]