ก่อนอื่นขอเล่าประวัติเจ้า Absinthe....
Absinthe(แอบซิน หรือ แอบแซ็งธ์ ) เป็นเหล้าสมัยใหม่ที่ถูกคิดค้นขึ้นโดยนายแพทย์ชาวฝรั่งเศส ปิแยร์ โอร์ดิแนร์ และเริ่มจัดจำหน่ายภายใต้เครื่องหมายการค้า แปร์โนด์-แฟลส์ เป็นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1805 โดย อ็องรี-หลุยส์ แปร์โนด์ ส่วนผสมสำคัญๆ ของแอบแซ็งธ์มาจากเวิร์มวู้ด ชะเอมและสมุนไพรต่างๆ ที่พบในป่าพื้นเมืองของประเทศสวิสแลนด์ ความแรงของแอบแซ็งธ์อยู่ระหว่าง 5075 ดีกรี โดยมากจะกลั่นให้อยู่ที่ 60 ดีกรี
Absinthe เป็นศาสนาสุราสีเขียวที่เรียกว่า"นางฟ้าสีเขียว"เมากันทั่วไปในศตวรรษที่สิบเก้าโดย Vincent van Gogh ใช้ดื่มเพื่อได้เกิดจินตนาการในการเขียนภาพImpressionism
วิธีการดื่มแอบแซ็งธ์แบบดั้งเดิม เริ่มด้วยการหยดแอบแซิงธ์ขนาด 1 ออนซ์ลงในแก้ว (ซึ่งมีหลายขนาดหลายรูปทรง) วางช้อนที่มีน้ำตาลก้อนหนึ่งก้อนเหนือปากแก้ว ค่อยๆ หยดน้ำเย็นจัดลงบนก้อนน้ำตาล ในขั้นตอนนี้ต้องช้ามากๆ เพื่อทำให้น้ำตาลสามารถทำละลายได้จนหมดก้อน จนกระทั่งน้ำเกือบเต็มแก้ว (หรือประมาณ 5 ส่วนต่อเหล้า 1 ส่วน) สีสันของแอบแซ็งธ์ที่ผสมน้ำเสร็จเรียบร้อยจะกลายเป็นสีเขียวขุ่นคล้ายสีน้ำนม
วัฒนธรรมที่แพร่หลายของการดื่มแอบแซ็งธ์นั้น พ่วงมากับความเชื่อผิดๆ ด้วยว่า เหล้าแอบแซ็งธ์เป็นยาเสพติดที่มีฤทธิ์หลอนประสาท มีนิทานหลายเรื่องที่บอกเล่าเกี่ยวกับฤทธิ์ที่ร้ายกาจเกินจริงของแอบแซ็งธ์ อย่างเช่นว่า ใครที่ดื่มอย่างต่อเนื่องจะกลายเป็นคนสติวิปลาสไปไม่ช้าก็เร็ว หรือนิทานที่นิยมเล่าประกอบมากที่สุดก็คือ เรื่องของจิตรกรวินเซนต์ ฟานโกะที่ตัดหูตัวเองออกข้างหนึ่ง เพราะว่าเขาเมาแอบแซ็งธ์
นิทานเหล่านี้ดูเหมือนไร้สาระก็จริง แต่ถึงที่สุดมันก็ส่งผลให้เหล้าแอบแซ็งธ์ถูกสั่งห้ามจำหน่ายในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 (ซึ่งก็เป็นสงครามของการชวนเชื่อที่ยิ่งใหญ่ที่สุดด้วยเช่นกัน) โดยเริ่มจากประเทศฝรั่งเศสก่อน แล้วค่อยๆ ปฏิบัติตามกันในอีกหลายประเทศ ยกเว้นสหราชอาณาจักร แต่หลังจากกฎหมายเดิมถูกยกเลิกในบางประเทศ สังคมการดื่มเหล้าแอบแซ็งธ์ก็ปิดแคบและมิได้นิยมดื่มอย่างแพร่หลายเหมือนเดิมอีกต่อไป....
ส่วนประสบการณ์แรกอันสุดระทึกของผมกับเจ้า Absinthe คือ... เมื่อวันก่อนได้ไปเที่ยวบ้านเพื่อน แล้วเพื่อนก้อเอาน้ำสีเขียวอมฟ้า มาให้1ช็อต กลิ่นหอมเย็นๆ คล้ายน้ำยาบ้วนปากรสมินส์ผสมกับกลิ่นAnise(โป๊ยกัก ) พอได้ดื่มจิบแรก รู้สึกสะดุดกับความแรงของเหล้าช็อตนี้ทันที รสชาดหวานเย็นแรงจนขึ้นจมูก เต็มเพดานปากมาก รสชาดคล้าย ยาน้ำเชื่อมบวกกับน้ำยาบ้วนปาก ส่วน Finish ไม่ต้องพูดถึง ความแรงของ ALC.ติดลิ้นเต็มๆสุดๆ หลังได้ดื่มตัวนี้ไปได้จิบหนึง ก้อยังไม่มีอาการเมา หรือปวดหัว ปวดตา หรือเห็นภาพหลอนแต่ประการใด แต่ท้องมันเริ่มร้อนๆ ...พอจิบที่2 รู้สึกฟันของผม เริ่มสะอาด ลื่นวาว ไร้ขี้ฟันโดยสิ้นเชิง อาจเป็นความแรงALC.ของมันได้กำจัดเศษอาหารที่ติดออกไปก้อเป็นได้ ...หลังจากนั้นผมก้อได้เดินออกไปซื้อของข้างนอกสักพักหนึง แล้วกลับมาจิบกับความแปลกๆของเจ้าตัวนี้เป็นระยะๆ .... พอขอดูขวดเท่านั้นล่ะ ถึงกับตะลึง กับความแรงAlc.ของมัน ตั้ง 89.9% ผมหยุดจิบทันที ดีนะที่จิบไปได้แค่ ครึ่งช็อต.... พอจะกลับบ้านผมขอซื้อเจ้าขวดนี้ต่อจากเพื่อน เห็นAlcมันสูงและแปลกดี สุดท้ายเพื่อนเค้าไม่ขาย แต่ขอแลกกับ Grey Goose. จากผมไป....
ช่วงระหว่างขับรถกลับบ้าน นึกขึ้นได้ว่า คุณแม็กซ์เคยบอกผมว่า มีเหล้าอยู่ตัวหนึงจะดื่มต้องจุดไฟก่อน ไม่งั้นอาจทำให้ตาบอดได้ ผมเลยโทรไปหาคุณแม็กซ์ทันที ปรากฏว่าเป็นตัวนี้จริงๆๆ ....
ช็อคแล้วเรา ตาจะบอดไหมนี่ ยิ่งเห็นฉลากบอกห้ามดื่ม แบบneat หรือ ตามด้วยน้ำ ...พอไปค้นข้อมูลพบว่ายี่ห้อ Hapsburg นี้มี สาร thujone ไม่เกิน 35ppm(ปกติบางประเทศกำหนดให้ absinthe ที่จำหน่ายในประเทศต้อง มีสาร thujone ไม่เกิน 10ppm.. ...หลังจากนั้น ผมรีบเด็ดใบรางจืด 7ใบ ปั่นกับน้ำดื่มเพื่อถอนพิษทันที.....เจ้าตัวนี้ทำให้ผมต้องหยุดดื่มเหล้าเป็นเวลา3วันเต็ม เพราะระบบทางเดินอาหารแปรปรวน ระเคืองนิดหน่อย แต่ไม่มีอาการปวดท้อง
..
ถาม ผม ว่าเข็ดไหม... แล้วจะลองดื่ม absinthe อีกไหม... ขอตอบเลยว่า..จะต้องขอลองดื่มอีกแน่ๆๆ แต่ต้องดื่ม absinthe แบบ ถูกวิธี เพราะ หากดื่มถูกวิธีแล้วตาบอด คงไม่มีใครวางขายทั่วโลกแน่ ตัวที่ผมได้มาเพื่อนซื้อในDuty Freeที่ต่างประเทศ แบบนี้ยิ่งมั่นใจเต็มที่
++++Hapsburg Green Premium Reserve Absinthe เป็น Absinthe เกรด Premium จาก อิตาลี เป็นรุ่นที่มีALC.89.9% ซึ่งแรงที่สุดของยี่ห้อนี้ และมีสาร thujone(สารที่สกัดได้ จากต้นเวิร์มวูด (wormwood) ซึ่งเป็นสารที่ทำให้เหล้า absinthe มีฤทธิ์ต่ออารมณ์และจิตใจ และ บันดาลให้เกิดภาพลวงตาต่างๆ)ไม่เกิน 35ppm แม้ดีกรีจะแรง แต่ช่วงที่จิบ ความรู้สึกเหมือนไม่น่าถึง89.9% -ของเค้าดีจริงๆเลย