Montfort27
มุมพักผ่อนหย่อนใจ ไปไหนไปกัน => ลิ้มลองแล้วบอกต่อ => ล้อมวงนั่งตั้งวงดื่ม (มักเหล้าคลับ @montfort27.com) => โรงอาหาร => ลิ้มลอง Blended Whiskey => ข้อความที่เริ่มโดย: เก่ง หล่ายดอย ที่ มีนาคม 02, 2012, 09:46:53 PM
-
ภาวะเหล้าแห้งในบ้านทำให้เข้าสู่ภาวะจำยอม ต้องขุดเจ้าขวดนี้ขึ้นมาดื่มจนได้ครับ -08
เหล้าบ้านนายใหญ่หมดไปเมื่อหลายวันก่อน มองในตู้เห็นเจ้าขวดนี้อายุตั้งแต่ปี 2549 ผ่านเข้ามา 6 ปี
เกรงว่าคุณภาพมันจะไปซ่ะก่อน แล้วจะเจอภาวะเหมือนกับเจ้า Glen Elgin ที่ทำเอาเข็ด เลยตัดใจเปิดซ่ะเลยดีกว่า -0003
-
ว่าแล้วก็มาเริ่มกันตามสไตล์ลิ้นบ้านๆ กันเลยก็แล้วกันครับ
เริ่มกันที่สีก่อนก็แล้วกันครับ ออกไปทางทองอำพันดูแล้วสบายตาดีครับ
ขานั้นค่อนข้างหนืดไหลช้าลงมาพร้อมๆ กันเลยเชียวครับ
ด้านกลิ่นนั้นผมว่ามันก็หอมดีอยู่ครับ แต่.... มันไม่ไหลมาเรื่อยๆ เหมือนกับพวก SM ครับ
รินทิ้งไว้ตั้งนานมันยังไม่ยอมมาเตะจมูกผมสักทีอ่ะ -0002
หรือว่าจมูกผมจะโดนควันสุดฮิตที่ลอยอยู่เต็มน่านฟ้าเมืองเชียงใหม่เล่นงานจนเพี้ยนไปแล้วอ่ะ -14
-
ยกขึ้นมาดมจ่อๆ ถึงได้กลิ่นแนวทางของ Highland เจือด้วยกลิ่นแห้งๆ ของ Speyside คละๆ กันอยู่ครับ
แต่กลิ่นที่ชัดสำหรับผมคือกลิ่นของโอ๊ก กับ Malt ที่ค่อนข้างชัดครับ ตามด้วยกลิ่นวนิลา กับกลิ่นเปรี้ยวนิดๆ ของ Citrus
ผมว่ามันยังมีกลิ่นของน้อง L ด้วยอ่ะครับถ้าเทียบกับ SM หลายตัวที่อยู่ 10 ปีนี่บางตัวแทบไม่มีกลิ่นน้อง L เลยอ่ะครับ -07
รวมๆ ผมว่ามันก็คงประมาณนี้ครับสำหรับเหล้า Blended High-end ขวดนี้
-
คราวนี้มาว่ากันที่รสชาติกันต่อดีกว่าครับ
อืม... จิบแรกรู้สึกได้ถึงความอุ่น ที่ให้ความรู้สึกว่ายินดีต้อนรับ ตามด้วยความหวานนำ จนรู้สึกได้ถึงคำว่าหวานขมนิดๆ
ลื่นแต่ให้ความรู้สึกเผ็ดร้อนอยู่ในที burn นิดๆ แต่ไม่มากให้สัมผัสถึงความเปรี้ยวนิด หวานหน่อยที่ผสานกันได้อย่างลงตัว
เนื้อไม่แน่นมากเหมือนกับ SM แต่ก็ประทับใจดี ไม่ผิดหวังครับสำหรับ High-end Blended Whisky ขวดนี้
ดีกว่าเจ้า Ballantine's 21 Yo เยอะเชียวครับ จบด้วยความแห้งนิดๆ ควันจางๆ ฉ่ำหน่อยๆ ตบท้ายด้วยน้ำเย็นๆ นี่เยี่ยมไปเลยครับ
-
สรุปแล้วสำหรับผม เจ้า JW Blue Label ขวดนี้คุ้มค่าสมราคาครับ แต่ถ้าบ่อยๆ คงไม่ไหวครับ
ถึงจะเป็นค่าตัวที่ได้จาก Duty Free ก็เถอะครับ เก็บไว้ดื่มในโอกาสสำคัญๆ ดีกว่าครับ
ประทับใจกับรสชาติที่ยกดื่มแต่ละครั้งให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันไปเรื่อยๆ
บางทีได้อโรม่าหอมๆ เหมือน Highland SM
บางครั้งก็ให้ความรู้สึกแห้งหน่อยๆ ตอนจบเหมือนกับเหล้าจาก Speyside
บางคราวกลับให้กลิ่นควันนิดๆ จากถิ่น Islay รวมๆ แล้วประทับใจดีครับ
แต่.... ด้วยค่าตัวค่อนข้างสูงทั้งในบ้านเรา และตาม Duty Free
ผมแนะนำว่าจับ SM รุ่นยอดนิยมน่าจะดีกว่าสำหรับคนงบน้อยนะครับ
แต่ถ้าในโอกาสพิเศษ หรือเพื่อสักครั้งในชีวิตว่าจะสัมผัสกับ High-end Blended Whisky ดีๆ สักตัวผมว่าไม่ควรพลาดกับเจ้า JW Blue Label ขวดนี้ครับ แนะนำว่าให้หาซื้อ Premium Package ที่มีครบทั้งสี่สีของ JW ก็ได้ครับเพื่อเป็นการประหยัดเงินในกระเป๋าสำหรับคนงบน้อยครับ
เพราะคุณจะได้ลอง Black Green Gold(รุ่นเก่า) Blue ครบทั้งสี่ในราคาประมาณ สองพันกลางๆ ถึงปลายๆ จากตาม Duty Free นะครับ
ปล. 1. ความคิดเห็นทั้งหมดเป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ ไม่รับประกันความถูกต้องเหมือนเช่นเคยนะครับ
ผิดพลาดประการใดขอรับไว้เพียงลำพังครับ -0023
ปล. 2. ขอบคุณไนท์ด้วยครับ สำหรับแก้วสวยๆ Blue Label อุปกรณ์ประกอบฉากครับ
-
มันรวมความสุดยอดความเด่นของแต่ละเขตเลยไหมครับ 023
-
แจ่มเลยพี่
:smile2:
-
มันรวมความสุดยอดความเด่นของแต่ละเขตเลยไหมครับ 023
ประมาณน้้นครับตือ
แต่เอาแบบจริงๆ เลยนะ ผมกลับชอบ Dewar's 18 กับ Chivas 18 มากกว่า รู้สึกว่ามันมีความเป็น Malt มากกว่าครับ
เจ้า JW Blue ขวดนี้มันให้อารมณ์เหล้าเก่าครับ เหมือนกับกลิ่นเก่าๆ โอ๊คเข้มๆ ประมาณนั้นครับ
และน่าจะมีความเป็น Grain มากกว่า Malt นะ
อันนี้ไม่ยืนยันครับ วัดจากความรู้สึกล้วนๆ ครับ อาการตอนเช้าหลังดื่ม มันให้ความรู้สึกอย่างนั้นครับ
ปกติผมดื่ม SM เช้ามาเวลา... มันจะหอมๆ กับไม่มีอาการโลกหมองมัว
แต่กับเจ้า JW Blue มันจะให้อาการนั้นหน่อยๆ ครับ แถมเวลา... กลิ่นมันออกไปทางเหล้า Blended เกรดตลาดๆ ครับ
ปล. ความรู้สึก และความเห็นส่วนตัวล้วนๆ นะครับ ไม่อิงข้อมูลไหนทั้งสิ้น ไม่รับประกันความถูกต้องนะครับ
-
เห็นด้วยกับพี่เก่งครับ กินดูแล้วมันได้ฟิลเหล้าเก่าๆ หืนๆ เค็มๆ มีความรู้สึกว่ามันยังไม่สุด(หรือว่าเราคาดหวังกับตัวนี้มากเกินไป?)
-
ว่าจะเก็บเข้าคลังแสงเหมือนกัน
แต่เห็นพี่เก่ง test แล้ว ยังก่อนดีกว่า
ค่าตัวน้องเค้าก็ไม่ใช่ถูกๆเนอะ
-
ถ้าอยากลองจริงๆ ผมแนะนำว่าให้หา Package 200 ml. 4 สีมาลองดีกว่าครับ หาได้ตาม Duty Free ทั่่วไปครับ
แต่ถ้าอยากเก็บเข้ารั้วบ้านเพื่อประดับหรือสะสมอันนี้แล้วแต่ความชอบดีกว่าครับ
ค่าตัวค่อนข้างแรงแบบนี้ไม่เหมาะที่จะหามาดื่มบ่อยๆ เท่าไหร่ครับ เก็บงบไปหา SM ราคากลางๆ ไม่เกินสองพันมาดื่มดีกว่า
-
ต้องลองสักครั้ง
-
เมื่อคืนกลับมาลองอีกครั้งสงสัยต้องใช้วิธีอมน้ำเย็นไว้ในปากเล็กน้อย แล้วจิบเจ้า JW Blue ตาม
วิธีนี้ผมว่ามันแหล่มมากมายจริงๆ ครับ -30
(https://fbcdn-sphotos-a.akamaihd.net/hphotos-ak-ash4/p480x480/429371_320134894712878_100001491113995_864071_1385514750_n.jpg)
-
ดื่มอย่างไรไม่ให้เสียของพร้อมสัมผัสกับรสชาติที่แอบซ่อน
รู้จักคำว่า ' เสียของ ' กันบ้างมั้ย ? คนไทยเราน่ะ
ชอบทำให้เสียของอยู่เรื่อย
โดยเฉพาะนิสัย ' การดื่มแบบผสมมิกเซอร์ ' ทั้งหลาย
นั่นแหละคือการทำให้วิสกี้ชั้นดีที่บางทีไม่ควรผสมใดๆ ต้อง ' เสียของ '
วันนี้จะหยิบเอาเรื่องวิสกี้ตระกูล จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ มาพูดกันซะหน่อย
เพราะว่าตระกูลนี้มีหลาย ' เลเบิ้ล ' เหลือเกิน ซึ่งมีวิธีการดื่มเฉพาะซะด้วย เรามาเริ่มกันเลยดีกว่าคร้าบบบบบ
Blue Label
ปิดท้ายกันที่วิสกี้ชั้นสูง จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ บลู เลเบิ้ล อายุ 25 ปี
ที่หมักบ่มจากมอลต์คุณภาพสูง ตามวิธีการคลาสสิกแบบศตวรรษที่ 19
(ตัวผมเองยังไม่เคยได้ลิ้มลองเลยครับ รอรับบริจาคอยู่)
วิธีการดื่มวิสกี้ชั้นสูงนี้ก็คลาสสิกมาก เตรียมแก้วบรั่นดีสวยๆ ไว้สัก 2 ใบ
แก้วนึงรินวิสกี้รอไว้ ส่วนอีกแก้วนึงรินน้ำแร่เย็นๆ ไว้เช่นกัน
ดื่มน้ำแร่เย็นๆ เพื่อปรับอุณหภูมิในช่องปากกันก่อน
จากนั้นจิบ จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ บลู เลเบิ้ล ในแก้วบรั่นดีอีกใบตาม
เมื่อน้ำแร่เย็นๆ ที่หลงเหลืออยู่ในช่องปากผสมกับวิสกี้ชั้นดีนี้
รสชาติที่แอบซ่อนจะซึมผ่านเพดานปากไปมัดใจนักดื่มเหล้าทั้งหลายไม่รู้ลืม
ที่มา http://www.soccersuck.com/soccer/viewtopic.php?t=84781&postdays=0&postorder=asc&start=0&sid=50210d47f8a38b16cded4fa2790d3cd6
ลืมไปได้ไงหว่าเราวิธีดื่มมันมีบอกอยู่แล้ว -14
-
วันนี้ได้ลอง blue เพื่อนแบ่งมาให้
ยอดเยี่ยมครับ
กลิ่น โอ๊ค มอลต์ ผลไม้แห้ง บวกกับ ความหวานลื่นคอ ดื่มง่าย
ถ้าราคาประมาณ 3000 พันน่าจะโอเค
-
ถ้า 3,000 บาทผมก็ว่าน่าเก็บเหมือนกันครับ :cry5:
-
อย่างที่เคยบอกค่าตัวน้องเค้าแรงไปครับคุณภาพประมาณนี้ไม่น่าเกินสามพันครับ
ราคาที่ขายๆกันอยู่นี่ไปจับนก Grouse Malt Whisky 25 Yo. ได้สองตัวเลยครับแถมได้รสชาติเกินคุ้มกว่าอีกครับ
-
ถ้า 3,000 บาทผมก็ว่าน่าเก็บเหมือนกันครับ :cry5:
ซื้อให้ไวเลยครับ
-
:angry2:
-
-0037 น่าหามาลองอย่างยิ่งเลยครับ