มุมพักผ่อนหย่อนใจ ไปไหนไปกัน > ล้อมวงนั่งตั้งวงดื่ม (มักเหล้าคลับ @montfort27.com)

เหล้าชาวบ้านในรั้วบ้านผม

(1/644) > >>

เก่ง หล่ายดอย:
สืบเนื่องเป็นเหตุมาจากข้อความเนี๊ยะของจานโกย


--- อ้างจาก: korokoso ที่ มิถุนายน 09, 2009, 08:52:10 AM ---เก่ง
กูว่ามึงเปิดหัวข้อใหม่ เหล้าบ้านผมดีก่ามั่ง มันไม่รอบรั้วบ้านยังงัยไม่รู้ 555  :angry2:

--- End quote ---

ก็เลยคิดขึ้นมาได้ว่าเราลองมาทำความรู้จักมักคุ้นกับเจ้าสิ่งที่เรามักจะใช้งานเมื่อเวลาที่พวกเรามาอยู่กันพร้อมหน้า
ให้มันมากขึ้นหน่อย ด้วยว่าเดี๋ยวนี้มีอากู๋ทำให้เราหาข้อมูลมันได้ง่ายขึ้น เราลองมาทำความรู้จักกับมันสักหน่อยกันดีกว่าครับ

เก่ง หล่ายดอย:
ชนิดของเหล้าที่ควรรู้ ซึ่งมีอยู่ด้วยกันหลากหลายชนิด โดยแยกตามที่มาและวิธีการผลิตดังนี้ครับ
 
ตากีลา (Tequila)     

    ตากีลา เป็นเหล้าสีขาว กลิ่นแรง หมักจากพืชที่เรียกว่า Mezcal ผลิตในประเทศเม็กซิโก ปกติตากีลาจะมีสีขาว แต่บางชนิดมีสีเหลืองทองจากการเก็บบ่มในถังไม้ ปกติชาวพื้นเมืองเม็กซิโก นิยมดื่มเหล้าตากีลาโดยไม่ผสม หากแต่ก่อนดื่มจะหยิบเกลือใส่ปาก บีบมะนาวตาม แล้วจึงยกเหล้า ขึ้นดื่ม เพื่อให้รสชาติของเหล้าคลุกเคล้ากับเกลือและมะนาวในปาก ในปัจจุบันนิยมนำตากีลามาทำเครื่องดื่มผสม เช่น Tequila Sunrise, Margarita เป็นต้น
   เหล้าตากีลาที่รู้จักกันดีในประเทศไทยก็จะมี Olmeca, Cuervo, Sauza ครับ

วอดก้า (Vodka)     

    วอดก้า เป็นเหล้าสีขาวใส มีกลิ่นเพียงเล็กน้อยจนแทบไม่รู้สึก ดีกรี 40-50 ต้นกำเนิดอยู่ในรัสเซียและโปรแลนด์ สมัยก่อนไม่เป็นที่รู้จัก แต่ในปัจจุบันเป็นเหล้าที่นิยมกันมากครับ เป็นเหล้าที่หมักจากข้าวหรือมันฝรั่ง ผ่านการกรองและดูดกลิ่นจนเหลือสีเจือปนและกลิ่นน้อยที่สุด
   คำโฆษณาที่ว่า " It will leave you breathless " คือเมื่อดื่มวอดก้าแล้วจะไม่มีกลิ่นติดค้างเมื่อหายใจ เครื่องดื่มผสมวอดก้าที่เป็นที่รู้จักก็มี Screw Driver, Bloody Mary, Vodka Martini เป็นต้นครับ
   ส่วนเหล้าวอดก้าที่รู้จักกันดีในประเทศไทยก็มี Larios, Wyborowa, Borzoi , Stolighinaya

จิน (Gin)     

    จิน เป็นเหล้าสีขาว มีกลิ่นหอมของผลจูนิเปอร์ ทำมาจากการกลั่นข้าวและผสมกลิ่นรสชาติของสมุนไพร และผลจูนิเปอร์ เป็นที่นิยมกันมากในฮอลันดา ปัจจุบันผลิตกันในหลายๆประเทศ กลิ่นและรสชาติก็แตกต่างกันไป เพราะมีการเปลี่ยนแปลงทั้งวิธีการผลิตและส่วนผสม
   จินที่ผลิตจากประเทศฮอลันดา รสจะเข้มข้นมาก นิยมดื่มโดยไม่ผสม แต่ควรแช่ให้เย็นจัด จินจากอังกฤษและอเมริกา นิยมดื่มเป็นเครื่องดื่มผสม ที่รู้จักกันแพร่หลายเช่น Gin Tonic, Tom Collins, Martini
   ส่วนจินที่รู้จักกันในประเทศไทย เช่น Beefeater, Gordon,Gilbey's ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้คำว่า London Dry Gin

เก่ง หล่ายดอย:
บรั่นดี (Brandy)
   
   บรั่นดี เป็นเหล้าที่นิยมกันมาก ได้จากการหมักองุ่นให้เป็นไวน์(wine)แล้วจึงนำมากลั่นเป็นบรั่นดี จากนั้นนำไปเก็บบ่มให้ได้ สี กลิ่น รส ที่ดีครับ บรั่นดีที่มีขายตามท้องตลาด สามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภท
1. บรั่นดีพื้นเมือง (Domestic Brandy) เช่น Regency Brandy,German Brandy.
2. บรั่นดีมาตรฐาน (Regular Brandy) ส่วนมากเป็นบรั่นดีที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ
3. บรั่นดีเกรดสูง (Premium Brandy) เป็นบรั่นดีราคาแพงที่เก็บบ่มไว้ในถังไม้โอ๊กเป็นเวลานาน โดยระบุคุณภาพเป็นอักษรย่อ หรือชื่อพิเศษ เช่น คอนยัค(Cognac) หรือ (Armagnac)
 
บรั่นดีผลไม้ (Fruit Brandy)
   
   บรั่นดีผลไม้ คือ บรั่นดีที่ทำจากผลไม้อื่นๆที่ไม่ใช่ผลองุ่น ซึ่งจะให้กลิ่นรสแตกต่างกันไปครับ แบ่งเป็น 2 ชนิดด้วยกัน
1. บรั่นดีผลไม้สีขาว (White Fruit Brandy) ผลิตจากการกลั่นผลไม้ โดยไม่ต้องบ่มในถังไม้ จะได้กลิ่นหอม และรสของผลไม้นั้นๆ นิยมแช่ให้เย็นแล้วดื่มโดยไม่ผสม หรือนำไปผสมในค็อกเทลต่างๆก็ได้
2. บรั่นดีผลไม้ที่มีสี (Colour Fruit Brandy) ผลิตจากการกลั่นผลไม้ แล้วนำไปเก็บบ่มในถังไม้โอ๊ก ผลไม้ที่นิยมนำมากลั่นก็มี แอปเปิ้ล,เชอร์รี่,พลัม,แพร์,ราสเบอร์รี่ ที่มีขายตามท้องตลาดทั่วไป เช่น Apple Brandy, Calvados, Apple Jack, Kirsch, Poire William และอีกมากมาย ซึ่งอาจเรียกบรั่นดีผลไม้ประเภทนี้ว่า "Eau-de-vie"
 
เหล้าหวาน(Liqueur or Cordial)
   
   Liqueur และ Cordial มีความหมายคล้ายกันครับ ส่วนใหญ่คำว่า Liqueur มักจะหมายถึงเหล้าหวานของประเทศแถบยุโรป ส่วน Cordial หมายถึงเหล้าหวานทางสหรัฐอเมริกา
   เหล้าหวาน เป็นการผสมสุราชนิดใดก็ได้กับความหวาน และเพิ่มสี กลิ่น รสลงไป ซึ่งมาจากผลไม้ สมุนไพรหรือเครื่องเทศ จะเห็นว่าเหล้าหวานมีสีต่างๆมากมาย อาจดื่มเปล่าๆโดยผสมน้ำแข็ง ผสมค็อกเทลให้มีสีสวยงาม
 

เก่ง หล่ายดอย:
วิสกี้ (Whisky)     

    วิสกี้ คือสุรากลั่นที่ทำจากข้าวชนิดใดชนิดหนึ่ง หรือหลากหลายชนิดก็ได้ โดยนำมาหมักแล้วกลั่นให้มีดีกรีสูงขึ้น จากนั้นนำไปเก็บบ่มในถังไม้โอ๊กเพื่อให้ได้สี กลิ่น รสที่ดีขึ้น แต่ก่อนจะนำมาบรรจุขวด บางชนิดยังนำไปปรุงแต่งสี กลิ่น รสอีกครั้ง เพื่อให้ได้มาตรฐานตามความนิยมของผู้บริโภค
   วิสกี้ที่นิยมกันมาก นอกจากวิสกี้ของท้องถิ่นแล้ว วิสกี้จากต่างประเทศที่นิยมกันมากก็มี Scotch Whisky,Irish Whisky,American Whisky,Canadian Whisky ซึ่งก็จะมีเอกลักษณ์ในด้าน กลิ่น และรสชาติที่แตกต่างกันออกไปครับ

 แอพเพอริทิฟ (Aperitif)     

    แอพเพอริทิฟ คือเหล้าที่นิยมดื่มก่อนอาหาร เป็นเครื่องดื่มเก่าแก่ จัดอยู่ในประเภทเหล้ายา นิยมมากในประเทศฝรั่งเศส อิตาลี ทำจากเหล้า เหล้าองุ่น สมุนไพรและเครื่องเทศ แบ่งได้ 3 ชนิด
1. เวอร์มุธ (Vermouth) เป็นเหล้ายาทำจากรากไม้ รากยา และเครื่องเทศ รสชาติคล้ายๆยาบำรุงเลือดลมของไทย มีหลายยี่ห้อ เช่น Martini,Cinzano,Barbero,Dubonet,Pimm's No.1 เป็นต้น
2. บิตเตอร์ (Bitter) เป็นเหล้ายาที่มีรสขม นิยมดื่มแก้โรคกระเพาะ และช่วยย่อยอาหาร บางชนิดขมมาก แต่บางชนิดก็ขมอมหวานเช่น Campari,Fernet,Branca,Angostura Bitter
3. อนิซ (Anis) เป็นเหล้ายาสีเหลืองใสทำมาจากเมล็ดของ Anis มีกลิ่นหอมเย็นๆ นิยมดื่มแก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ เช่น Pernod,Ricard,Pastis
   เหล้าแอพเพอริทิฟ นอกจากจะนิยมนำมาดื่มเพื่อเป็นยาแล้ว ยังนิยมนำไปทำเครื่องดื่มผสมอื่นๆอีกมากมาย

ไวน์ (Wine)     
 
    ไวน์ หรือที่เรียกว่า เหล้าองุ่น เป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย แบ่งได้เป็น 3 ประเภทดังนี้ครับ
1. Table Wine หรือ Still Wine คือไวน์ที่หมักจากองุ่น โดยไม่ต้องเพิ่มเติมสิ่งหนึ่งสิ่งใดลงไป ไม่มีแก๊ส ดีกรีที่นิยมก็ 10-13 ดีกรี นิยมดื่มในทุกโอกาส แต่ส่วนใหญ่จะดื่มประกอบอาหาร เพื่อเจริญอาหารและชูรสชาติของอาหาร มี 3 สี
- ไวน์แดง (Red Wine) จะมีตั้งแต่สีแดงอ่อน ถึงแดงเข้ม ขึ้นอยู่กับชนิดขององุ่นที่นำมาหมัก และระยะเวลาในการหมัก ส่วนใหญ่ไวน์แดงจะมีรสฝาด และให้มีรสหวานน้อยมาก เรียกว่า Dry นิยมดื่มโดยไม่แช่เย็น
- ไวน์ขาว (White Wine) จะมีตั้งแต่เหลืองซีดจนถึงเหลืองทอง ลักษณะทั่วไปจะมีรสอ่อน กลิ่นน้อย ความหวานมีตั้งแต่หวานน้อย จนถึงหวานมาก ไม่มีรสฝาด นิยมดื่มแบบแช่เย็นครับ
-ไวน์ชมพู (Rose Wine) จะมีสีตั้งแต่ชมพูอ่อนจนถึงเกือบแดง ไวน์สีชมพูจะมีลักษณะระหว่างไวน์ขาวกับไวน์แดง คือมีความฝาดเล็กน้อยและมีรสเปรี้ยวอมหวาน จึงเป็นที่นิยม เพราะดื่มง่าย และนิยมแช่เย็นก่อนดื่ม
2. Sparkling Wine คือไวน์ที่มีแก๊ส จึงทำให้มีรสซ่า มีทั้งสีขาว ชมพูและแดง Sparkling Wine ใช้กรรมวิธีในการหมักไวน์ซ้ำเป็นครั้งที่สองภายในขวด และเก็บรักษาแก๊สนี้ไว้ จึงทำให้เกิดรสซ่า เป็นที่นิยมกันมาก จึงมีการจดลิขสิทธิ์ไว้ในชื่อ" cham pagne" ของฝรั่งเศส ส่วนไวน์ที่ผลิตด้วยกรรมวิธีคล้ายคลึงกันจะใช้คำว่า"Sparkling Wine" แชมเปญนิยมดื่มเพื่อแสดงความยินดีต่อกัน เสิร์ฟโดยแช่เย็นจัด
3. Fortified Wine คือไวน์ที่เพิ่มแอลกอฮอล์ให้สูงประมาณ 18-19 ดีกรี จะมีกลิ่น รส และแอลกอฮอล์มากกว่าไวน์ธรรมดาแช่เย็นเพียงเล็กน้อยก่อนดื่มครับ

รัม (Rum)     

    รัม เป็นเหล้าที่กลั่นจากอ้อยหรือกากน้ำตาล ผลิตมากตามหมู่เกาะฝั่งทะเลคาริเบียน ซึ่งปลูกอ้อยกันมาก แต่ก็มีผลิตจำหน่ายกันหลายประเทศเช่น Puertorico,Jamaica,Demeraran,Barbados เป็นต้น
รัมแยกตามความนิยมเป็น 3 ชนิดด้วยกัน คือ
1. รัมขาว (White Rum) เป็นรัมที่มีสีใส บางชนิดไม่ต้องเก็บบ่ม แต่บางชนิดต้องเก็บบ่มในถังไม้เพื่อให้กลิ่นรสดีขึ้น บางครั้งเรียกว่า Silver Rum เหมาะสำหรับนำไปผสมค็อกเทลที่ไม่ต้องการให้สีเปลี่ยน
2. รัมทอง (Gold Rum) เป็นรัมที่มีสีเหลืองใส ได้จากการเก็บบ่มในถังไม้เพื่อให้เกิดสี หรือผสมสี กลิ่น รสชาติ ด้วยคาราเมล (Caramel) ที่ได้จากการเคี่ยวน้ำตาล เป็นสีเหลืองทอง เพื่อให้ได้เหล้ารัม ที่มีกลิ่น สี รสชาติมากขึ้นกว่าเดิม
3. รัมดำ (Dark Rum) เป็นรัมที่มีสีเกือบดำ ได้จากการเก็บบ่มไว้ในถังไม้เพื่อให้เกิดสี และผสมกับคาราเมลที่เคี่ยวจนเป็นสีดำเกือบไหม้ จะได้กลิ่นและรสชาติมากขึ้น
   เหล้ารัมนิยมนำไปทำค็อกเทลมากครับ ที่รู้จักกันมากคือ Rum Coke หรือ Cuba Libre,Mai Tai นอกจากนั้น ยังนำไปผสมกับเครื่องดื่มชนิดอื่นๆ เช่น น้ำผลไม้ต่างๆ ที่เรียกว่า Punch
   เหล้ารัมที่มีจำหน่ายจะมีดีกรีราว 40 ดีกรี แต่มีบางชนิดผลิตให้มีดีกรีสูงมากถึง 75.5 ดีกรี หรือที่เขียนว่า 151 Proof เพื่อให้เครื่องดื่มผสมมีความแรงเพิ่มขึ้น
 
ที่มา http://us.geocities.com/zoneubon/cocktail.htm

เก่ง หล่ายดอย:
รู้จักกับประเภทต่างๆ ของเหล้าไปแล้ว คราวนี้มาทำความรู้จักมาขึ้นกับสิ่งที่พวกเรานิยมมากที่สุด ก็คือ วิสกี้ ครับ

รู้จัก “วิสกี้” ให้ดีพอ
 
วิสกี้ คือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกชนิดหนึ่ง โดยกลั่นมาจากเมล็ดธัญพืชต่าง ๆ และหมักบ่มเอาไว้ใน ถังไม้โอ๊ก แหล่งผลิตวิสกี้มีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเจ้าแห่งโลกวิสกี้ อย่าง สกอตแลนด์ นอกจากนี้ ยังมีไอร์แลนด์ เวลส์ อเมริกา หรือแม้แต่ญี่ปุ่น ซึ่งวิสกี้ที่ได้การยอมรับมากที่สุด ยังคงเป็นวิสกี้จากประเทศสก็อตแลนด์ ที่เรียกกันว่า สกอตช์วิสกี้ นั่นเอง

เหตุที่เราต้องมีการ “เทสติ้ง” เพื่อลองลิ้มชิมรสวิสกี้ เช่นเดียวกับการ ชิมไวน์ ก็เนื่องเพราะวิสกี้ มี คาแรกเตอร์ที่แตกต่างกันมากมาย ทั้งแตกต่างกันด้วยประเภทของวิสกี้ ไม่ว่าจะเป็น “ซิงเกิ้ลมอลต์ วิสกี้” หรือวิสกี้ ที่ผลิตจากเมล็ดของมอลต์เพียงอย่างเดียว ซึ่งจัดว่าเป็นวิสกี้ระดับสูง และมักจะหมักบ่มมากกว่า 15 ปีขึ้นไป “เกรน วิสกี้” คือ วิสกี้ ที่ผลิตจากธัญพืชต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นข้าวโพด ข้าวฟ่าง ฯลฯ โดยเกรน วิสกี้ จะอาศัยความร้อนในการกลั่นสูง ทำให้ได้แอลกอฮอล์ที่เบาบางกว่า จึงไม่ค่อยเป็นที่นิยมกันมากนัก ในสกอตแลนด์ มีโรงผลิตเกรน วิสกี้ โดยเฉพาะเพียง 7 แห่ง เท่านั้นเอง ส่วนมากจะผลิตกันเพื่อผสมเป็น “เบล็นเดด วิสกี้” มากกว่า

“เบล็นเดด วิสกี้” เป็นวิสกี้ที่แพร่หลายที่สุด ได้จากการผสมผสานระหว่างมอลต์ วิสกี้และเกรนด์ วิสกี้ เข้าด้วยกันตามสูตรเฉพาะของมาสเตอร์ผู้ปรุงวิสกี้ โดยมักจะมีส่วนผสมของเกรน วิสกี้ มากกว่ามอลต์ วิสกี้ ในขณะที่ “ดีลักซ์ วิสกี้” นับว่าเป็น เบล็นเดด วิสกี้ ระดับสูง หายาก เก็บบ่มไว้นานปีด้วยวิธีพิเศษ หรือได้รับการปรุงเนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองต่าง ๆ ถ้าเป็นดีลักซ์ เบล็นเดด วิสกี้ มักจะมีส่วนผสมของมอลต์ วิสกี้ มากกว่า เกรน วิสกี้ และจะต้องเก็บบ่มไว้นานกว่า 12 ปี ขึ้นไป

นอกจากนั้น ความต่างในคาแรกเตอร์ของวิสกี้แต่ละยี่ห้อ ซึ่งเมื่อเราดื่มด้วยการผสมน้ำ ผสมโซดา โคล่า หรืออื่น ๆ ก็ตาม อาจจะสังเกตไม่ออก และไม่อาจแยกแยะรสชาติวิสกี้ที่เราชอบ ๆ ได้อย่างแท้จริง

การชิมวิสกี้ จะช่วยให้เรา “ค้นพบ” รสชาติ และคาแรคเตอร์ที่แท้จริงของวิสกี้แต่ละตัว เพื่อที่จะดื่มด่ำรื่นรมย์กับวิสกี้ได้อย่างเต็มรสชาติ

‘วิสกี้’ แต่ละตัวล้วนแตกต่าง

ปัจจัยที่ทำให้วิสกี้แต่ละยี่ห้อมีความแตกต่างกัน ทั้งทางด้านสีสัน รสชาติ และกลิ่น มีตั้งแต่เมล็ดพันธุ์ที่แตกต่าง นอกจากนี้ ยังมีอิทธิพลจากหินถ่าน ที่เรียกว่า พีต (Peat) ที่ใช้ในการเผาเมล็ดธัญพืชก่อนที่จะมากลั่น หินถ่าน ที่ได้จากแต่ละแห่งของสกอตแลนด์ จะให้กลิ่นที่แตกต่างกัน เช่นเดียวกับ ชนิดของยีสต์ ที่ใช้ในการหมักบ่มก็ส่งอิทธิพลต่อรสชาติของวิสกี้ด้วย นอกจากนี้ ยังมีอิทธิพลอื่น ๆ อย่างหม้อกลั่นรูปทรงต่าง ๆ และที่สำคัญมาก ๆ ก็คือ น้ำที่นำมาใช้ในการกลั่น สำหรับในสกอตแลนด์ ที่มีีโลว์แลนด์ ไฮแลนด์ และสเปรย์ไซด์ ก็จะมีน้ำที่รสชาติแตกต่างกัน

ส่วนถังไม้โอ๊ก ก็นับว่า มีอิทธิพลอย่างสูงต่อกลิ่นและสีของวิสกี้ สำหรับในอเมริกา มีการตราไว้ในกฎหมายว่า เบอร์เบิน วิสกี้ จะต้องใช้ถังไม้โอ๊กใหม่เท่านั้น ขณะที่ในสกอตแลนด์เอง นิยม หมักบ่ม สกอตช์วิสกี้ ในถังไม้โอ๊ก

เรื่องที่คุณไม่รู้เกี่ยวกับ “วิสกี้”
อย่าเผลอไปบอกใครว่า วิสกี้ กำเนิดจากสกอตแลนด์เชียว เพราะถึงวันนี้ นักประวัติศาสตร์ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้เลยว่า วิสกี้มีต้นกำเนิดจากสกอตแลนด์, ไอร์แลนด์ หรือ ตะวันออกกลาง

Irish Whiskey มีวิธีการกลั่นที่ต่างจาก Scotch Whisky คือ จะผ่านการกลั่นถึง 3 ครั้ง และผ่านการบ่มไม่ต่ำกว่า 3 ปี ประเภทของวิสกี้จะเหมือนกับ Scotch Whisky แต่จะมี Pure Pot Still Whisky เพิ่มขึ้นมาอีกชนิด คือ วิสกี้ที่ผสมระหว่าง Malt และ UnMalt Barley Whisky

Japanese Whisky เป็นวิสกี้ที่วิธีการทำไม่ต่างกับ Scotch Whisky เพียงแต่ไม่ได้ผลิตที่สกอตแลนด์จึงแยกประเภทออกมาเป็นอีกประเภทโดยเฉพาะ มีขายในญี่ปุ่นเท่านั้น

Indian Whisky เป็นวิสกี้ที่ใช้วัตถุดิบจากกากน้ำตาล และแปะป้ายว่าวิสกี้แต่จริง ๆ แล้วคือเหล้ารัมนั่นเอง บางชนิดมีการผสม malt whisky ลงไป

Whisky ในประเทศต่าง ๆ มีการสะกดไม่เหมือนกัน ในประเทศ สกอตแลนด์, เวลส์, แคนาดา และ ญี่ปุ่น จะสะกดว่า Whisky ส่วนในไอร์แลนด์จะสะกดว่า Whiskey ส่วนในอเมริกันสะกดได้ทั้งสองแบบ

Whisky ที่แพงที่สุดในโลกคือ Macallan 1926 ซึ่งเหลืออยู่เพียง 40 ขวดในโลก ราคาซื้อขายล่าสุดในปี 2005 คือ 75,000 เหรียญ หรือ 3 ล้านบาท

Whisky ที่เปิดขวดแล้ว สามารถเก็บได้นานถึง 5 ปี ส่วนที่ยังไม่ได้เปิดขวด สามารถเก็บได้ถึง 10 ปี

ที่มา : http://www.cocktailthai.com/

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

Go to full version